ราคาปลีกหน้ากากอนามัยต้องชิ้นละ 2.50 บาท

นนทบุรี 5 มี.ค. – กกร.กำหนดราคาขายสูงสุดหน้ากากอนามัยตั้องชิ้นละ 2.50 บาท ขายเกินเจอโทษหนัก ย้ำทุกฝ่ายเห็นตรงกัน หน้ากาก 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน แบ่งสาธารณสุขจัดสรรให้โรงพยาบาลทุกสังกัด 7 แสนชิ้น อีก 5 แสนชิ้น พาณิชย์กระจายผ่านรถโมบาย 111 คันทั่วประเทศ ร้านสะดวกซื้อและร้านธงฟ้า พร้อมสั่งคุมเข้มเจลล้างมือห้ามปรับก่อนได้รับอนุญาต



นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประขุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ กกร.ครั้งที่ 3 มีมติแนวทางการแก้ไขปัญหาหน้ากากอนามัยในตลาดที่มีราคาแพงอยู่ในขณะนี้ โดยได้ลงนามในประกาศ กกร.เพิ่มเติม ราคาจำหน่ายสูงสุดหน้ากากอนามัยแบบสีเขียวต้องจำหน่ายไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท เฉพาะที่ผลิตได้ในประเทศเท่านั้น แต่ยกเว้นให้หน้ากากอนามัยที่เป็นสตอกเก่าและมีการจำหน่ายจากโรงงานไปยังผู้จำหน่ายต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ ซึ่งให้เวลาเคลียร์สตอกให้หมดภายใน 3 วัน และตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ต้องขายราคาชิ้นละ 2.50 บาท ดังนั้น หากขายเกินสูงสุดที่กำหนดจะมีโทษตามกฎหมาย คือ จำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


นอกจากนี้ หน้ากากอนามัยนำเข้ากำหนดให้ผู้นำเข้าต้องแสดงต้นทุนนำเข้าต่อกรมการค้าภายใน โดยบวกค่าบริหารจัดการ เช่น ต้นทุนค่าบริหาร การขนส่ง ค่าน้ำค่าไฟ ค่าบริหารงานบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และค่าตอบแทน รวมกันทั้งหมดแล้วต้องไม่เกินร้อยละ  60 จากต้นทุนนำเข้า ซึ่งราคาจำหน่ายสูงสุดจะไม่รวมหน้ากากอนามัยแบบผ้าที่เป็นหน้ากากทางเลือกรัฐบาลกำลังส่งเสริมและผลักดันให้มีการผลิต เป็นต้น

 สำหรับแผนการกระจายหน้ากากอนามัย ได้มีการสรุปตัวเลขการผลิตที่ชัดเจนอีกครั้ง พบว่า โรงงานที่มีอยู่ 11 โรงงาน มีกำลังการผลิตรวมกันวันละ 1.2 ล้านชิ้น ลดลงจากเดิม 1.35 ล้านชิ้น เพราะมีปัญหาเรื่องวัตถุดิบ หรือยอดรวมเดือนละ 36 ล้านชิ้น จะมีการกระจายโดยศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัยโดยกรมการค้าภายใน และอีก 700,000 ชิ้น กระทรวงสาธารณสุขจะนำไปกระจายไปยังโรงพยาบาล สถานพยาบาลทุกสังกัด ทั้งรัฐและเอกชน ส่วนอีก 500,000 ชิ้น กรมการค้าภายในจะเป็นผู้กระจายไปยังประชากร 60 ล้านคน ผ่านช่องทางที่มีอยู่เดิมและรถโมบายธงฟ้า


อย่างไรก็ตาม รถโมบายธงฟ้า 111 คัน แยกเป็นกรุงเทพฯ 21 คัน และต่างจังหวัด 90 คัน มีหน้ากากอนามัยไม่ต่ำกว่า 300,000  ชิ้นต่อวัน แบ่งกระจายในกรุงเทพฯ  5,000-10,000 ชิ้นต่อวัน และต่างจังหวัด 3,000-5,300 ชิ้นต่อวัน และอีก 200,000 ชิ้น จะกระจายผ่านช่องทางเดิม คือ ร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ และร้านธงฟ้า โดยศูนย์ฯ จะมีการประชุมติดตามดูทุกวัน เพื่อดูว่าจุดไหนมีความต้องการมากน้อยแค่ไหนจะได้ปรับตรงตามความต้องการแต่ละพื้นที่ให้มากที่สุด พร้อมกันนี้ยังได้กำหนดให้เจลล้างมือเป็นสินค้าที่จะต้องขออนุญาตก่อนปรับขึ้นราคา เพื่อแก้ไขปัญหาราคาแพง หากขอจะยังไม่ให้มีการปรับราคาขึ้นตอนนี้แต่อย่างใด

“การดูแลการกักตุนกำหนดพฤติกรรมไว้ คือ 1.การเก็บสินค้าไว้ในสถานที่อื่นตามที่ได้แจ้งไว้กับเจ้าหน้าที่ 2.ไม่นำหน้ากากที่มีเพื่อจำหน่ายออกจำหน่ายตามปกติ 3.ปฏิเสธการจำหน่าย 4.ประวิงการจำหน่าย และ 5.การส่งมอบโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร จะถือว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นการกักตุนสินค้า จะมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นายจุรินทร์ กล่าว

นอกจากนี้ การออกประกาศกำหนดให้ผู้ใดผู้หนึ่งที่มีหน้ากากอนามัยในครอบครองเกินกว่าปริมาณที่กำหนดจะต้องแจ้งปริมาณการครอบครองต่อกรมการค้าภายใน เพื่อป้องกันการกักตุน ยังไม่ได้มีการกำหนดเป็นมาตรการออกมา เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อผู้ที่เก็บหน้ากากอนามัยที่บริสุทธิ์ โดยเฉพาะการครอบครองเพื่อใช้งาน เช่น โรงพยาบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่จะมีการติดตามสถานการณ์แต่จะติดตามดูใกล้ชิด หากมีการเปลี่ยนแปลง หรือเห็นว่ามีปัญหา ก็จะมีการออกคำสั่ง กกร. เพื่อบังคับใช้ต่อไป  

สำหรับการส่งออกหน้ากากอนามัยนั้น จะไม่มีการอนุมติให้มีการส่งออกโดยเด็ดขาด เนื่องจากหน้ากากที่ผลิตได้ในประเทศทั้ง 36 ล้านชิ้น ก็ไม่เพียงพอกับการใช้ในประเทศอยู่แล้ว แต่หากสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติจะมีการเปลี่ยนแปลง และ 2-3 วันที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ส่งคนประจำโรงงานทั้ง 11 โรงแล้ว รวมทั้งจะมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปประจำแต่ละโรงงานด้วย เพื่อรายงานจำนวนผลผลิตจริง และจัดการการกระจายสินค้าไปยังส่วนอื่น ๆ และสำหรับการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับการผลิตหน้ากากอนามัย มีแนวโน้มนำเข้าได้ยากขึ้น แต่ยังพอเป็นไปได้คือจากอินโดนีเซียแต่ก็จะมีราคาที่สูงขึ้น  ซึ่งได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ช่วยประสาน เพื่อหาแหล่งผลิตวัตถุดิบแล้ว แม้จะมีต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มภาครัฐพร้อมดูแลอย่างเต็มที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น