กรุงเทพฯ 1 มี.ค..-อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาเผยแม้ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนตามประกาศของกรมอุตุฯ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ 29 กุมภาพันธ์ 2563 แต่ในช่วง 1-2 วันนี้สภาพอากาศจะยังคงมีความเย็นในตอนเช้าโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอากาศอุ่นขึ้น และเตือนให้ประชาชนระมัดระวังความรุนแรงของพายุฝนในช่วงอากาศเปลี่ยนผ่าน
นาวาอากาศเอกสมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า แม้ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนตามประกาศของกรมอุตุฯ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ 29 กุมภาพันธ์ 2563 แต่ในช่วง1-2 วันนี้สภาพอากาศจะยังคงมีความเย็น ในตอนเช้าโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอากาศ อุ่นขึ้นเนื่องจากทิศทางของลม พี่พัดเข้าสู่ประเทศไทยจะเปลี่ยนจากเดิม คือ ตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นตะวันตกเฉียงใต้ และเมื่อเกิดการปะทะกันระหว่าง มวลอากาศเย็นและมวลอากาศร้อน จะทำให้สภาพอากาศแปรปรวน เกิดฝนฟ้าคะนองได้โดยเฉพาะในพื้นที่ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จึงขอเตือนให้ประชาชนระมัดระวังความรุนแรงของพายุฝนในช่วงอากาศเปลี่ยนผ่านที่อาจจะเกิดลูกเห็บตกได้ แต่อย่างไรก็ตามสภาพอากาศเช่นนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับการพัดพาฝุ่นละอองขนาดเล็กพีเอ็ม 2.5 ให้ ลอยตัวสูงขึ้นทำให้สภาพอากาศทั่วไปดีขึ้น
จากสภาพเช่นนี้ทำให้ ในช่วงวันที่ 29 ก.พ. -2 มี.ค. 63 ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน แต่ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้าบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับบริเวณภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 3 – 6 มี.ค. 63 บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นกับมีลมกระโชกแรงในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส สำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 3 – 6 มี.ค. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ในช่วงวันที่ 29 ก.พ. – 2 มี.ค. 63 ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนบางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย ส่วนในช่วงวันที่ 3 – 6 มี.ค. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นกับมีลมกระโชกแรงในระยะแรก หลังจากนั้น อุณหภูมิจะลดลง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น
ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 29 ก.พ. – 2 มี.ค. 63 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวันบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-15 องศาเซลเซียส ลมอ่อน ความเร็ว 5-10 กม./ชม.
ส่วนในช่วงวันที่ 3 – 6 มี.ค. 63 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 29 ก.พ. – 1 มี.ค. 63 อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 2 – 6 มี.ค. 63 อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 29 ก.พ. – 2 มี.ค. 63 อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 3 – 6 มี.ค. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 29 ก.พ. – 2 มี.ค. 63 อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 3 – 6 มี.ค. 63 อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ในช่วงวันที่ 29 ก.พ. – 2 มี.ค. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 3 – 6 มี.ค. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 29 ก.พ. – 2 มี.ค. 63 มีฝนร้อยละ 10 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 3 – 6 มี.ค. 63 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียสอุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม..-สำนักข่าวไทย