ร้องรัฐช่วยแก้ปัญหาทัวร์-ตั๋วเครื่องบิน เลี่ยงโควิด-19

กรุงเทพฯ 28 ก.พ.-มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เรียกร้องรัฐออกมาตรการจัดการปัญหาทัวร์และตั๋วเครื่องบิน เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและป้องกันการระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทย พร้อมเตือนผู้บริโภคเลี่ยงการซื้อโปรไฟไหม้ไปประเทศกลุ่มเสี่ยง


วันนี้ (28ก.พ.)นางนฤมล  เมฆบริสุทธิ์  หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) เปิดเผยว่า ศูนย์ฯ ได้รับร้องเรียนจากผู้บริโภคหลายราย เกี่ยวกับปัญหาการเลื่อนหรือยกเลิกทัวร์  รวมถึงบัตรโดยสารเครื่องบินที่จะเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงCOVID-19 โดยปัญหาดังกล่าวมีทั้งกรณีที่ผู้เสียหายติดต่อกับสายการบินหรือบริษัททัวร์โดยตรง และกรณีที่ติดต่อซื้อตั๋วเครื่องบินรวมทั้งจองที่พักผ่านบริษัทเอเจนซี่


นางนฤมล กล่าวว่า ปัญหาที่พบในกรณีผู้บริโภคต้องการเลื่อนหรือยกเลิกตั๋วที่จองไว้กับสายการบินคือ บางสายการบินไม่อนุญาตให้เปลี่ยนวันเดินทาง ในขณะที่บางสายการบินแจ้งว่าผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนวันเดินทางได้ แต่ต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ทางสายการบินกำหนดไว้ เช่น ต้องเดินทางภายในเดือนมิถุนายน 2563 เป็นต้น ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นฤดูร้อนที่ไม่เหมาะกับการท่องเที่ยว รวมทั้งไม่สามารถยืนยันได้ว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาจะคลี่คลายแล้วหรือไม่ 


หรือหากต้องการเลื่อนวันเดินทางออกไปนอกเหนือจากระยะเวลาที่สายการบินกำหนด ผู้โดยสารจะต้องจ่ายค่าดำเนินการต่างๆ เพิ่มเติม โดยผู้ร้องเรียนบางรายได้รับแจ้งจากสายการบินว่าต้องจ่ายค่าดำเนินการเพิ่มเติมเกือบร้อยละ 30 ของค่าตั๋วโดยสาร 

สำหรับปัญหาการซื้อทัวร์ไปเที่ยวประเทศกลุ่มเสี่ยงนั้น นางนฤมลกล่าวว่า เป็นเรื่องการซื้อทัวร์ล่วงหน้า โดยที่บริษัททัวร์ยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนสถานที่เดินทางแม้จะเป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง หากผู้บริโภคต้องการยกเลิกและขอเงินคืนก็อาจได้คืนไม่เต็มจำนวน หรืออาจไม่ได้เงินคืนเลย เช่น มีกรณีที่ผู้เสียหายซื้อทัวร์เที่ยวยุโรป(อิตาลี-สวิสเซอร์แลนด์-ฝรั่งเศส) สำหรับ 4 คน ค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 250,000 บาท แต่เมื่อแจ้งทางบริษัทว่าต้องการขอเงินคืน ได้รับคำตอบว่าอาจจะได้คืนไม่ถึง 10,000 บาท หรืออาจไม่ได้คืนเลย

ส่วนเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการติดต่อซื้อตั๋วเครื่องบินรวมทั้งจองที่พักผ่านบริษัทเอเจนซี่นั้น พบว่ามีผู้บริโภคที่ต้องการเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง แต่บริษัทเอเจนซี่แจ้งว่าไม่สามารถปรับเปลี่ยนวันหรือขอเงินคืนได้ โดยอ้างว่าสายการบินหรือทางที่พักไม่มีนโยบายคืนเงิน

