กรุงเทพฯ 18 มี.ค.- ผู้สูงอายุถือว่าเป็นกลุ่มที่รัฐให้ความสำคัญในการดูแลเรื่องสวัสดิการ โดยรายเดือนจะมีเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุที่ได้รับตามสิทธิตามกฎหมาย ปัจจุบันมีผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป กว่า 9 ล้านคน ที่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพ ซึ่งภาครัฐอยากขอความร่วมมือผู้สูงอายุที่มีความพร้อม หากต้องการจะบริจาค ขอให้บริจาคเบี้ยยังชีพให้กองทุน เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ยากลำบากกว่า
นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ซึ่งมีภารกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ การจัดสวัสดิการ และการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุ กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีการปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได รายเดือนต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิต อายุ 60-69 ปี ได้รับเงิน 600 บาท/เดือน, อายุ 70-79 ปี ได้รับเงิน 700 บาท/เดือน, อายุ 80-89 ปี ได้รับเงิน 800 บาท/เดือน, อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับเงิน 1,000 บาท/เดือน โดยขณะนี้มีผู้สูงอายุรับเบี้ยยังชีพกว่า 9 ล้านคน เป็นวงเงินกว่า 70,000 ล้านบาท ซึ่งก็มีเสียงเรียกร้องให้ปรับเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาท เรื่องนี้รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ กำลังดูเรื่องความเหมาะสมอยู่ เพราะหากเพิ่มเป็น 1,000 บาท จะต้องใช้งบอีกจำนวนมาก
สำหรับช่องทางในการขอรับสิทธิ ผู้สูงอายุที่ใกล้จะเข้าอายุ 60 ปีเต็ม ให้ไปลงทะเบียนที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีภูมิลำเนาตามบัตรประชาชน โดยแจ้งความจำนงค์ขอรับเบี้ยผู้สูงอายุไว้ และเมื่ออายุ 60 ปีเต็ม จะได้รับสิทธิทันที แต่ต้องเป็นผู้ที่ไม่ได้รับสวัสดิการอื่นๆ จากรัฐ
กรมกิจการผู้สูงอายุยังฝากรณรงค์มาว่า ผู้อายุที่มีความพร้อมด้านฐานะอยู่แล้ว และประสงค์อยากบริจาค ก็สามารถบริจาคเบี้ยยังชีพได้ ให้กองทุนผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีคุณค่าและมีประโยชน์มากกับผู้สูงอายุอีกหลายคนที่มีความจำเป็นและมีรายได้น้อย สามารถแจ้งความจำนงได้ที่ท้องถิ่นที่รับเบี้ยยังชีพว่า พร้อมบริจาค หากบริจาคครบ 1 ปี กระทรวงการคลังจะมอบเหรียญที่ระลึกให้ และสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้.-สำนักข่าวไทย