ปคม.จับอีก 2 นายหน้าจัดหาแม่อุ้มบุญคนละเครือข่ายที่ถูกจับ

กทม.15 ก.พ.- ตำรวจ ปคม. ขยายผลจับนายหน้าจัดหาแม่อุ้มบุญ  อีก 2 คน โดยเป็นนายหน้าจัดหาแม่อุ้มบุญอีกเครือข่ายหนึ่ง  


พลตำรวจตรีวรวัฒน์  วัฒน์นครบัญชา  ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ  ปคม. เปิดเผยความคืบหน้าการกวาดล้างจับกุมเครือข่ายอุ้มบุญ ว่า  เมื่อเช้าที่ผ่านมา สามารถจับผู้ต้องหาตามหมายจับ ของศาลอาญาได้ 2 คน ทำหน้าที่เป็นนายหน้ารับจัดหาแม่อุ้มบุญโดยเป็นอีกเครือข่ายอุ้มบุญอีก คล้ายกับเครือข่ายที่ถูกจับเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์  ที่ผ่านมา และหนึ่งในแม่อุ้มบุญที่ถูกจับ ให้การว่าเคยรับงานอุ้มบุญให้ลูกค้าชายหญิง ชาวจีน  โดยให้หญิงสาวตรวจความสมบูรณ์ของมดลูกที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯก่อนจะพาไปฝังตัวอ่อนที่ประเทศมาเลเซีย  เมื่ออายุครรภ์ได้ 7-8 เดือน ก็จะพาไปคลอดที่เมืองจีน  


จากการตรวจสอบประวัติทั้งคู่พบว่าเดินทางเข้า-ออก ประเทศไทย กัมพูชา มากกว่า 100 ครั้ง และเป็นเส้นทาง 3 ประเทศ  คือ จีน มาเลเซียและกัมพูชา  ทำให้น่าเชื่อว่าเครือข่ายนี้  ทำธุรกิจลักษณะนี้มาไม่น้อยกว่า 2 ปี  และน่าจะมีผู้รับจ้างอุ้มบุญมากกว่า 10 คน  โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพ จึงตั้งข้อหา สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้าและความผิดเกี่ยวกับการโฆษณาชักชวนรับจ้างเป็นแม่อุ้มบุญ ส่วนข้อหาที่เกี่ยวกับยาและเวชภัณฑ์ ฝ่ายสอบสวน ประสานนำของกลางที่ตรวจพบในบ้านของผู้ต้องหา ส่งเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาว่า เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา หรือไม่ คาดจะทราบผลวันจันทร์นี้(17 ก.พ.) 


นอกจากนี้ ยังคาดว่า กลุ่มนายหน้าจัดหาแม่อุ้มบุญในประเทศไทย น่าจะมีอย่างน้อย 6-7 กลุ่ม โดยพบความเชื่อมโยงว่า มีนายทุนใหญ่ที่เป็นตัวกลางประสานงานว่าจ้างให้กลุ่มนายหน้ากลุ่มต่างๆจัดหาแม่อุ้มบุญคนเดียวกัน  เนื่องจากพบว่าแม่อุ้มบุญต่างกลุ่มกันแต่กลับไปคลอดในโรงพยาบาลเดียวกันในประเทศจีน 

สำหรับเครือข่ายที่ถูกจับเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแม่อุ้มบุญทั้ง 15 คน ส่วนการตรวจหลักฐานอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พบในบ้านพัก  ส่งให้กระทรวงสาธารณสุข ช่วยตรวจสอบมาตรฐานและที่มา รวมถึงการครอบครองถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่  ก่อนพิจารณาแจ้งข้อหานายหน้าเพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. แต่งตั้งนายพล 250 ตำแหน่ง

1 ก.ย. – เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. บัญชีแต่งตั้งนายพลตำรวจ 250 ตำแหน่ง “บิ๊กเต่า” แห้ว “นพศิลป์” ได้ขึ้น พล.ต.ท. เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (รองประธาน ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 8/2568 วาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประจำปี 2568 โดยแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และโยกย้ายสับเปลี่ยน กว่า 250 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ก.ตร.ครบองค์ประชุม ขาดเพียงนายภูมิธรรม […]

“บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ.-ตลกดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทนอดีตพระอลงกต

กรุงเทพฯ 1 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ.-ตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ส่วน “สมปอง” ยังอยู่ในข่ายถูกดำเนินคดี แม้อ้างว่าเป็นการยืมเงินและคืนไปบางส่วนแล้ว ขณะที่วง “พิงค์แพนเตอร์” ประสานเข้าพบตำรวจเร็วๆ นี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนคดี “อลงกตการละคร” ระบุว่า คดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร และมีตัวละครที่สามารถดำเนินคดีได้หลายคน แต่ตำรวจต้องการพยานหลักฐานมาประกอบข้อมูลตรงนี้ให้ชัดเจนมากขึ้นก่อน ซึ่งตอนนี้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามทยอยเรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อย ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบขยายผลเส้นทางการเงินและทรัพย์สิน โดยเฉพาะประเด็นที่มีคนใกล้ชิด อักษรย่อ นางสาว ว. ถือครองโฉนดที่ดินมูลค่ารวม 140 ล้านบาทนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบบุคคลเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในจำนวนนั้นยอมรับว่ามีอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ด้วย โดยทั้งคู่มีพฤติกรรมคล้ายๆ กัน คือ เข้าไปหาผลประโยชน์ และไม่ใช่เพียงผลประโยชน์จากเงินวัดก้อนเดียว แต่หาผลประโยชน์จากกลุ่มเครือข่ายด้วย ซึ่งมีมูลค่าเงินจำนวนมาก และทางอดีตพระอลงกต ก็มองว่าตนเองถูกรังแก ถูกโกงเงินไป ทั้งเรื่องคอนเสิร์ต เรื่องที่ดิน และถือครองทรัพย์สินแทน […]

พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ

พรรคกล้าธรรม 30 ส.ค.-พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์ โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ ชี้ปล่อยให้ประเทศเกิดสุญญากาศไม่ได้ เผยภูมิใจไทยรับข้อเสนอ แก้ กม.ต้องไม่กระทบสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อเวลา 15.55 น. พรรคกล้าธรรม (กธ.) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และจะต้องมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ต่อไปว่า คณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้ร่วมกันพิจารณารับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรคทุกท่าน เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินการของพรรค รวมถึงพิจารณาข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทย โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พรรคกล้าธรรม จะลงมติในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สนับสนุนให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เนื่องด้วยสถานการณ์ของประเทศไทยขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องมีฝ่ายบริหารมาขับเคลื่อนและแก้ปัญหาให้กับประชาชนในทุกด้าน ทั้ง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ปัญหาสังคมด้านต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน โดยไม่สามารถประวิงเวลาไปได้อีก พรรคกล้าธรรม ได้แสดงจุดยืนของพรรคให้กับพรรคภูมิใจไทยทราบ คือ 1.พรรคกล้าธรรม ยึดถือ […]

“เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล

พรรคประชาธิปัตย์ 31 ส.ค.- “เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล กร้าว ถ้าหนุนก็ไม่เหลือความเป็นคน บอก รัฐประหาร 100 ครั้ง ก็ไม่เลวร้ายเท่าฮั้ว สว. ยกอำนาจให้คนเดียวชี้ขาดประเทศ ย้ำคดีเขากระโดง ต้องเอาผิดให้เด็ดขาด บอก 2-3 เดือน ก็ยุบสภาได้ ไม่ต้องรอ 4 เดือน นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุภายหลังการเจรจากับพรรคประชาชน ที่พรรคร่วมรัฐบาลรับเงื่อนไขทั้งหมดของพรรคประชาชน ว่า จริงๆ เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน ตนไปเป็นเพื่อนเขา ส่วนประเด็นเป็นเรื่องของทั้งสองพรรคต้องคุยกัน เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รับเงื่อนไขทั้งหมดใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ปฏิบัติตามเงื่อนไขของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ส่วนจะนำข้อหารือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน เข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยอมรับว่า อาจอยู่ในวาระอื่นๆ เนื่องจากมีวาระสำคัญอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคประชาชนและและข้อเสนอเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยืนยันว่า […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยัน “ทหาร” ไม่ปฏิวัติ ปล่อยกลไกการเมืองจัดการ

กทม. 2 ก.ย.-มทภ.2 ยัน “ทหาร” ไม่ปฏิวัติ ปล่อยกลไกการเมืองจัดการ เผย ผบ.ทบ. มองการเมืองมีแนวโน้มดี ไม่ยุ่ง เป็นทหารอาชีพ ให้เกียรติฝ่ายการเมือง มอง “แคนดิเดตนายกฯ” อยู่ในวงจำกัด ให้ใช้เวลาที่เหลือ 3-4 เดือน บางอย่างต้องช่วยกันก่อน เชื่อการเมืองมีคนดีอยู่แล้ว พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีการบรรยายนักศึกษาธรรมศาสตร์ ถึงการนำคนดีมาบริหารประเทศ แต่ในสถานการณ์ที่อยู่ระหว่างเลือกนายกฯ ตั้งรัฐบาล และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เราควรมีผู้นำที่เข้าใจสถานการณ์ในแนวทางใด ว่า ทฤษฎีที่ผมพูดไปคือทฤษฎีที่อยากให้เป็น แต่ความจริงของประเทศไทย ก็ต้องว่าไปตามระบบของประเทศไทยในห้วงเวลานี้ ทหารไม่มีการปฏิวัติอยู่แล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามกลไก เราต้องช่วยกันคัดกรองดูว่าอะไรถูกไม่ถูก เราจะเสนอนแอย่างไร อันนี้คือสิ่งที่ผมได้คุยกับน้องๆ เราอยากให้เป็นในอนาคต ส่วนทฤษีและความจริงจะได้ขนาดไหน พวกเราคนไทยทั้งประเทศต้องช่วยกัน เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นเพื่อน ตท.26 กับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ได้ฝากและมองสถาการณ์อย่างไรบ้าง พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ท่านก็มองว่าน่าจะมีแนวโน้มไปทิศทางที่ดี กองทัพบกก็พร้อมทำหน้าที่ตัวเอง ไม่ยุ่งกับกระแสการเมืองอยู่แล้ว […]

ระทึกกู้ภัยช่วยทารก 1 เดือน ติดอยู่ในบ้าน หลังน้ำท่วมสูง

เลย 2 ก.ย. – ผลกระทบจากพายุ “หนองฟ้า” ยังทำให้หลายพื้นที่ในจังหวัดเลย ฝนตก น้ำท่วมสูง ที่ชุมชนตลาดเมืองใหม่ เมื่อกลางดึก กู้ภัยต้องเข้าช่วย ทารกวัย 1 เดือน และเด็ก 5 ขวบ ออกจากบ้าน หลังระดับน้ำสูงอย่างรวดเร็ว นาทีชีวิต เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างคีรีธรรมจังหวัดเลย เข้าช่วยเหลือเด็กทารกแรกเกิด 1 เดือน และเด็ก 5 ขวบ ที่ติดอยู่ในบ้านพัก ชุมชนตลาดเมืองใหม่ (บ้านล่าง) หลังชาวบ้าน และครอบครัว ร้องขอความช่วยเหลือ หลังเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา แม่น้ำเลยเอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำเอ่อท่วมบริเวณชุมชนอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูง และกระแสน้ำค่อนข้างแรง จึงไม่สามารถออกจากบ้านได้ ทั้งนี้กู้ภัยได้เข้าช่วยเหลือ โดยค่อยๆ ประคองแม่เด็ก และ ช่วยอุ้ม ทารกวัย 1 เดือน และเด็ก 5 ขวบ ด้วยความระมัดระวัง เพราะต้องเดินสวนกระแสน้ำที่ค่อนข้างไหลเร็ว และแรง และออกมาจากชุมชนได้อย่างปลอดภัย […]

ลุ้นต่อ บ่ายนี้ ปชน.ถกอีกครั้ง ก่อนเคาะโหวตนายกฯ

กทม. 2 ก.ย. – เป็นอีก 1 วันที่ทุกฝ่ายจับจ้องไปที่พรรคประชาชน หลังเมื่อวานถกโหวตจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ คนที่ 32 แต่เสียงแตก ทำให้บ่ายนี้นัดถกอีกรอบ บรรยากาศที่พรรคประชาชนวันนี้ยังไม่ค่อยคึกคัก เนื่องจากเป็นการนัดประชุมกันในเวลา 13.00 น. แต่อย่างไรก็ตามนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน เดินทางเข้ามาถึงที่ทำการพรรคประชาชน อาคารอนาคตใหม่ ตั้งแต่เวลา 09.25 น. ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนเมื่อถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปหรือไม่ โดยหันมายิ้มแทนคำตอบ ขณะที่แกนนำพรรคบางส่วน อาทิ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรคประชาชน นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิกาพรรคประชาชน นายเซีย จำปาทอง สส.พรรคประชาชน ทยอยเดินทางมาเช่นกัน เพื่อเตรียมการหารือและกำหนดแนวทางการโหวตเลือกแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังได้มีการประชุม สส.วาระพิเศษ หารือแนวทางการเลือกไปเมื่อวานนี้ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป วานนี้พรรคได้ส่งข้อความบรอดแคสต์ ถึงสมาชิกพรรีทั้งในช่องทาง Line OA และ SMS โดยเป็นการให้กรอกแบบสอบถาม […]

เลขาฯ เพื่อไทย ยังรอคำตอบจาก ปชน.

ทำเนียบ 2 ก.ย.-เลขาฯ เพื่อไทย ยังรอคำตอบจาก ปชน. รับถ้าไม่เลือกฝ่ายใดเลย ยุบสภามีโอกาสเป็นไปได้ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าภายหลังการเจรจา พรรคประชาชนในการร่วมลงมติสนับสนุน นายชัยเกษม นิติศิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาลว่า ช่วงนี้จะต้องรอพรรคประชาชนประชุมร่วมกันก่อน พรรคประชาชนอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นจากสมาชิกพรรค ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งความคืบหน้านั้น ยังไม่มีการประสานเพิ่มเติม เพียงแต่พรรคเพื่อไทยก็รับข้อเสนอของพรรคประชาชน และให้ข้อเสนอเพิ่มเติมในการจัดทำประชามติเพื่อนำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาใช้บังคับ โดยไม่ใช่การกดดันใด ๆ ส่วนถ้าพรรคประชาชนไม่เลือกข้างใดเลย รัฐบาลจะตัดสินใจยุบสภาหรือไม่นั้น นายสรวงศ์ ยอมรับว่าการยุบสภามีโอกาสเป็นไปได้ ซึ่งการเมืองทุกอย่างมีความเป็นไปได้ตลอด แต่การยุบสภาก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่รัฐบาลรักษาการน่าจะทำได้ ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการกดดันพรรคประชาชน สำหรับการยุบสภาจะถือเป็นไพ่ใบสุดท้ายของรัฐบาลใช่หรือไม่นั้น นายสรวงศ์ ระบุว่า ไม่ใช่ไพ่ใบสุดท้าย แต่ตามกฎหมายสามารถทำได้ ซึ่งการจะทำหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติหน้าที่.-315.-สำนักข่าวไทย