สธ.พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 4 ราย ไทย2 ต่างชาติ2

สธ. 5มี.ค.-สธ.พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 4 รายเป็นคนไทย 2และต่างชาติ 2กลับมาจากอิตาลีและอิหร่าน พร้อมย้ำแรงงานไทยที่กลับจากเกาหลีใต้ให้ความร่วมมือเก็บตัวดูอาการ 14 วันอย่างเคร่งครัด


นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือโรคโควิด-19ว่า ในส่วนของประเทศไทยพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่ม 4 ราย 


รายที่1 เป็นชายชาวอิตาลีวัย 29 ปี อาชีพพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง เดินทางกลับมาจากอิตาลี เมื่อวันที่ 1 มีนาคมซึ่งระหว่างเดินทางผ่านช่องทางด่านตรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิ พบว่าไม่มีอาการป่วยไข้  แต่รู้สึกว่ามีอาการป่วยภายหลัง จึงได้มารักษาตัวเองที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรีเมื่อวันที่ 2 มีนาคม

รายที่2 ชายไทยอายุ 42ปี เป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง มีประวัติเดินทางกลับมาจากอิตาลี เดินทางกลับเข้ามาที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งระหว่างผ่านด่านตรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิก็ไม่พบอาการป่วยไข้ แต่เมื่อกลับมาก็รู้สึกว่าตัวเองมีไข้จึงมาขอรับการรักษาด้วยตัวเองที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรีเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันก็ยังคงพักรักษาตัวอยู่ โดยยืนยันว่าทั้งสองรายที่เดินทางมาจากอิตาลีไม่มีความเกี่ยวข้องกัน

รายที่ 3 ชายชาวจีนอายุ 22 ปีเป็นนักศึกษาเดินทางมาจากอิหร่าน เพื่อมาต่อเครื่องเมื่อวันที่ 1มีนาคมระหว่างที่ผ่านด่านควบคุมโรคที่สนามบินสุวรรณภูมิ พบว่ามีอาการไข้ไอ และมีน้ำมูก จึงได้นำตัวไปส่งรักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร


รายที่ 4 เป็นชายชาวไทยอายุ 20 ปีนักศึกษาเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่าน กลับมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เมื่อผ่านด่านตรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิ พบว่า ไม่มีไข้ แต่ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยตัวเองในจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 2 มีนาคมเนื่องจากมีอาการไข้และมีน้ำมูก

โดยทั้ง 4 รายทางทีมสอบสวนได้มีการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด ทั้งผู้โดยสารบนเครื่อง,ผู้อยู่ในบ้านเดียวกัน และผู้ทำการรักษาที่โรงพยาบาลในช่วงแรกที่ไม่ทราบว่ามีอาการติดเชื้อ  ขณะนี้ทีมสอบสวนโรค  มีบัญชีรายชื่ออยู่ในมือทั้งหมดแล้ว  ทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนการติดตามเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 14 วัน

“สรุปในประเทศไทยตอนนี้มีผู้ป่วยสะสม 47รายป่วยรักษาหายแล้ว 31ราย ยังอยู่ในขั้นตอนรักษาในโรงพยาบาล 15ราย เสียชีวิต 1 ราย สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 1รายรักษาตัวอยู่ที่บำราศนราดูร ตรวจไม่พบเชื้อ แต่ยังอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด” นพ.สุวรรณชัย กล่าว  

นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาสถานที่เตรียมการจัดให้เป็นพื้นที่ควบคุมโรค รองรับผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และแพร่ะบาดของโรคโควิด-19 ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของภาครัฐและเตรียมชุดปฏิบัติการในพื้นที่ควบคุมโรคทุกแห่ง ซึ่งเป็นไปตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยกระทรวงได้จัดทำหลักเกณฑ์ลักษณะสถานที่กักกันเพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การจัดสถานที่ การรักษาความปลอดภัย ห้องครัว ห้องพยาบาล ระบบการจัดการขยะ จัดเจ้าหน้าที่ดูแลในแต่ละวัน ในกรณีที่ 1 หากป่วยหรือสงสัย ให้แยกพักรักษาใน รพ.กรณีไม่ป่วย หากเดินทางกลับ มาจากพื้นที่ระบาด ให้แยกพัก ณ พื้นที่ควบคุมโรค ที่รัฐบาลกำหนด และกรณีไม่ป่วยแต่เดินทางกลับจากพื้นที่อื่นให้แยกพัก ณ พื้นที่ที่อยู่ในกำกับของจังหวัด หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางจากพื้นที่โรคระบาด ปฏิบัติตามคำ แนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพราะยังคงมีกระแสข่าวพบว่าผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศเสี่ยงที่มีการระบาด เช่น เกาหลีใต้ ยังมีการทำกิจกรรมทางสังคมตามปกติ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข มีรายชื่อผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดก่อนหน้านี้ โดยจะมีเจ้าพนักงานกรมควบคุมโรคในพื้นที่ไปเฝ้าระวัง ติดตาม สังเกตอาการ จนครบไม่น้อยกว่า 14 วัน เพื่อป้องกันโอกาสต่อการแพร่ระบาดโรค ขอร้องว่าขอให้มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ไม่เช่นนั้นจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการระบาดกระจายตัวของโรค

สำหรับประเด็นของแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากเกาหลีใต้ หากไม่ให้ความมือในการกักตัวดูอาการ 14 วัน ก็จะมีความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ 2558 

ส่วนประเด็นที่คณะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่งและสถาบันวิจัยเซี่ยงไฮ้เผยแพร่ผลศึกษาวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร National Science Review ระบุถึงการค้นพบการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ที่วิวัฒนาการจนกลายเป็น 2 ชนิด ซึ่งมีความแตกต่างกัน  ทั้งในด้านอัตราการแพร่เชื้อและความสามารถในการแพร่กระจายเชื้อไวรัสในสภาพภูมิศาสตร์ต่างๆ โดยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ชนิดแรก เรียกว่าชนิด S และอีกชนิดที่กลายพันธุ์มาจาก S คือ ชนิดL ซึ่งมีอัตราแพร่เชื้อที่มากกว่านั้น  นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร  ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า รายงานที่ออก มาเพิ่งจะศึกษาออกมาได้ไม่นาน ในส่วนของประเทศไทย คงจะต้องนำมาศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในภายหลังว่า ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับผลการศึกษาหรือไม่ น่าจะใช้เวลาอีกไม่นานจะทราบผลได้ รวมถึงประเด็นที่ฮ่องกง พบว่ามีสุนัขติดเชื้อไวรัสโคโรนาจากคนเลี้ยง ทางกระทรวงฯได้ปรึกษาและขอคำแนะนำจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับคำแนะนำว่าหากผู้ป่วย หรือผู้ที่ต้องกักตัวเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 14 วัน หากมีสัตว์เลี้ยงที่อยู่ภายในบ้านขอให้แยกสัตว์ไปอยู่ห้องแยก  เพื่อป้องกันโอกาสที่สัตว์เลี้ยงจะติดเชื้อไวรัสได้

สำหรับประเด็นการประกาศประเทศพื้นที่เสี่ยงระบาดโควิด-19 ขณะนี้อยู่ในระหว่าง รอการประกาศราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะมีการประกาศในเร็วๆนี้ .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เขมรยิงจรวดตกใส่ชาวบ้านกันทรลักษ์ เสียชีวิตอีก 1 ราย

ศรีสะเกษ 27 ก.ค. – ไม่เลือกเป้าหมาย! กัมพูชายิงจรวดตกใส่บ้านเรือนประชาชน ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านเสียชีวิตอีก 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ด้าน ผบ.ตร.ลงพื้นที่ศรีสะเกษ กำชับดูแลทรัพย์สินประชาชน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ทำหน้าที่แข็งขัน .-สำนักข่าวไทย

