พิษณุโลก 22 ก.พ.-ครอบครัว “เสี่ยเต็นท์รถ” เข้ารับ 5 ศพ ออกจากโรงพยาบาลไปบำเพ็ญกุศล แต่ก่อนเคลื่อนร่างได้นำชุดที่ผู้เสียชีวิตชอบใส่มาเปลี่ยนให้ ท่ามกลางความโศกเศร้า
ที่อาคารเก็บศพ โรงพยาบาลพุทธชินราช ตำบลในเมือง อำเภอเมือง พิษณุโลก ครอบครัว “แป้นวงศ์” พร้อมด้วยญาติ และเพื่อนสนิท มารับร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 5 คนในเหตุการณ์กินยาพิษรมควันในบ้านพัก ประกอบด้วย นายกัณตภรณ์ แป้นวงศ์ หรือ เฮียตี๋ นางสุนิสา มารดา นางสาวสุธิพร พี่สาว นางยอดขวัญ ภรรยา และเด็กชายรชฏ ลูกชาย ออกจากห้องเก็บศพโรงพยาบาลพุทธชินราช หลังการชันสูตรเสร็จสิ้น ซึ่งแพทย์ระบุเสียชีวิตจากสูดดมสารพิษเข้าไปในปริมาณมาก (คนปกติหากเสียชีวิตตามธรรมชาติแผ่นหลังจะมีเลือดตกสีดำคล้ำ แต่หากมีสารพิษเข้าร่างกายแผ่นหลังจะมีเลือดตกเป็นสีแดงสด) ทั้งนี้ ก่อนเคลื่อนร่างไปบำเพ็ญกุศล ครอบครัวได้นำชุดที่ผู้เสียชีวิตชอบใส่ มาให้เจ้าหน้าที่เปลี่ยนให้ พร้อมดำเนินการรดน้ำศพที่โรงพยาบาลด้วยความโศกเศร้าอาลัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• รมควัน-กินยาพิษ ฆ่าตายยกครัว 5 ศพ
• ผลชันสูตรชี้ “เสี่ยเต็นท์รถ” สูดสารพิษปริมาณมาก
นางสาวอัจฉรา พานนาค ปลัดอำเภอเมืองพิษณุโลก พี่สาวของนางยอดขวัญ ภรรยาเฮียตี๋ บอกว่าจะนำร่างน้องสาว พร้อมลูกชายไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดธรรมจักร เป็นเวลา 3 วัน โดยจะมีพิธีฌาปนกิจในวันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ ส่วนเถ้ากระดูกของสุนัข 6 ตัวที่ครอบครัวนี้เลี้ยง ตั้งใจจะนำไปวางไว้ใต้โลงศพของน้องสาว เพื่อตั้งสวดไปด้วยกัน เพราะสุนัขทั้งหมดน้องสาวรักมาก เลี้ยงเหมือนลูก อยากให้ทั้งหมดได้ไปอยู่ด้วยกันในภพภูมิที่ดี ส่วนเมื่อเสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจก็จะนำเถ้ากระดูกไปลอยอังคารพร้อมกันด้วย
ขณะที่ร่างของเฮียตี๋ บิดาจะเป็นผู้นำร่างไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดท่าตะเคียน เพื่อความสะดวกในการฌาปนกิจศพของทางวัด เพราะเฉลี่ยแล้ว 1 ศพใช้เวลาเผา 1-2 ชั่วโมง หากไม่แยกวัดเผาไม่สามารถดำเนินการเสร็จได้ในวันเดียว ซึ่งบิดาของเฮียตี๋บอกว่า แม้จะแยกกันบำเพ็ญกุศล แต่สุดท้ายเชื่อว่าทั้งหมดจะไปอยู่ด้วยกันในภพภูมิที่ดี ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ยอมรับยังไม่เชื่อว่า ลูกชายและครอบครัวจะฆ่าตัวตายหนีปัญหาหนี้สินที่รุมเร้า เพราะบ้านของลูกชายมีมูลค่ากว่า 30 ล้าน หากมีหนี้จริง เอาบ้านไปขายวันเดียวก็สามารถใช้หนี้ได้แล้ว ทำให้เชื่อว่าเหตุการณ์นี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง
ส่วนที่ สภ.เมืองพิษณุโลก กลุ่มเจ้าหนี้ของเฮียตี๋กว่า 10 คนได้รวมตัวกันนำเอกสารหลักฐานการกู้เงินของเฮียตี๋ มาลงบันทึกประจำวัน เพื่อเป็นหลักฐานว่าเฮียตี๋ กู้ยืมเงินมาจริง โดยบางรายกู้ไปกว่า 8 ล้านบาท โดยทุกคนยืนยันไม่ได้หวังอะไร แค่ต้องการมาแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดี แต่เฮียตี๋ มีการยืมเงินไปจริง
ด้านพันตำรวจเอกภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผู้กำกับการ สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนเรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 3 ปาก ซึ่งได้ข้อมูลมามากพอสมควรว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตนั้นไปกู้เงินจากธนาคารใดบ้าง ส่วนเงินกู้นอกระบบนั้นเป็นการกู้จากกลุ่มเพื่อนรวมกว่า 10 ล้านบาท มีการเสียดอกเบี้ยต่อเดือนถึงหลักแสน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต เพราะนอกจากนี้สินแล้ว เฮียตี๋ยังมีธุรกิจหลายอย่างที่เพิ่งลงทุนไม่นาน เช่น เต็นท์รถมือสอง สถานตรวจสภาพรถเอกชน ร้านกาแฟ ธุรกิจส่งน้ำแข็ง ซึ่งอาจทำให้หมุนเงินไม่ทัน เบื้องต้นตำรวจจึงมุ่งประเด็นไปที่การฆ่าตัวตายจากปัญหาหนี้สิน.-สำนักข่าวไทย