สหรัฐตัดจีเอสพีกระทบส่งออกร้อยละ 0.01

กรุงเทพฯ 25 ก.พ. – ก.พาณิชย์ระบุสหรัฐตัดจีเอสพีสินค้าไทยมีผล 25 เม.ย.นี้ กระทบส่งออกเพียงร้อยละ 0.01 ของยอดส่งออกรวม


นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในพิธีเปิดโครงการเสวนาในหัวข้อเรื่อง “ตัดสิทธิ GSP : SMEs รับมืออย่างไร?” ว่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 สหรัฐประกาศตัดสิทธิพิเศษทั่วไปทางภาษี (จีเอสพี) สินค้าส่งออกจากประเทศไทย 573 รายการ จากสินค้าที่ได้รับสิทธิ์จีเอสพีประมาณ 3,500 รายการ โดยการตัดจีเอสพีจะมีผลบังคับใช้วันที่ 25 เมษายนนี้ สำหรับสินค้าสำคัญที่ถูกระงับสิทธิจีเอสพี อาทิ มอเตอร์ไซค์ แว่นสายตา เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ไฟฟ้า เป็นต้น การตัดจีเอสพี ครั้งนี้ คาดว่ามูลค่าส่งออกสินค้าของไทยไปสหรัฐจะลดลงประมาณ 28-32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.01 ของมูลค่าการส่งออกรวม 

นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าการที่ไทยถูกตัดสิทธิ์จีเอสพีดังกล่าว ทำให้ต้นทุนส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 4.5 ส่วนภาพรวมการส่งออกของไทยปี 2562 มีมูลค่า 482,884 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ในจำนวนนี้เป็นการค้าระหว่างไทย-สหรัฐ 48,649 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของการส่งออกไทย  ทั้งนี้ ขอให้ผู้ส่งออกมองวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการส่งออกไปตลาดใหม่ที่มีศักยภาพทดแทนตลาดเดิม อาทิ ตลาดตะวันออกกลาง และตลาดลาตินอเมริกา โดยคำแนะนำของทูตพาณิชย์ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการส่งออกยังสามารถใช้เครื่องมือทางการเงินเสริมสภาพคล่องการค้าการลงทุนได้จากธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เป็นต้น


นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ มีการหารือเพื่อจัดตั้งคณะทำงานภายในกระทรวงพาณิชย์ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ และร่วมกับหน่วยงานภายนอก คือ ธสน. รวมทั้งหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการร่วมมือหาแนวช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออกไทยให้สามารถรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และวางมาตรการรับมือ 4 รูปแบบทั้งระยะสั้นและระยะยาว เร่งกระตุ้นให้เกิดความต้องการสินค้าไทย รวมถึงสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการตัดสิทธิจีเอสพีตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ โดยมีตลาดเป้าหมายปีนี้ ได้แก่ ตลาดจีน  อินเดีย  กลุ่มประเทศ CLMV  กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง  และกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา ซึ่งยังถือได้ว่ายังคงมีศักยภาพที่พร้อมต้อนรับสินค้าไทยในตลาดทางเลือกใหม่ ๆ 

อีกส่วน คือ ผลักดันผู้ประกอบการไทยให้สามารถใช้ประโยชน์จากการค้าออนไลน์เป็นช่องทางลัด ในการขยาดตลาดสู่ต่างประเทศ ผ่าน Thaitrade.com รวมถึงเร่งเปิด Top Thai Flagship Store ร้านขายสินค้าไทยบนแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซชั้นนำของต่างประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ซึ่งถือว่าเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันความนิยมของสินค้าไทยในตลาดซื้อขายออนไลน์ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสนับสนุนสินค้าคุณภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สัญชาติไทยให้สามารถเจาะตลาดต่างประเทศได้อย่างรวดเร็วขึ้น

ขณะเดียวกันยังให้ความรู้ผู้ประกอบการผ่านการเสวนา/อบรม ด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาและผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น รวมถึงแนะนำข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดใหม่ที่มีศักยภาพแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบและต้องการหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดสหรัฐ รวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยในกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบทราบถึงมาตรการภาครัฐ รวมถึงมาตรการด้านสินเชื่อต่าง ๆ จากธนาคารภาครัฐ เช่น ธสน.เป็นต้น และยังมีการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยพัฒนาและเพิ่มมูลค้าสินค้า ด้วยแบรนด์ นวัตกรรม และการตลาดอย่างต่อเนื่อง เน้นการตอบสนองต่อความต้องการของพฤติกรรมของผู้ซื้อแต่ละประเทศ ตอบสนองต่อกระแสตลาดโลก อาทิ สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สินค้าเพื่อสุขภาพ และสินค้าที่ตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าเฉพาะ


 นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA)กล่าวว่า NEA มีโครงการและกิจกรรมที่หลากหลายที่ผู้ประกอบการจะเข้ามาใช้บริการได้ เช่น โครงการพัฒนานักส่งออกอัจฉริยะ โครงการสัมมนาครบเครื่องเรื่องการค้าออนไลน์ และล่าสุดโครงการเสวนา “สถานการณ์ตลาด 3 ภูมิภาค” ที่จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการมีทางเลือกไปยังตลาดใหม่อย่าง จีน อินเดีย และกลุ่มประเทศ CLMV เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนรำลึก 20 ปี สึนามิ

ค่ำคืนนี้ ที่อนุสรณ์สถานสึนามิบ้านน้ำเค็ม ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา สว่างไสวจากแสงเทียนนับพันเล่มที่ถูกจุดขึ้นเพื่อรำลึกถึงบุคคลที่รักซึ่งจากไปในเหตุการณ์สึนามิ เมื่อปี 2547 จากวันนั้นถึงวันนี้ ครบ 20 ปีเต็ม

สอบแล้ว 5 ปาก คลี่ปม “แบงค์ เลสเตอร์” ยังปฏิเสธจ้างดื่มโชว์

ผบช.ภ.2 เผย สอบแล้ว 5 ปาก พยานสำคัญ คลี่ปม “แบงค์ เลสเตอร์” ยังปฏิเสธจ้างดื่มโชว์ พร้อมไล่ไทม์ไลน์ เปิดผลชันสูตรเบื้องต้นหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ส่งชิ้นเนื้อ สารคัดหลั่ง เลือด และเศษอาหารในกระเพาะตรวจแล็บ หาสาเหตุที่แท้จริง

นายกฯ ตรวจความพร้อมหมอชิต 2 ให้บริการ ปชช.เดินทางช่วงปีใหม่

นายกฯ ตรวจความพร้อมหมอชิต 2 ให้บริการประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยไม่แจ้งล่วงหน้า กำชับ บขส. อำนวยความสะดวกเตรียมพร้อมรถ สั่งเข้มตรวจแอลกอฮอล์-ยาเสพติดพนักงานขับรถ ป้องกันอุบัติเหตุ