รัฐบาลเปิดศูนย์ข้อมูลโควิด-19

ทำเนียบฯ 6 มี.ค.- รัฐบาลเปิดศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19)  โฆษก กต.ระบุประสานกับทางเกาหลีใต้ให้กักตัวแรงงานไทยก่อน 14 วัน ระหว่างรอเดินทางกลับ และให้เพิ่มมาตรการเข้มงวดที่สนามบินอินชอน หากพบมีไข้ หรืออุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศา จะไม่อนุญาตให้เดินทาง เริ่ม 9  มี.ค. ด้าน อธิบดีกรมการค้าภายใน ยันหน้ากากอนามัยจะจัดสรรให้โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ก่อน วันละ 7 แสนชิ้น กำชับคุมราคาอยู่ที่ 2.50 บาทต่อชิ้น หากพบขายเกินราคามีโทษปรับและจำคุก


นายเทวัญ ลิปตพัลลภ  รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) แถลงข่าวเปิดศูนย์ว่า วัตถุประสงค์การจัดตั้งศูนย์ คือ 1.เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19  2.รับข้อมูลความเดือดร้อนของประชาชนในทุกมิติ จนถึงการให้ความข่วยเหลือเยียวยาอย่างทันท่วงที ศูนย์นี้จะเป็นหน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน ผ่าน สายด่วน 1111  3.รับบริจาคเงินและสิ่งของตามระเบียบเพื่อบรรเทาการแพร่ระบาดของโรค โดยจะมีการแถลงข่าวทุกวันเวลา 14.00-15.00 น. ยกเว้นวันหยุด แต่หากมีเรื่องเร่งด่วนจะแถลงในวันหยุดด้วย ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของคนทั้งประเทศ หวังว่าทุกคนจะช่วยกันร่วมมือร่วมใจกันให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้

นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงมาตรการป้องกันกรณีแรงงานไทยผิดกฎหมายที่เกาหลีใต้จะเดินทางกลับไทยในช่วงที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนักว่า ภาพรวมของแรงงานไทยในเกาหลีใต้ มีประมาณ 209,909 คน แบ่งเป็นแรงงานไทยผิดกฎหมาย จำนวน 152,439 คน และมีแรงงานไทยถูกกฎหมาย จำนวน 57,470 คน


โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ทางการเกาหลีใต้มีมาตรการจูงใจให้แรงงานไทยผิดกฎหมายไปรายงานตัวได้และลงทะเบียนกลับประเทศโดยไม่ผิดกฎหมายก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งในช่วงแรกมีคนเดินทางกลับไม่มากนัก แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกาหลีใต้ ทำให้มีแรงงงานลงทะเบียนกลับไทยมากขึ้น โดยข้อมูลจนถึงวันที่ 1 มีนาคม 2563  มีผู้ลงทะเบียนกลับไทย 5,386 คน และกลับมาแล้ว4,727 คน โดยกระบวนการตรวจเอกสารต่างๆ จะใช้เวลา 3-15 วัน ในการดำเนินการก่อนเดินทางกลับ

นายเชิดเกียรติ  กล่าวว่า ล่าสุดหลังจากที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ผลักดันอย่างต่อเนื่องกับรัฐบาลเกาหลีใต้ เพื่อให้เพิ่มการตรวจคัดกรองก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทย  เพื่อช่วยป้องการแพร่ระบาดของโรคในประเทศไทย  โดยมีมาตรการคัดกรองผู้โดยสารขาออก ที่สนามบินอินชอน  (exit screening) ดังนี้ โดยผู้โดยสารจะถูกตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายรวม 3 ครั้ง ก่อนเดินทางออกนอกประเทศด้วยอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิที่ติดตั้งไว้ 3 บริเวณ ได้แก่ ประตูทางเข้าอาคารผู้โดยสารขาออก ,จุดตรวจหนังสือเดินทาง ก่อนกระบวนการตรวจร่างกาย และประตูทางออกก่อนขึ้นเครื่อง โดยผู้โดยสารที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศาจะถูกคัดกรองและไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทาง ทั้งนี้จะใช้มาตรการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการยกระดับการตรวจคัดกรองเพิ่มขึ้นในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

“มาตรการเคร่งครัดที่ขอความร่วมมือไป คือขอให้แรงงานไทยที่เกาหลีใต้ กักตัวเองอยู่บ้าน 14 วัน ระหว่างรอการเดินทางกลับไทย  และขอให้เพิ่มมาตรการเข้มงวด คนไทยกลุ่มดังกล่าว ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ ที่สนามบินอินชอน ที่จะเดินทางมาประเทศไทย รวมถึงขอข้อมูลจากตม.เกาหลีใต้ สำหรับคนไทยที่จะเดินทางกลับมายังประเทศไทย เพื่อส่งข้อมูลมาที่ไทยให้เจ้าหน้าที่ไทยได้ติดตามตัวถึงแหล่งพำนักในประเทศไทยได้ต่อไป” นายเชิดเกียรติ  กล่าว


จากนั้นนพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการคัดกรองของกระทรวงสาธารณสุข ว่า หากพบผู้ที่มีอาการไม่สบายตั้งแต่ที่สนามบินจะส่งไปโรงพยาบาลในสังกัดทันที นอกจากนี้จะนำบุคคลที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงไปยังจุดรับรองที่ได้จัดเตรียมไว้ ส่วนที่มาจากพื้นที่เสี่ยงน้อยจะให้อยู่พื้นที่ที่เหมาะสม และนอกจากนี้จะมีการจัดหลุมจอดเครื่องบินพิเศษเพื่อคัดกรองตั้งแต่บนเครื่องบิน กระทรวงสาธารณสุขทราบข้อมูลทุกคนที่เดินทางเข้าประเทศไทย เพราะได้ประสานกับตม. และมีการตรวจคัดกรอง พร้อมทั้งจะให้ความรู้และข้อปฎิบัติ แก่ผู้ที่เดินทางกลับ รวมทั้งการติดตามไม่ใช่แค่ที่สนามบิน แต่ตามไปถึงที่บ้าน สามารถไปรับตรวจผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว แต่หากผู้ที่เดินทางกลับมาจากกลุ่มประเทศเสี่ยงไม่ให้ความร่วมมือ จะบังคับใช้มาตรการทางกฎหมาย

ที่ปรึกษาโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เชื้อโควิด-19 ไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ในระยะเกิน 1 เอื้อมแขน เพราะไวรัสจะตกลงพื้นก่อน ส่วนมากจะติดจากการจับและสัมผัส  สำหรับตัวเลขล่าสุด 47 ราย มีผู้เสียชีวิต 1 คน ตัวเลขยังคงเดิม และหากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามมายัง สายด่วน 1422   

ด้านนายจักษ์ พันธ์ชูเพชร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ทุกวันจะมีการประชุมวีดีโอคอนเฟอเร้นท์เพื่อประสานกับทุกหน่วยงานทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัด นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ประจำที่สนามบินที่จะมีการส่งข้อมูลระหว่างกันกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการบูรณาการทำงานระหว่างกัน คนที่เดินทางมาจากเกาหลีใต้ทุกคนไม่ใช่ผีน้อย เพราะแรงงานที่ถูกกฎหมายเดินทางกลับมาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็มี ยืนยันว่ากระทรวงแรงงานจะเก็บข้อมูลแรงงานไทยทั้งหมด

นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย  กล่าวว่า จะมีการส่งข้อมูลไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอและท้องถิ่นเพื่อให้ติดตามเฝ้าระวังบุคคลที่กลับมาจากประเทศเสี่ยง 

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงสถานการณ์การขาดแคลนหน้ากากอนามัยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ต้องจัดลำดับความสำคัญเพราะกำลังการผลิตต่อวันอยู่ที่ 1ล้าน 2 แสนชิ้น ซึ่งผลิตได้ลดลงจากเดิมอยู่ที่ 1ล้าน 3 แสนชิ้น เนื่องจากวัตถุดิบไม่เพียงพอ และเมื่อมีความต้องการจำนวนมากผลิตอย่างไรก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นจึงต้องจัดลำดับความสำคัญ โดยจะจัดสรรให้โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ก่อนเป็นอันดับแรก เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แจกจ่ายให้กับโรงพยาบาล วันละ 7 แสนชิ้น แต่หากไม่เพียงพออาจมีการเติมกำลังการผลิต 5 แสนชิ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ 

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า หน้ากากอนามัยดังกล่าวจะรวมถึงหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ สีเขียว และหน้ากาก เอ็น 95 สำหรับการจัดอันดับความสำคัญต่อมา คือบุคคลที่มีความเสี่ยงสัมผัสกับกลุ่มเสี่ยง เช่นเจ้าหน้าที่สนามบิน เป็นต้น ส่วนที่เหลือจากนั้นจึงจะกระจายไปยังร้านค้าขายส่ง ขายปลีก เพื่อกระจายไปให้ถึงมือประชาชน นอกจากนี้ยังมีรถโมบายกระจายไปขายหน้าอนามัยให้กับประชาชนด้วย ขอยืนยันว่าไม่มีการกักตุนเพราะกระทรวงพาณิชย์เข้าไปควบคุมถึงโรงงานการผลิต และราคาต้องไม่เกิน 2.50 บาทต่อชิ้น หากพบขายเกินราคา จะมีโทษ จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท โดยจะเริ่มวัน จันทร์ ที่9 มี.ค.นี้

นอกจากนี้ทางศูนย์ ยังเปิดเลขบัญชีให้บริจาคเงิน ผ่านกองทุนสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067-0-13829-0 

จากนั้นเป็นช่วงถามตอบ โดยสื่อถามว่าจะดูแลแรงงานไทยจากเกาหลีใต้ที่เดินทางกลับมาแล้วอย่างไร ซึ่งทางกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า มีการทยอยเดินทางกลับมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว จึงเลยระยะเวลาการควบคุมตัว 14 วันแล้ว นอกจากนี้ยังมีการติดตามตัวตั้งแต่ที่สนามบินจนมาถึงไทย ยอมรับว่ามีความเสี่ยงแต่น้อยมาก ๆ

เมื่อถามว่าในช่วงกักตัว 14 วัน จะต้องปฎิบัติตัวอย่างไรบ้าง นายแพทย์รุ่งเรือง กล่าวว่า มีมาตรการ 10 ข้อ แนะนำให้ทำใน 14 วัน  อาทิ การอยู่กับบ้าน กักบริเวนตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย แยกทานข้าว ทำความสะอาดบ้าน เมื่อถามว่าคนที่กลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงแล้วออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามที่มีการรายงานออกมานั้น  นพ.รุ่งเรือง กล่าวว่า ส่วนใหญ่ที่เห็น เกิน 14 วันแล้ว  ซึ่งยังควบคุมได้ และเท่าที่เห็นผ่านโซเชียลคือเป็นส่วนน้อย ส่วนการใช้แอฟพลิเคชั่นติดตามตัว ก็เริ่มมีการดำเนินการหาแนวทางบ้างแล้ว โดยจะมีการเพิ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอเข้ามาใช้ในอนาคต.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]

ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ

สวีเดน 25 ส.ค.-ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ “มาริษ-ผบ.ทอ.” ร่วมเป็นสักขีพยาน ชูเป็นเขี้ยวเล็บป้องกันตัว พ่วง Offset Policy พัฒนาอุตสาหกรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 17.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย รัฐบาลไทยและสวีเดน ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ดร.พอล ยอนซอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยาน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้าง “เขี้ยวเล็บ” […]

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]