ระนอง 14 ก.พ. – ธ.ก.ส.เผยปี 63 มุ่งเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน วาง 6 ยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก พร้อมถกเติมเงินกองทุนหมู่บ้านแห่งละ 1 ล้านบาท คาดเสนอ ครม. 25 ก.พ.นี้
นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ปี 2563 ธ.ก.ส.มุ่งเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน มุ่งสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชนบท รวมถึงการเพิ่มยุทธศาสตร์ของธนาคารจากเดิม 5 ยุทธศาสตร์ คือ ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาการบริการทางการเงินครบวงจรและทันสมัย ยุทธศาสตร์ที่ 2 เพิ่มขีดความสามารถขององค์กรและบุคลากรรองรับภารกิจ ยุทธศาสตร์ที่ 3 บริหารจัดการรายได้รวมและต้นทุนรวมให้สมดุลและมีประสิทธิภาพ ยุทธศาสตร์ที่ 4 สร้างและพัฒนาเกษตรกรให้เป็น Smart Farmer และผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร SMAEs ยุทธศาสตร์ที่ 5 เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้เกษตรกรรายย่อย และเพิ่มยุทธศาสตร์ที่ 6 พัฒนาศักยภาพองค์กรและชุมชนแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
นอกจากนี้ ธ.ก.ส.ได้ดำเนินโครงการธุรกิจชุมชนสร้างไทย เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจฐานรากที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน ทั้งกิจกรรมการผลิต กิจกรรมการซื้อ-ขายผลผลิต การแปรรูป และการบริโภคของคนในชุมชนอย่างมีส่วนร่วม โดยจะมีการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อจัดตั้งหน่วยงานขับเคลื่อนโครงการนี้โดยตรง และจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจชุมชนทั้ง 77 จังหวัด เพื่อเป็นศูนย์กลางผสานความร่วมมือจากเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคมและภาคประชาชน พร้อมทั้งสนับสนุนสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย วงเงิน 50,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำสุดเพียงร้อยละ 0.01 ต่อปี ระยะเวลาโครงการ 3 ปี และสินเชื่ออื่น ๆ ตามแผนธุรกิจที่เหมาะสมตามความต้องการของแต่ละชุมชน
ทั้งนี้ ยังมุ่งสร้างและพัฒนา Smart Farmer นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำการเกษตรปีละ 100,000 ราย และส่งเสริมการเติบโตของ SME เกษตร ให้เป็นหัวขบวน ปีละ 10,000 ราย ตลอดจนปรับเปลี่ยนภารกิจทำร่วมกับกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งเดิมธนาคารเป็นเพียงผู้ให้บริการและสนับสนุนสินเชื่อมาเป็นการทำแผนแม่บทชุมชนร่วมกับกองทุนหมู่บ้าน โดยรัฐบาลกำลังหารือกับ ธ.ก.ส. และธนาคารออมสิน เพื่อเติมเม็ดเงินกองทุนหมู่บ้าน จากเดิม ครม.อนุมัติเงินให้กับกองทุนหมู่บ้าน 79,255 กองทุนทั่วประเทศ แห่งละ 200,000 บาท วงเงินรวม 16,000 ล้านบาท เพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้านเป็นแห่งละ 1 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. รับผิดชอบกองทุนหมู่บ้านประมาณ 34,400 กองทุนทั่วประเทศ ซึ่งวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ คาดจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563
ด้านยอดเงินฝากรวมของธนาคารขณะนี้ยังเป็นไปตามเป้าหมาย คาดว่าสิ้นปีบัญชี 2562/2563 ยอดเงินฝากจะอยู่ที่ 1.63 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.62 ล้านล้านบาท มีสภาพคล่อง ส่วนเกินประมาณ 200,000 ล้านบาท ส่วนปีบัญชี 2563/2564 ธนาคารตั้งเป้าหมายเพิ่มฐานเงินฝากรวมไว้ที่ 6.5%
สำหรับการสนับสนุนเกษตรกรจังหวัดระนองนั้น มีตัวอย่างการดำเนินธุรกิจของ “ก้องวัลเลย์” ซึ่งเป็นหัวขบวนในการนำเมล็ดกาแฟจากหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มเกษตรกรทำสวนผสมบ้านในกรัง วิสาหกิจชุมชนบ้านสองแพรก กลุ่มอิ่วเมี่ยน คุณธวัช คนหลัก และจากสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ระนอง จำกัด (สกต.ระนอง) เป็นต้น มาทำเป็นกาแฟคั่วบด มีการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก และในส่วนของ สกต.ระนอง ธ.ก.ส.ได้สนับสนุนสินเชื่อกว่า 20 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรวบรวมผลผลิตกาแฟและผลไม้ชนิดอื่น ๆ จากเกษตรกรรายย่อยและชุมชนส่งขายให้ผู้ผลิตรายใหญ่ที่ต้องการนำผลผลิตทางการเกษตรไปแปรรูป นอกจากนี้ ยังมีชุมชนท่องเที่ยวเกาะพยามที่ใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติที่งดงามของชุมชนมาจัดทำโครงการท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีการจัดทำโฮมสเตย์ และนำผลผลิตทางการเกษตรของชุมชน เช่น กาหยูหรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ มาแปรรูปเป็นสินค้าพร้อมรับประทานและเป็นของฝาก ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เข้มแข็ง. – สำนักข่าวไทย