กรุงเทพฯ 7 มี.ค.-ภาครัฐเร่งขยายโครงการไทยเด็ด หลังเปิดจำหน่ายในปั๊มแล้ว 177 แห่ง เสริมสร้างตลาดให้เอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน
วันนี้ (7 มี.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมพิธีเปิด “โครงการไทยเด็ด แมชชิ่ง เดย์ ครั้งที่ 5” ณ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น บริษัท ไอเอสเค บิสซิเนส จำกัด จ.กาญจนบุรี ในโครงการไทยเด็ด แมชชิ่ง เดย์ ครั้งแรกของภาคตะวันตก
“ปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมันฯ 177 แห่งทั่วประเทศและวิสาหกิจชุมชน 147 รายแล้วที่เข้าร่วมโครงการไทยเด็ด สินค้าเด็ด เด่น ดี อีกหลายแห่งยังขาดโอกาสทางการตลาด ไทยเด็ดจึงเป็นทั้งการให้กำลังใจ SMEs ในการพัฒนาสินค้าและเป็นโอกาสในการขยายพื้นที่ขาย แถมยังเพิ่มมูลค่าสินค้า เพิ่มรายได้ให้กับชุมชน ไทยเด็ดเป็นพื้นที่ของทุกคน คนตัวเล็กและผู้ประกอบการรายย่อยมีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น และเป็นโอกาสของคนตัวใหญ่ที่จะสร้างคุณค่าร่วมกับชุมชนสังคมพลังงานจะไม่ใช่แค่เชื้อเพลิงขับเคลื่อนเครื่องยนต์หรือผลิตไฟฟ้าครับ พลังงานยังขับเคลื่อนชีวิตคนไทยด้วย”นายสนธิรัตน์ กล่าว
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์ กล่าวว่า โออาร์ ดำเนินธุรกิจโดยเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มได้ร่วมออกแบบรูปแบบทางธุรกิจร่วมกัน เพื่อช่วยกันสร้างประโยชน์ให้กับสังคมชุมชน โดยโครงการไทยเด็ด นั้น โออาร์ได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กระทรวงพลังงาน โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และผู้ประกอบการธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น นะผลิตภัณฑ์ไทยเด็ดมาวางจำหน่ายในร้านขายของฝากภายใต้ชื่อ “มุมไทยเด็ด” อีกทั้งยังได้จัดสรรพื้นที่ภายใน สถานีบริการน้ำมันฯ เพื่อเปิดเป็นพื้นที่สำหรับ “ตลาดไทยเด็ด” ให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ นำผลิตผลทางการเกษตร อาหาร และสินค้าหัตถกรรมงานฝีมือที่มีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นมาจำหน่าย
นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรม “ไทยเด็ด แมชชิ่ง เดย์” โดยเชิญผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมันฯ จากจังหวัดต่าง ๆ มาคัดเลือกผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน เพื่อนำไปวางจำหน่าย ณ “มุมไทยเด็ด” ภายในสถานีบริการน้ำมันฯ ของตนเอง เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ สร้างโอกาสในการขยายตลาด และสร้างรายได้เพิ่มให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน
ปัจจุบันมีวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 147 ราย และมีสถานีบริการน้ำมันฯ เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 177 แห่ง โดยเป็นสถานีบริการน้ำมันฯ ในภาคตะวันตก จำนวน 13 แห่ง
นายยุวพล วัตถุ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตก ธ.ก.ส. กล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้ร่วมนำสินค้าเด่นจากเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนในท้องถิ่น มาจำหน่ายในบริเวณสถานีบริการน้ำมันในโครงการดังกล่าว เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าของเกษตรกร ผู้ประกอบการ SME เกษตร และวิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างรายได้ สร้างอาชีพ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง-สำนักข่าวไทย