นางนฤมล ยังยกตัวอย่างกรณีปัญหาที่ได้รับร้องเรียนว่า มีผู้เสียหายรายหนึ่งซื้อตั๋วผ่านบริษัทเอเจนซี่ โดยซื้อตั๋วไป-กลับ ประเทศประเทศญี่ปุ่น สำหรับ 3 คน ค่าใช้จ่ายคนละ 21,505 บาท รวมเป็นเงิน 64,515 บาท โดยจะเดินทางช่วงต้นถึงกลางเดือนมีนาคม แต่เมื่อทราบข่าวสถานการณ์เรื่องไวรัสโคโรนาที่รุนแรงขึ้นจึงต้องการเลื่อนตั๋ว โดยผู้เสียหายได้โทรศัพท์ติดต่อเพื่อเลื่อนวันเดินทางกับสายการบิน และได้รับข้อมูลว่าสามารถเลื่อนได้แต่ต้องให้ทางเอเจนซี่เป็นผู้แจ้งเปลี่ยนวันเดินทาง แต่เมื่อแจ้งไปยังบริษัทเอเจนซี่ กลับโดนปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่ได้รับจดหมายจากสายการบิน หากต้องการเลื่อนวันเดินทางจะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนตั๋วประมาณ 12,000 บาทต่อคน โดยเลื่อนได้เฉพาะขาไปเท่านั้น ส่วนขากลับไม่สามารถเลื่อนได้ แต่ยกเลิกได้โดยจะคืนเงิน 4,045 ต่อคน แม้ผู้เสียหายจะส่งรายละเอียดที่ได้จากเว็บไซต์ของสารการบินให้ แต่บริษัทก็ยังยืนยันคำตอบเช่นเดิม จึงได้ส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามาที่ มพบ.

“ปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นถือว่าไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค เพราะการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุสุดวิสัยและเป็นภาวะวิกฤตที่อันตรายต่อชีวิต ดังนั้นผู้ประกอบการจึงไม่ควรผลักภาระให้ผู้บริโภคหรือออกนโยบายที่ดูเหมือนบังคับให้ผู้บริโภคต้องเดินทางไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยง เพราะหากมีผู้ติดเชื้อกลับมายังประเทศไทยก็อาจยิ่งที่ให้สถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทศไทยรุนแรงขึ้น” นางนฤมลกล่าว

ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม สํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ออกมาตรการที่ชัดเจนเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น อีกทั้ง มพบ. มีข้อเรียกร้องไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 ข้อ ดังนี้ 

1. ออกมาตรการระงับการจัดทัวร์ไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งมีการตรวจสอบและดำเนินการกับบริษัทที่ฉวยโอกาส จัดทัวร์ไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงในราคาถูก หวังให้บริษัทรายได้แต่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค ทั้งนี้ เพื่อป้องกันโอกาสที่จะมีการนำเชื้อเข้ามาแพร่ในประเทศไทย เพราะถึงแม้ภาครัฐจะมีมาตรการตรวจวัดไข้ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้แน่นอนว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อเล็ดรอดเข้ามาในประเทศไทย ดังเช่นกรณีที่มีผู้สูงอายุ 2 รายที่ติดเชื้อจากการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นและนำมาแพร่ในเมืองไทย เป็นต้น

2.ขอให้ออกข้อบังคับสำหรับบริษัทสายการบิน เอเจนซี่ และบริษัททัวร์ต่างๆ ให้ผู้บริโภคสามารถเลื่อนวันเดินทางออกไปจนกว่าสถานการณ์โรคระบาดจะคลี่คลายลง หรือสามารถยกเลิกตั๋วได้ โดยไม่ต้องมีระยะเวลากำหนด และไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่หากผู้ประกอบการมีค่าใช้จ่ายไปบางส่วนแล้ว ให้ชี้แจงเป็นรายลักษณ์อักษร โดยต้องมีหลักฐานการจ่าย ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า ค่ามัดจำบัตรโดยสารเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ

สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการจะเดินทางไปต่างประเทศ ควรหลีกเลี่ยงการไปประเทศกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน และสหรัฐอเมริกา (ข้อมูลอัปเดตเมื่อวันที่ 28 กมุภาพันธ์ 2563 แหล่งที่มา https://mgronline.com/travel/detail/9630000019567)   โดยเฉพาะการซื้อทัวร์ไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงในช่วงที่มีการระบาดของโรค การซื้อทัวร์ล่วงหน้าในระยะสั้นๆ หรือทัวร์ไฟไหม้ที่กำลังจัดโปรโมชั่นกันเป็นจำนวนมาก เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนาและอาจนำเชื้อเข้ามาแพร่ในประเทศไทยอีกด้วย .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย