รัฐบาลเปิดศูนย์ข้อมูลโควิด-19

ทำเนียบฯ 6 มี.ค.- รัฐบาลเปิดศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19)  โฆษก กต.ระบุประสานกับทางเกาหลีใต้ให้กักตัวแรงงานไทยก่อน 14 วัน ระหว่างรอเดินทางกลับ และให้เพิ่มมาตรการเข้มงวดที่สนามบินอินชอน หากพบมีไข้ หรืออุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศา จะไม่อนุญาตให้เดินทาง เริ่ม 9  มี.ค. ด้าน อธิบดีกรมการค้าภายใน ยันหน้ากากอนามัยจะจัดสรรให้โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ก่อน วันละ 7 แสนชิ้น กำชับคุมราคาอยู่ที่ 2.50 บาทต่อชิ้น หากพบขายเกินราคามีโทษปรับและจำคุก


นายเทวัญ ลิปตพัลลภ  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) แถลงข่าวเปิดศูนย์ว่า วัตถุประสงค์การจัดตั้งศูนย์ คือ 1.เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19  2.รับข้อมูลความเดือดร้อนของประชาชนในทุกมิติ จนถึงการให้ความข่วยเหลือเยียวยาอย่างทันท่วงที ศูนย์นี้จะเป็นหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน ผ่าน สายด่วน 1111  3.รับบริจาคเงินและสิ่งของตามระเบียบเพื่อบรรเทาการแพร่ระบาดของโรค โดยจะมีการแถลงข่าวทุกวันเวลา 14.00-15.00 น. ยกเว้นวันหยุด แต่หากมีเรื่องเร่งด่วนจะแถลงในวันหยุดด้วย ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของคนทั้งประเทศ หวังว่าทุกคนจะช่วยกันร่วมมือร่วมใจกันให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้

นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงมาตรการป้องกันกรณีแรงงานไทยผิดกฎหมายที่เกาหลีใต้จะเดินทางกลับไทยในช่วงที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักว่า ภาพรวมของแรงงานไทยในเกาหลีใต้ มีประมาณ 209,909 คน แบ่งเป็นแรงงานไทยผิดกฎหมาย จำนวน 152,439 คน และมีแรงงานไทยถูกกฎหมาย จำนวน 57,470 คน


โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ทางการเกาหลีใต้มีมาตรการจูงใจให้แรงงานไทยผิดกฎหมายไปรายงานตัวได้และลงทะเบียนกลับประเทศโดยไม่ผิดกฎหมายก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งในช่วงแรกมีคนเดินทางกลับไม่มากนัก แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกาหลีใต้ ทำให้มีแรงงงานลงทะเบียนกลับไทยมากขึ้น โดยข้อมูลจนถึงวันที่ 1 มีนาคม 2563  มีผู้ลงทะเบียนกลับไทย 5,386 คน และกลับมาแล้ว4,727 คน โดยกระบวนการตรวจเอกสารต่างๆ จะใช้เวลา 3-15 วัน ในการดำเนินการก่อนเดินทางกลับ

นายเชิดเกียรติ  กล่าวว่า ล่าสุดหลังจากที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ผลักดันอย่างต่อเนื่องกับรัฐบาลเกาหลีใต้ เพื่อให้เพิ่มการตรวจคัดกรองก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทย  เพื่อช่วยป้องการแพร่ระบาดของโรคในประเทศไทย  โดยมีมาตรการคัดกรองผู้โดยสารขาออก ที่สนามบินอินชอน  (exit screening) ดังนี้ โดยผู้โดยสารจะถูกตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายรวม 3 ครั้ง ก่อนเดินทางออกนอกประเทศด้วยอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิที่ติดตั้งไว้ 3 บริเวณ ได้แก่ ประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสารขาออก ,จุดตรวจหนังสือเดินทาง ก่อนกระบวนการตรวจร่างกาย และประตูทางออกก่อนขึ้นเครื่อง โดยผู้โดยสารที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศาจะถูกคัดกรองและไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทาง ทั้งนี้จะใช้มาตรการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการยกระดับการตรวจคัดกรองเพิ่มขึ้นในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

“มาตรการเคร่งครัดที่ขอความร่วมมือไป คือขอให้แรงงานไทยที่เกาหลีใต้ กักตัวเองอยู่บ้าน 14 วัน ระหว่างรอการเดินทางกลับไทย  และขอให้เพิ่มมาตรการเข้มงวด คนไทยกลุ่มดังกล่าว ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ ที่สนามบินอินชอน ที่จะเดินทางมาประเทศไทย รวมถึงขอข้อมูลจากตม.เกาหลีใต้ สำหรับคนไทยที่จะเดินทางกลับมายังประเทศไทย เพื่อส่งข้อมูลมาที่ไทยให้เจ้าหน้าที่ไทยได้ติดตามตัวถึงแหล่งพำนักในประเทศไทยได้ต่อไป” นายเชิดเกียรติ  กล่าว


จากนั้นนพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการคัดกรองของกระทรวงสาธารณสุข ว่า หากพบผู้ที่มีอาการไม่สบายตั้งแต่ที่สนามบินจะส่งไปโรงพยาบาลในสังกัดทันที นอกจากนี้จะนำบุคคลที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงไปยังจุดรับรองที่ได้จัดเตรียมไว้ ส่วนที่มาจากพื้นที่เสี่ยงน้อยจะให้อยู่พื้นที่ที่เหมาะสม และนอกจากนี้จะมีการจัดหลุมจอดเครื่องบินพิเศษเพื่อคัดกรองตั้งแต่บนเครื่องบิน กระทรวงสาธารณสุขทราบข้อมูลทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศไทย เพราะได้ประสานกับตม. และมีการตรวจคัดกรอง พร้อมทั้งจะให้ความรู้และข้อปฎิบัติ แก่ผู้ที่เดินทางกลับ รวมทั้งการติดตามไม่ใช่แค่ที่สนามบิน แต่ตามไปถึงที่บ้าน สามารถไปรับตรวจผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว แต่หากผู้ที่เดินทางกลับมาจากกลุ่มประเทศเสี่ยงไม่ให้ความร่วมมือ จะบังคับใช้มาตรการทางกฎหมาย

ที่ปรึกษาโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เชื้อโควิด-19 ไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ในระยะเกิน 1 เอื้อมแขน เพราะไวรัสจะตกลงพื้นก่อน ส่วนมากจะติดจากการจับและสัมผัส  สำหรับตัวเลขล่าสุด 47 ราย มีผู้เสียชีวิต 1 คน ตัวเลขยังคงเดิม และหากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามมายัง สายด่วน 1422   

ด้านนายจักษ์ พันธ์ชูเพชร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ทุกวันจะมีการประชุมวีดีโอคอนเฟอเร้นท์เพื่อประสานกับทุกหน่วยงานทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัด นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ประจำที่สนามบินที่จะมีการส่งข้อมูลระหว่างกันกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการบูรณาการทำงานระหว่างกัน คนที่เดินทางมาจากเกาหลีใต้ทุกคนไม่ใช่ผีน้อย เพราะแรงงานที่ถูกกฎหมายเดินทางกลับมาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็มี ยืนยันว่ากระทรวงแรงงานจะเก็บข้อมูลแรงงานไทยทั้งหมด

นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย  กล่าวว่า จะมีการส่งข้อมูลไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอและท้องถิ่นเพื่อให้ติดตามเฝ้าระวังบุคคลที่กลับมาจากประเทศเสี่ยง 

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงสถานการณ์การขาดแคลนหน้ากากอนามัยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ต้องจัดลำดับความสำคัญเพราะกำลังการผลิตต่อวันอยู่ที่ 1ล้าน 2 แสนชิ้น ซึ่งผลิตได้ลดลงจากเดิมอยู่ที่ 1ล้าน 3 แสนชิ้น เนื่องจากวัตถุดิบไม่เพียงพอ และเมื่อมีความต้องการจำนวนมากผลิตอย่างไรก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นจึงต้องจัดลำดับความสำคัญ โดยจะจัดสรรให้โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ก่อนเป็นอันดับแรก เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แจกจ่ายให้กับโรงพยาบาล วันละ 7 แสนชิ้น แต่หากไม่เพียงพออาจมีการเติมกำลังการผลิต 5 แสนชิ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ 

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า หน้ากากอนามัยดังกล่าวจะรวมถึงหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ สีเขียว และหน้ากาก เอ็น 95 สำหรับการจัดอันดับความสำคัญต่อมา คือบุคคลที่มีความเสี่ยงสัมผัสกับกลุ่มเสี่ยง เช่นเจ้าหน้าที่สนามบิน เป็นต้น ส่วนที่เหลือจากนั้นจึงจะกระจายไปยังร้านค้าขายส่ง ขายปลีก เพื่อกระจายไปให้ถึงมือประชาชน นอกจากนี้ยังมีรถโมบายกระจายไปขายหน้าอนามัยให้กับประชาชนด้วย ขอยืนยันว่าไม่มีการกักตุนเพราะกระทรวงพาณิชย์เข้าไปควบคุมถึงโรงงานการผลิต และราคาต้องไม่เกิน 2.50 บาทต่อชิ้น หากพบขายเกินราคา จะมีโทษ จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท โดยจะเริ่มวัน จันทร์ ที่9 มี.ค.นี้

นอกจากนี้ทางศูนย์ ยังเปิดเลขบัญชีให้บริจาคเงิน ผ่านกองทุนสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067-0-13829-0 

