“โควิด-19” กระทบท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น

สำนักข่าวไทย 18 ก.พ.-นายกสมาคมท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น วอนรัฐให้ข้อมูลชัดเจน กรณีคำแนะนำเลี่ยงเดินทางไปญี่ปุ่นพื้นที่เสี่ยงโควิด-19 ส่งผลทั้งสองประเทศ คาดผลกระทบจากโควิด-19 ช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้าไทยหาย ร้อยละ 80-90 


นายเอนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น และประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)แนะนำให้คนไทยเลี่ยงเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น พื้นที่เสี่ยงเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า การประกาศในลักษณะนี้ น่าจะให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ก่อน การประกาศในลักษณะคลุมๆ บอกว่าไปญี่ปุ่นต้องระวังและไม่ควรไป มีผลกระทบแน่นอนทั้งสองฝ่าย คือทั้งญี่ปุ่นที่จะมาไทยและไทยที่จะไป 

“ประเด็นคือตอนนี้ทั้งสองฝ่าย คือญี่ปุ่นที่จะมาและเราที่จะไป เดิมเดือนนี้กับเดือนหน้า ที่จะเข้ามาค่อนข้างเพิ่มขึ้น ปรากฏว่าปัจจุบัน คิดว่าที่จะมาลดหายไปเกือบ 80-90% แล้ว ส่วนของเราที่จะไป มีข่าวลักษณะนี้ก็มีผลกระทบแน่นอน อยากให้มีข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ก่อนประกาศ เพราะที่ญี่ปุ่นมีเยอะหลายร้อยคนเกิดในเรือ ที่ติดอยู่ข้างนอกไม่ถึงร้อยคน และไม่ถึงร้อยคนอยู่ที่ไหน น่าจะให้ได้ความชัดเจนตรงนี้ อยู่โตเกียว ฮอกไกโดหรือกิวชิว ถ้าชัดเจนก็ประกาศ เพื่อให้แต่ละที่ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ส่วนอื่นๆไปแล้วก็ต้องระวังแค่ไหน ประกาศในลักษณะนี้เหวี่ยงแหไป คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจคิดว่าถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยงก่อน ไม่มีการเดินทางซึ่งกันและกัน ตรงนี้มีผลกระทบกระเทือนต่อการท่องเที่ยวทั้งสองฝ่ายแน่นอน” นายเอนก กล่าว


นายเอนก กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางประเทศญี่ปุ่นก็พยายามป้องกันเพราะเซนสิทีฟ หยุดบางกิจกรรม เช่น มาราธอนโตเกียว ดังนั้น แต่ละข่าวที่ออกมา การสื่อหรือการเสนอข่าวควรให้ชัดเจนมากกว่านี้ อย่างน้อยผ่อนคลายความตึงเครียด ให้น้อยลงไปหน่อยก็จะดี 

นายเอนก กล่าวด้วยว่า ในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย.นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้าไทยมากขึ้น เพราะมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นจากความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน สายการบินก็จะกระทบ ไม่เข้ามาไม่ออกไป โรงแรม  รถ เกือบทุกอย่าง ร้านอาหาร ก็นิ่งหมด ตลาดจีนก็หายไปแล้วเกือบร้อยเปอร์เซนต์ ตลาดญี่ปุ่นหายไปอีก ที่อื่นๆ ก็แน่นอน ไม่เข้ามาเหมือนกัน โดยตลาดญี่ปุ่นนั้น เข้าไทยปีละประมาณ 1.3 ล้านคน ประมาณ1แสนคนต่อเดือน ส่วนคนไทยไปญี่ปุ่นประมาณ1 ล้านคน ล่าสุดวันที่19 ก.พ.นี้เดิมจะมีกรุ๊ปทัวร์จากเซนได 70 กว่าคนเข้ามา ก็ยกเลิกไป  

“สายการบินอีกหน่อยก็บินไม่ได้ ต้องลดเที่ยวบิน โดยเฉพาะโลว์คอร์ส บินวันละหลายเที่ยวต้องลด บินเปล่าก็ไม่ได้ ลดราคาก็ไม่มีประโยชน์ ลดแล้วไม่มีคนไปก็เสียเปล่า สมาคมเตรียมเชิญผู้ประกอบการร่วมกับสายการบิน หารือแนวทางแก้ไข” นายเอนก กล่าว  


ส่วนการประเมินความเสียหายจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขณะนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ว่าจะจบลงอย่างไร  .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย