ทำเนียบฯ 17 มี.ค.-“เทวัญ” แถลงศูนย์โควิด-19 ย้ำสินค้าไม่ขาดแคลน วอนประชาชนอย่าตื่นตระหนก ด้าน “อนุทิน” ยันไม่เคยปิดข่าวผู้ติดเชื้อโควิด-19 สั่งปิดสถานบันเทิงทั่ว กทม.และปริมณฑล เพื่อบิ๊กคลีนนิ่ง 14 วัน ระบุการจำกัดการเดินทางของคนจะช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดได้ ด้าน อธ.กรมควบคุมโรค เผยสนามมวย สถานบันเทิง เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยโควิด-19 ปิดทำบิ๊กคลีนนิ่งจนกว่าจะไม่มีคนป่วยเพิ่ม
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวงและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงภาพรวมผลการดำเนินการของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
นายเทวัญ กล่าวว่า เป็นเวลาร่วม 2 เดือนแล้วสำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 วันนี้ (17 มี.ค.) ได้รับการยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุขพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 30 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 177 ราย กลับบ้านได้ 41 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยรัฐบาลออกมาตรการต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นช้าที่สุด
“การติดเชื้อ จะติดจากการสัมผัส ไอ จาม ในระยะใกล้ และการรวมตัวของประชาชนหมู่มาก หากจะออกจากบ้านให้ระมัดระวัง สำหรับมาตรการเชิงบวก กระทรวงสาธารณสุขพยายามย้ำว่าโรคไวรัสโควิด-19 สามารถป้องกันได้ ขอให้กินร้อน ช้อนกลาง หรือช้อนส่วนตัว รวมทั้งการแยกสำรับการกินร่วมกับคนอื่น ได้จะดี การล้างมือบ่อย ๆ เจลหรือแอลกออฮอล์ ล้างมือด้วยสบู่ หากรู้สึกว่าตนเองป่วย หรือมีความเสี่ยง สามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกระทรวงสาธารณสุข 1422 หรือสายด่วนศูนย์โควิด-19 1111 และพบแพทย์ใกล้บ้าน ส่วนการรักษาฟรี หากมีข้อบ่งชี้ว่าติดเชื้อ หากคนที่สุขภาพแข็งแรงไม่อยากให้ไปตรวจ เพราะขณะนี้โรงพยาบาลอาจไม่สามารถรองรับพอ อยากแนะนำให้ทำแบบสอบถามของโรงพยาบาลราชวิถี ที่มีการเผยแพร่ออกมา เป็นแบบสอบถามที่ประเมินตัวเองเบื้องต้นว่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ อยากให้ประชาชนลองไปเช็คตัวเองดู” นายเทวัญ กล่าว
นายเทวัญ กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมา ประชาชนโทรเข้ามาร้องเรียนกับสายด่วนศูนย์โควิด 1111 ประมาณ 1,000 ราย และเกินครึ่งถามเรื่องสินค้าอุปโภคบริโภค และได้สอบถามบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ ยืนยันว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปผลิตได้กว่า 10-15 ล้านซอง ปลากระป๋องผลิตได้กว่า 665 ล้านกระป๋อง ปลาทูน่ากว่า 1 ล้านกระป๋อง
“ขอย้ำว่าสินค้าไม่ขาดแคลนแน่นอน มีเติมตลอด หากที่วางสินค้าที่ไหนว่าง ไม่อยากให้ประชาชนตระหนกเกินไป อยากให้ใช้ชีวิตปกติ” นายเทวัญ กล่าว
ขณะที่นายอนุทิน ยืนยันว่า มุ่งมั่นตั้งใจและพร้อมรับมือโรคไวรัสโควิด-19 เวลาผ่านไป 2 เดือนครึ่ง ยังสามารถหาผู้ที่ติดเชื้อครบเกือบทุกราย ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมามีการปรับตัวตามสถานการณ์ได้เรื่อย ๆ และได้ป้องกันอย่างเต็มที่ จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นแต่ละวัน ยังสามารถหาต้นตอได้ ขณะเดียวกันผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วกลับบ้านได้ ก็มีจำนวนไม่น้อย
“เราต้องการจะให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลให้ได้มากที่สุด มีคำวิพากษ์วิจารณ์มากมายว่ากระทรวงสาธารณสุขปิดข่าวรึเปล่า ยืนยันว่าไม่มี ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่ต้องทำสิ่งนั้น ข้อมูลที่กระทรวงสาธารณสุขมี ก็เหมือนกับที่ประชาชนมี ขณะเดียวกัน ตอนนี้ยังหาสาเหตุได้อยู่ คนไปที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ปัจจัยของการแพร่เชื้ออย่างชัดเจน เราจึงยังหาต้นตอของการระบาดได้ ตรงไหนที่มีการไปแล้วมีการชุมนุมแออัดใกล้ชิด มีเหงื่อมาก มีสารคัดหลั่งมาก มีละอองฝอยมาก ตรงนั้นแหละคือที่แพร่เชื้อไวรัสโควิด” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า มาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี ได้แก่ มาตรการป้องกันและสกัดกั้นการนำเชื้อเข้าสู่ประเทศไทย โดยผู้ที่เดินทางจาก 4 ประเทศที่เคยประกาศเป็นเขตโรคติดต่ออันตรายแล้วนั้น ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย ต้องมีใบรับรองแพทย์ไม่เกิน 3 วัน ใบประกันสุขภาพ ต้องยินยอมให้ใช้แอพพลิเคชั่นในการติดตามตัว พร้อมแสดงวัตถุประสงค์ที่เข้าไทยในช่วงนี้ และต้องยอมรับว่าต้องถูกกักตัวไว้สังเกตอาการ 14 วัน ส่วนประเทศที่มีการแพร่ระบาดอื่น ๆ ก็ใช้มาตรการเดียวกัน
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีมาตรการให้พนักงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจงดการเดินทางไปต่างประเทศ ยกเว้นมีเหตุจำเป็น ให้ขออนุมัติผู้บังคับบัญชาเป็นครั้ง ๆ ไป อย่างไรก็ตาม เชื้อโควิด-19 ไม่สามารถลอยไปตามอากาศได้ แต่ไปกับคนที่ติดเชื้อ ดังนั้นจะติดเชื้อได้ คือ คนคนนั้นต้องเดินทาง การยับยั้งการแพร่ระบาด คือ การจำกัดไม่ให้คนเดินทาง ดังนั้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายนนี้ รัฐบาลจึงจำเป็นที่จะขอให้เป็นวันทำงานปกติ
“พวกเราทุกคนอาจจะอดเดินทางกลับบ้าน เพราะต้องทำงานปกติ แต่เราจะไม่ติดเชื้อ ไม่ป่วย มันคุ้มค่ากับการแลก และมันเป็นการเลื่อน ไม่ใช่การงด รัฐบาลจะหาวันหยุดชดเชยให้กับความเสียสละและความร่วมมือของประชาชน เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมทันทีที่สถานการณ์คลี่คลาย” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เนื่องจากมีการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในหลายพื้นที่ ช่วงนี้จะขอให้มีการปิดสถานบันเทิงในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยกระทรวงสาธารณสุขจะใช้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ มาตรา 35 (1) ในการดำเนินการบังคับใช้ ทั้งนี้แหล่งที่มีการเดินทางของคนจำนวนมาก เช่น สนามกีฬา สนามมวย สนามม้า สนามชนไก่ สนามชนโค ทั่วประเทศจะต้องปิดจนกว่าจะมีคำสั่งต่อไป ขณะเดียวกัน สถานบันเทิงจะต้องทำบิ๊กคลีนนิ่งเป็นเวลา 14 วัน โดยจะมีเจ้าหน้าที่กระทาวงสาธารณสุขตรวจตราและให้การสนับสนุน จากนั้นจะพิจารณาต่อไปว่าหลังจาก 14 วันจะมีการเปิดหรือไม่ ซึ่งจะมีการพิจารณาต่อไปเมื่อถึงเวลาอันสมควร ขอยืนยันว่าเข้าใจถึงความเดือดร้อนของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่โรงเรียน มหาวิทยาลัย จะแจ้งให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้ปิดการสอนเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงมาตรการบิ๊กคลีนนิ่งพื้นที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า แยกเป็น 2 กรณี คือ สถานที่มีผู้คนไปอย่างสม่ำเสมอ เช่น โรงเรียน สถาบันกวดวิชา มหาวิทยาลัย กำหนดปิดเป็นระยะเวลา2 สัปดาห์ และทำบิ๊กคลีนนิ่ง ส่วนสถานที่ที่มีผู้คนชุมนุมไม่เป็นกิจวัตร เช่น สนามมวย สถานบังเทิง สถานบริการ ให้ปิดสถานที่เสี่ยงดังกล่าวเพื่อทำบิ๊กคลีนนิ่ง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หมายถึงจนกว่าจะไม่พบผู่ป่วยเกี่ยวข้องกับสถานที่นั้น ส่วนการจัดกิจกรรมคอนเสิร์ต หรือการจัดกิจกรรมที่มีคนมารวมกันมาก ๆ อาจจะต้องผ่านความเห็นชอบจากจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และกรุงเทพมหานคร ส่วนสถานที่ที่ยังคงจำเป็นต้องเปิด เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาด ศูนย์ราชการต่าง ๆ แม้จะมีการเปิดทำการอยู่ ก็ต้องดำเนินการตามสุขอนามัยและสุขภิบาลให้ถูกต้อง ส่วนร้านอาหาร มีกฏหมายควบคุมอยู่แล้วตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข
“การดำเนินการขณะนี้ต้องเข้มข้นขึ้น หากพบผู้ป่วย ผู้ต้องสงสัย เจ้าพนักงานมีอำนาจสั่งปิด และทำความสะอาด หรือให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงและสั่งห้ามตัวบุคคลที่มีความเสี่ยงได้เลย” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
ขณะที่ นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวงและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีชาวจีนที่โดดตึกลงมาเสียชีวิต ที่สุ่มเสี่ยงว่าอาจติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ไม่มีใครกล้าไปเก็บศพ ว่า ที่ผ่านมายอมรับว่าอาจฉุกละหุกและอาจขาดแคลนชุดสำหรับเจ้าหน้าที่ในการป้องกัน แต่ขอยืนยันว่าตั้งแต่นี้ไป หากรายไหนมีความเสี่ยงติดเชื้อ เรามีมาตรฐานในการดูแล ส่วนศพที่ไม่มีความเสี่ยง ก็ดำเนินการตามปกติ
“กระทรวงสาธารณสุขขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือในการเพิ่มมาตรการต่าง ๆ ที่เข้มข้นขึ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวและคนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศเข้าไทย ก็ให้ความร่วมมือมากขึ้น โดยเฉพาะการโหลดแอพพลิเคชั่นเพื่อติดตามตัวด้วยเช่นกัน” นพ.รุ่งเรือง กล่าว.-สำนักข่าวไทย