ดีเดย์คุมเข้มสแกนทุกคนเข้า-ออก สุวรรณภูมิ

สมุทรปราการ 18 มี.ค.-ดีเดย์คุมเข้มสแกนทุกคนเข้า-ออก สุวรรณภูมิ พร้อมสรุปรายงานการคัดกรองผู้โดยสารตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid – 19 



นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ตั้งแต่เวลา 10.00 น.ของวันนี้ สนามบินสุวรรณภูมิได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการตรวจคัดกรองอุณหภูมิ เพื่อเป็นการคัดกรองผู้โดยสารตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid – 19 จากเดิมตรวจคัดกรองฯ เฉพาะผู้โดยสาร เปลี่ยนมาเป็นการตรวจคัดกรองผู้ที่จะผ่านเข้าออกภายในอาคารผู้โดยสารทั้งหมด หรือารคัดกรองแบบ Terminal Screening ซึ่งผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ ผู้ประกอบการ และผู้ปฏิบัติงานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต้องได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าภายในอาคารผู้โดยสาร หากพบผู้โดยสารมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5 องศาฯ จะให้พักรอ 3 – 5 นาที และตรวจซ้ำ หากยังพบอุณหภูมิร่างกายสูงกว่ากำหนดผู้โดยสารจะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจประเมินต่อไป นอกจากนี้ ได้ปิดประตูเข้า – ออก อาคารโดยสารบางส่วน จึงขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาการเดินทางมาสนามบิน เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบินและยังปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ทำความสะอาดใหม่หมดให้มีมาตรฐานและเพื่อให้ผู้ใช้บริการสนามบินมีความปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 พร้อมยืนยันว่าสนามบินสุวรรณภูมิมีแผนเตรียมพร้อมรับมือหากการระบาดเข้าสู่ระยะที่ 3 


ขณะที่ผลการสรุปจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางผ่านเข้า – ออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ประจำวันที่ 18 มีนาคม 2563 (ข้อมูล ณ วันที่ 17 มี.ค.63 เวลา 00.00 – 23.59 น.) ของศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ EMERGENCY OPERATION CENTER : EOC (COVID – 19) ว่า สรุปจำนวนเที่ยวบินทั้งสิ้น 628 เที่ยวบิน ด้านจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางผ่านเข้า – ออก ทสภ.มีจำนวนทั้งสิ้น 63,000 คน ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ทสภ.ได้ดำเนินการคัดกรองผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ จำนวน 16,025 คน พบผู้โดยสารเข้าเกณฑ์ PUI จำนวน 5 ราย ได้นำตัวส่งโรงพยาบาล สำหรับผู้โดยสารที่เป็นแรงงานไทยที่เดินทางมาจากประเทศเกาหลีใต้ 164 ราย จำแนกเป็นผู้โดยสารที่มีวีซ่าการเดินทางหมดอายุ 90 รายไม่พบผู้โดยสารที่เข้าเกณฑ์ PUI  และเก็บตัวอย่างบุคลากรในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่งตรวจจำนวนห้าคนอยู่ระหว่างรอผล Lab  ขณะเดียวกันเก็บตัวอย่างผู้โดยสารคนไทยที่ไม่มีเอกสารแสดงผลตรวจโรคโควิด-19 ใน 48 ชั่วโมง จำนวน 7 คนอยู่ระหว่างรอ Lab โดยผู้โดยสารกลุ่มนี้พักรออยู่ที่ห้องตรวจคัดกรองของด่านควบคุมโรคฯ สุวรรณภูมิ ทั้งนี้ ด้านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ทสภ.ได้ดำเนินการคัดกรองผู้โดยสารขาออก 27,228 คน ไม่พบผู้โดยสารเข้าเกณฑ์ PUI


สำหรับวันที่ 17 มีนาคม มีเที่ยวบินที่มาจากประเทศเกาหลี 3 เที่ยวบิน (สายการบินไทย 1 เที่ยวบิน Korean Airlines 2 เที่ยวบิน) มีจำนวนผู้โดยสารทั้งสิ้น 261 คน โดยเป็นผู้โดยสารคนไทย 164 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้โดยสารที่เป็นแรงงานไทยที่เดินทางมาจากประเทศเกาหลี ที่ทีวีซ่าการเดินทางหมดอายุ  90 คน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง