รัฐบาลเปิดศูนย์ข้อมูลโควิด-19

ทำเนียบฯ 6 มี.ค.- รัฐบาลเปิดศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19)  โฆษก กต.ระบุประสานกับทางเกาหลีใต้ให้กักตัวแรงงานไทยก่อน 14 วัน ระหว่างรอเดินทางกลับ และให้เพิ่มมาตรการเข้มงวดที่สนามบินอินชอน หากพบมีไข้ หรืออุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศา จะไม่อนุญาตให้เดินทาง เริ่ม 9  มี.ค. ด้าน อธิบดีกรมการค้าภายใน ยันหน้ากากอนามัยจะจัดสรรให้โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ก่อน วันละ 7 แสนชิ้น กำชับคุมราคาอยู่ที่ 2.50 บาทต่อชิ้น หากพบขายเกินราคามีโทษปรับและจำคุก


นายเทวัญ ลิปตพัลลภ  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) แถลงข่าวเปิดศูนย์ว่า วัตถุประสงค์การจัดตั้งศูนย์ คือ 1.เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19  2.รับข้อมูลความเดือดร้อนของประชาชนในทุกมิติ จนถึงการให้ความข่วยเหลือเยียวยาอย่างทันท่วงที ศูนย์นี้จะเป็นหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน ผ่าน สายด่วน 1111  3.รับบริจาคเงินและสิ่งของตามระเบียบเพื่อบรรเทาการแพร่ระบาดของโรค โดยจะมีการแถลงข่าวทุกวันเวลา 14.00-15.00 น. ยกเว้นวันหยุด แต่หากมีเรื่องเร่งด่วนจะแถลงในวันหยุดด้วย ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของคนทั้งประเทศ หวังว่าทุกคนจะช่วยกันร่วมมือร่วมใจกันให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้

นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงมาตรการป้องกันกรณีแรงงานไทยผิดกฎหมายที่เกาหลีใต้จะเดินทางกลับไทยในช่วงที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักว่า ภาพรวมของแรงงานไทยในเกาหลีใต้ มีประมาณ 209,909 คน แบ่งเป็นแรงงานไทยผิดกฎหมาย จำนวน 152,439 คน และมีแรงงานไทยถูกกฎหมาย จำนวน 57,470 คน


โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ทางการเกาหลีใต้มีมาตรการจูงใจให้แรงงานไทยผิดกฎหมายไปรายงานตัวได้และลงทะเบียนกลับประเทศโดยไม่ผิดกฎหมายก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งในช่วงแรกมีคนเดินทางกลับไม่มากนัก แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกาหลีใต้ ทำให้มีแรงงงานลงทะเบียนกลับไทยมากขึ้น โดยข้อมูลจนถึงวันที่ 1 มีนาคม 2563  มีผู้ลงทะเบียนกลับไทย 5,386 คน และกลับมาแล้ว4,727 คน โดยกระบวนการตรวจเอกสารต่างๆ จะใช้เวลา 3-15 วัน ในการดำเนินการก่อนเดินทางกลับ

นายเชิดเกียรติ  กล่าวว่า ล่าสุดหลังจากที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ผลักดันอย่างต่อเนื่องกับรัฐบาลเกาหลีใต้ เพื่อให้เพิ่มการตรวจคัดกรองก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทย  เพื่อช่วยป้องการแพร่ระบาดของโรคในประเทศไทย  โดยมีมาตรการคัดกรองผู้โดยสารขาออก ที่สนามบินอินชอน  (exit screening) ดังนี้ โดยผู้โดยสารจะถูกตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายรวม 3 ครั้ง ก่อนเดินทางออกนอกประเทศด้วยอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิที่ติดตั้งไว้ 3 บริเวณ ได้แก่ ประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสารขาออก ,จุดตรวจหนังสือเดินทาง ก่อนกระบวนการตรวจร่างกาย และประตูทางออกก่อนขึ้นเครื่อง โดยผู้โดยสารที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศาจะถูกคัดกรองและไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทาง ทั้งนี้จะใช้มาตรการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการยกระดับการตรวจคัดกรองเพิ่มขึ้นในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

“มาตรการเคร่งครัดที่ขอความร่วมมือไป คือขอให้แรงงานไทยที่เกาหลีใต้ กักตัวเองอยู่บ้าน 14 วัน ระหว่างรอการเดินทางกลับไทย  และขอให้เพิ่มมาตรการเข้มงวด คนไทยกลุ่มดังกล่าว ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ ที่สนามบินอินชอน ที่จะเดินทางมาประเทศไทย รวมถึงขอข้อมูลจากตม.เกาหลีใต้ สำหรับคนไทยที่จะเดินทางกลับมายังประเทศไทย เพื่อส่งข้อมูลมาที่ไทยให้เจ้าหน้าที่ไทยได้ติดตามตัวถึงแหล่งพำนักในประเทศไทยได้ต่อไป” นายเชิดเกียรติ  กล่าว


จากนั้นนพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการคัดกรองของกระทรวงสาธารณสุข ว่า หากพบผู้ที่มีอาการไม่สบายตั้งแต่ที่สนามบินจะส่งไปโรงพยาบาลในสังกัดทันที นอกจากนี้จะนำบุคคลที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงไปยังจุดรับรองที่ได้จัดเตรียมไว้ ส่วนที่มาจากพื้นที่เสี่ยงน้อยจะให้อยู่พื้นที่ที่เหมาะสม และนอกจากนี้จะมีการจัดหลุมจอดเครื่องบินพิเศษเพื่อคัดกรองตั้งแต่บนเครื่องบิน กระทรวงสาธารณสุขทราบข้อมูลทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศไทย เพราะได้ประสานกับตม. และมีการตรวจคัดกรอง พร้อมทั้งจะให้ความรู้และข้อปฎิบัติ แก่ผู้ที่เดินทางกลับ รวมทั้งการติดตามไม่ใช่แค่ที่สนามบิน แต่ตามไปถึงที่บ้าน สามารถไปรับตรวจผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว แต่หากผู้ที่เดินทางกลับมาจากกลุ่มประเทศเสี่ยงไม่ให้ความร่วมมือ จะบังคับใช้มาตรการทางกฎหมาย

ที่ปรึกษาโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เชื้อโควิด-19 ไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ในระยะเกิน 1 เอื้อมแขน เพราะไวรัสจะตกลงพื้นก่อน ส่วนมากจะติดจากการจับและสัมผัส  สำหรับตัวเลขล่าสุด 47 ราย มีผู้เสียชีวิต 1 คน ตัวเลขยังคงเดิม และหากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามมายัง สายด่วน 1422   

ด้านนายจักษ์ พันธ์ชูเพชร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ทุกวันจะมีการประชุมวีดีโอคอนเฟอเร้นท์เพื่อประสานกับทุกหน่วยงานทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัด นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ประจำที่สนามบินที่จะมีการส่งข้อมูลระหว่างกันกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการบูรณาการทำงานระหว่างกัน คนที่เดินทางมาจากเกาหลีใต้ทุกคนไม่ใช่ผีน้อย เพราะแรงงานที่ถูกกฎหมายเดินทางกลับมาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็มี ยืนยันว่ากระทรวงแรงงานจะเก็บข้อมูลแรงงานไทยทั้งหมด

นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย  กล่าวว่า จะมีการส่งข้อมูลไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอและท้องถิ่นเพื่อให้ติดตามเฝ้าระวังบุคคลที่กลับมาจากประเทศเสี่ยง 

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงสถานการณ์การขาดแคลนหน้ากากอนามัยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ต้องจัดลำดับความสำคัญเพราะกำลังการผลิตต่อวันอยู่ที่ 1ล้าน 2 แสนชิ้น ซึ่งผลิตได้ลดลงจากเดิมอยู่ที่ 1ล้าน 3 แสนชิ้น เนื่องจากวัตถุดิบไม่เพียงพอ และเมื่อมีความต้องการจำนวนมากผลิตอย่างไรก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นจึงต้องจัดลำดับความสำคัญ โดยจะจัดสรรให้โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ก่อนเป็นอันดับแรก เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แจกจ่ายให้กับโรงพยาบาล วันละ 7 แสนชิ้น แต่หากไม่เพียงพออาจมีการเติมกำลังการผลิต 5 แสนชิ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ 

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า หน้ากากอนามัยดังกล่าวจะรวมถึงหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ สีเขียว และหน้ากาก เอ็น 95 สำหรับการจัดอันดับความสำคัญต่อมา คือบุคคลที่มีความเสี่ยงสัมผัสกับกลุ่มเสี่ยง เช่นเจ้าหน้าที่สนามบิน เป็นต้น ส่วนที่เหลือจากนั้นจึงจะกระจายไปยังร้านค้าขายส่ง ขายปลีก เพื่อกระจายไปให้ถึงมือประชาชน นอกจากนี้ยังมีรถโมบายกระจายไปขายหน้าอนามัยให้กับประชาชนด้วย ขอยืนยันว่าไม่มีการกักตุนเพราะกระทรวงพาณิชย์เข้าไปควบคุมถึงโรงงานการผลิต และราคาต้องไม่เกิน 2.50 บาทต่อชิ้น หากพบขายเกินราคา จะมีโทษ จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท โดยจะเริ่มวัน จันทร์ ที่9 มี.ค.นี้

นอกจากนี้ทางศูนย์ ยังเปิดเลขบัญชีให้บริจาคเงิน ผ่านกองทุนสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067-0-13829-0 

จากนั้นเป็นช่วงถามตอบ โดยสื่อถามว่าจะดูแลแรงงานไทยจากเกาหลีใต้ที่เดินทางกลับมาแล้วอย่างไร ซึ่งทางกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า มีการทยอยเดินทางกลับมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว จึงเลยระยะเวลาการควบคุมตัว 14 วันแล้ว นอกจากนี้ยังมีการติดตามตัวตั้งแต่ที่สนามบินจนมาถึงไทย ยอมรับว่ามีความเสี่ยงแต่น้อยมาก ๆ

เมื่อถามว่าในช่วงกักตัว 14 วัน จะต้องปฎิบัติตัวอย่างไรบ้าง นายแพทย์รุ่งเรือง กล่าวว่า มีมาตรการ 10 ข้อ แนะนำให้ทำใน 14 วัน  อาทิ การอยู่กับบ้าน กักบริเวนตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย แยกทานข้าว ทำความสะอาดบ้าน เมื่อถามว่าคนที่กลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงแล้วออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามที่มีการรายงานออกมานั้น  นพ.รุ่งเรือง กล่าวว่า ส่วนใหญ่ที่เห็น เกิน 14 วันแล้ว  ซึ่งยังควบคุมได้ และเท่าที่เห็นผ่านโซเชียลคือเป็นส่วนน้อย ส่วนการใช้แอฟพลิเคชั่นติดตามตัว ก็เริ่มมีการดำเนินการหาแนวทางบ้างแล้ว โดยจะมีการเพิ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอเข้ามาใช้ในอนาคต.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนทูลเกล้าฯ ครม.

กทม 16 ก.ย.- “อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ไหว้ศาลหลักเมือง – วัดพระแก้ว ก่อนนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ วันนี้ บอกเสร็จสิ้นภารกิจไปอีกเปราะ ขณะ “บิ๊กเล็ก” ว่าที่ รมว.กลาโหม รอรับ พลาดลื่นคะมำที่บันได นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลหลักเมือง หลังตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รอต้อนรับ โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหอพระ ซึ่งระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังหอพระ พล.อ.ณัฐพล ที่เดินตามข้างหลัง ได้ลื่นล้มทั้งตัวหน้าบริเวณหน้าบันไดทางขึ้นหอพระ คาดว่าเป็นเพราะถุงเท้าทำให้ลื่น แต่ พล.อ.ณัฐพล ได้ลุกอย่างรวดเร็ว และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ต่อมา นายอนุทิน ได้ผูกผ้าแพร 3 สี ถัดจากนั้นได้ถวายพวงมาลัยศาลหลักเมือง และสักการะศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ขณะที่ประชาชนที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง ต่างตะโกนให้กำลังใจนายอนุทิน “นายกฯ สู้ๆ” ก่อนที่นายอนุทินจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ […]

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]