เหตุปะทะชายแดนสุรินทร์รุนแรง ขยายวงกว้าง ยอดอพยพเพิ่ม

สุรินทร์ 27 ก.ค. – สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้าง โดยเฉพาะด้านปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ทำให้มีผู้อพยพตามศูนย์พักพิงชั่วคราวพุ่งทะลุกว่า 50,000 คน เวลาราว 04.30 น. วันนี้มีการเปิดฉากปะทะกันอย่างหนัก ทั้งปืนเล็ก และปืนใหญ่ บริเวณปราสาทตาควาย ต่อด้วยปราสาทตาเมือนธม ที่อยู่ไม่ไกลกัน พื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กระสุนจรวด BM 21 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง ใกล้กัน ฟาร์มวัววากิว ยังมีวัวถูกสะเก็ดตาย 6 ตัว กระสุนยังตกกระจายตามทุ่งนารวม 9 ลูก ในพื้นที่ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท ส่วนตำบลตาเมียง และตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ก็มีกระสุนเข้าไปตกเป็นจำนวนมากเช่นกัน วิถีกระสุนที่มาตกไกลขึ้น ทำให้ศูนย์พักพิงชั่วคราวในตัวอำเภอปราสาทจังหวัดสุรินทร์ ต้องยุบเพิ่มเติมอีก 2 จุด ขณะที่ชาวอำเภอปราสาท ต่างแตกตื่นปิดบ้าน ปิดร้าน อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ทำให้บรรยากาศในตลาดสดที่ปกติมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของจำนวนมาก วันนี้ลดลงถึง 80% โดยนายอำเภอปราสาท ให้ข้อมูลว่า […]

กต. ลั่นจะพูดคุยกัน เขมรต้องจริงใจก่อน ซัดพูดอย่างทำอย่าง แถมบิดเบือน

กระทรวงการต่างประเทศ 27 ก.ค.- กต. ขีดเส้นใต้ จะพูดคุยกันได้ “เขมร” ต้องจริงใจก่อน “นิกรเดช” ซัดพูดอย่างทำอย่าง นอกจากใช้พลเรือนเป็นโล่กำบังแล้ว ยังใช้โบราณสถานกำบังด้วย แถมบิดเบือน-สร้างข้อมูลเท็จ ผู้เชี่ยวชาญยังรู้เป็นภาพเก่า รับทราบพรุ่งนี้ “ภูมิธรรม” บินคุย “ฮุน มาเนต” หลัง “ทรัมป์” ต่อสายคุย เผย “มาริษ” ร่อนแล้ว เอกสารถึง UNICEF-OHCHR ยันกัมพูชาเริ่มก่อน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ข้อเสนอหยุดยิงตามที่หลายท่านคงทราบอยู่แล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ก.ค.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้หารือกับนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยฝ่ายไทยได้ยืนยันอย่างหนักแน่นถึงจุดยืนของไทยในการแก้ไขปัญหาชายแดนกับกัมพูชาด้วยสันติวิธี โดยเฉพาะผ่านการเจรจาทวิภาคี ซึ่งฝ่ายไทยเราได้ย้ำมาโดยตลอดในทุกโอกาส ฝ่ายไทยจึงคาดหวังว่าจะเห็นความตั้งใจจริงจากกัมพูชา ในการยุติการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมาย หากฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจและสุจริตใจในการแก้ไขปัญหา ฝ่ายไทยก็พร้อมจะหารือด้วย เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการและกระบวนการที่ชัดเจนอย่างสันติและยั่งยืน นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า การโจมตีเป้าหมายพลเรือนโดยกองกำลังกัมพูชาบนแผ่นดินไทยเหตุการณ์เมื่อคืน กัมพูชาได้เปิดฉากโจมตีหลายจุดตามแนวชายแดนไทยอีกครั้ง […]

ทอ.ส่ง F-16 ทิ้งบอมบ์ หลังกัมพูชายิง BM-21 ตกฝั่งไทย

27 ก.ค. – กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 บอมบ์ถล่มพื้นที่เป้าหมาย หลังทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 หมู่ 4 ลำ ออกไปปฏิบัติภารกิจ บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ โดยภารกิจสำเร็จลุล่วง พร้อมกลับฐานปฏิบัติอย่างปลอดภัย เพื่อสนับสนุนกำลังทางบก ปกป้องอธิปไตยของไทย ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก โพสต์เฟซบุ๊ก เพจกองทัพบก ระบุข้อความว่า กัมพูชายังมีการเคลื่อนไหว ด้วยการใช้อาวุธ ยิงสนับสนุนระยะไกล ยิงเข้ามาในฝั่งไทย บริเวณหน้าแนวมีการปะทะในหลายจุดอย่างต่อเนื่อง พบมีอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลไปตกนอกเขตพื้นที่เป้าหมายทางทหารจำนวนมากในจังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายไทยเรามีความจำเป็นจะต้องใช้ปฏิบัติการทางทหาร ดำเนินการตอบโต้ต่ออาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลอย่างเช่น จรวด และปืนใหญ่ ที่ยังคงยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้พี่น้องได้รับผลกระทบ หรือมีการสูญเสีย และเมื่อวานนี้ (26 ก.ค.68) เวลาประมาณ 15.30 น. […]