จากนั้นเป็นช่วงถามตอบ โดยสื่อถามว่าจะดูแลแรงงานไทยจากเกาหลีใต้ที่เดินทางกลับมาแล้วอย่างไร ซึ่งทางกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า มีการทยอยเดินทางกลับมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว จึงเลยระยะเวลาการควบคุมตัว 14 วันแล้ว นอกจากนี้ยังมีการติดตามตัวตั้งแต่ที่สนามบินจนมาถึงไทย ยอมรับว่ามีความเสี่ยงแต่น้อยมาก ๆ

เมื่อถามว่าในช่วงกักตัว 14 วัน จะต้องปฎิบัติตัวอย่างไรบ้าง นายแพทย์รุ่งเรือง กล่าวว่า มีมาตรการ 10 ข้อ แนะนำให้ทำใน 14 วัน  อาทิ การอยู่กับบ้าน กักบริเวนตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย แยกทานข้าว ทำความสะอาดบ้าน เมื่อถามว่าคนที่กลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงแล้วออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามที่มีการรายงานออกมานั้น  นพ.รุ่งเรือง กล่าวว่า ส่วนใหญ่ที่เห็น เกิน 14 วันแล้ว  ซึ่งยังควบคุมได้ และเท่าที่เห็นผ่านโซเชียลคือเป็นส่วนน้อย ส่วนการใช้แอฟพลิเคชั่นติดตามตัว ก็เริ่มมีการดำเนินการหาแนวทางบ้างแล้ว โดยจะมีการเพิ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอเข้ามาใช้ในอนาคต.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

วธ.สั่งสอบกัมพูชานำ 22 วรรณกรรมไทย สอดไส้ขึ้นทะเบียนกับยูเนสโก

15 ก.ค. – ปลัดวัฒนธรรม สั่งตรวจสอบแล้ว หลังมีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์อ้างว่ามีรายชื่อวรรณกรรมไทยหลายรายการถูกนำไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับองค์การยูเนสโกโดยประเทศอื่นๆ นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์และสื่อมวลชนบางแห่ง โดยอ้างว่ามีรายชื่อวรรณกรรมไทยหลายรายการถูกนำไปขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับองค์การยูเนสโก โดยประเทศอื่นๆ นั้น กระทรวงได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว และได้มอบหมายให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประสานความร่วมมือกับกรมศิลปากร กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว เนื่องจากกระบวนการพิจารณาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาตรวจสอบ กลั่นกรองข้อมูลอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบ กระทรวงวัฒนธรรม ขอยืนยันว่าหากได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและครบถ้วนแล้วจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบในโอกาสต่อไป เขมรเคลมฉก 22 วรรณกรรมไทยสอดไส้ขึ้นทะเบียนยูเนสโกแล้วก่อนหน้านี้ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “JanJao K. Sisprakaew” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่เขมรนำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย รายชื่อวรรณกรรมเหล่านี้ถูกแต่งขึ้นโดยชาวไทย แต่ถูกเขมรนำไปขึ้นทะเบียนต่อ Unesco ในหัวข้อ “มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ Cultural heritage of Cambodia” วรรณกรรมไทยเหล่านี้ถูกเขมรเคลมเป็นของตนเองเพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodiaโดยเขมรอ้างว่ารายชื่อวรรณกรรมเหล่านี้ได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522-2545 จากละครเรื่อง […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 15 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ […]

ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “แพทองธาร” คลิปคุย “ฮุนเซน”

กทม. 14 ก.ค. – ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรงต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงคุยกับ “ฮุน เซน” ที่สำนักงาน ป.ป.ช. วันนี้มีรายงานว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวน การตั้งองค์คณะไต่สวนครั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา51 ซึ่งเปิดช่องให้ ป.ป.ช. ตั้งกรรมการไม่น้อยกว่า 2 คนไต่สวนได้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงมีผลกระทบต่อสาธารณะอย่างกว้างขวางหรือเกี่ยวพันกับองค์กรตุลาการ ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาเบื้องต้น และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 10 วัน โดยให้มีการถอดเทปคำสนทนาและจัดทำคำแปลจากภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง ครอบคลุมการสอบพยาน และการศึกษา คดีเปรียบเทียบ เช่น […]

เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ลาสิกขา ปมโอน 13 ล้าน

พระนครศรีอยุธยา 14 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ สมัครใจลาสิกขา หลังโอนเงินกว่า 13 ล้าน ให้ “สีกากอล์ฟ” ยืนยันไม่มีสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่ยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” พระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำพิธีลาสิกขาด้วยความสมัครใจในวันนี้ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด พร้อมสอบปากคำพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสฯ นานเกือบ 3 ชั่วโมง พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า อดีตเจ้าอาวาสฯ เต็มใจลาสิกขา เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟ พบว่า เส้นเงินถูกโอนจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการรับกิจนิมนต์และสอนหนังสือ โดยโอนไปให้สีกากอล์ฟ รวม 12.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินจากบัญชีวัดอีก 3.8 แสนบาท ซึ่งมีทั้งโอนผ่านโทรศัพพ์และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกันพบว่าโอนให้สีกากอล์ฟ […]