กระทรวงท่องเที่ยวฯ 11 ก.พ.- รมว.ท่องเที่ยวฯ แสดงความเสียใจเหตุเรือสปีดโบ๊ทชนกันที่ภูเก็ต สั่งการเร่งช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวบาดเจ็บและเสียชีวิต ผ่านกองทุนช่วยเหลือของกระทรวงฯ และบริษัทประกันภัย พร้อมพิจารณาโทษผู้ฝ่าฝืนกฎ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รมว.กก.) เปิดเผยหลังได้รับรายงานเหตุการณ์อุบัติเหตุเรือสปีดโบ้ทชนกัน มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ บริเวณปากทางเข้าท่าเทียบเรือมารีน่า ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต วานนี้ (10 ก.พ.) ว่าเรือที่ชนกันเป็นเรือสปีดโบ้ทไม่มีผู้โดยสาร ชื่อบาหยัน 5 ของบริษัท SEA STAR TOUR ชนกับเรือสปีดโบ้ทชื่อ ALP111ของบริษัท อันดามันเลเซอร์ ภูเก็ต ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารเป็นนักท่องเที่ยวรัสเซียจำนวน 35 คน
ทั้งนี้ ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวรัสเซีย เดินทางมาแบบทัวร์กับบริษัท เปกัส โดยขึ้นเรือสปีดโบ้ทชื่อ ALP111ของบริษัท อันดามันเลเซอร์ ภูเก็ต ซึ่งแน่นอนว่าอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นแต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องหาทางช่วยเหลือดูแลกันให้ดีที่สุด โดยมีกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติของกระทรวงฯ
เบื้องต้นถ้าเป็นไปตามเงื่อนไขกองทุนฯจะชดเชยกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา ทุพพลภาพ รายละไม่เกิน 1,000,000 บาท ค่ารักษา พยาบาลทางการแพทย์ ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 500,000 บาท นอกจากนี้นักท่องเที่ยวจะได้รับค่าชดเชยจากการประกันเรือ(บริษัท วิริยะประกันภัย)และประกันจากบริษัทนำเที่ยว (บริษัท อาคเนย์ประกันภัย) โดยให้สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ตรวจสอบรายละเอียดความถูกต้องของใบอนุญาตต่างๆ อีกครั้ง
รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังเกิดเหตุการณ์ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ตำรวจท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (TAC) ที่อยู่ในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงให้ความช่วยเหลือและประสานงานหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยว ข้องให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุและเน้นย้ำให้กอง บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและกรมการท่องเที่ยวลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบเหตุการณ์ที่เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวบาดเจ็บและเสียชีวิตครั้งนี้เพื่อหาบทลงโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นอีก
รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการเร่งด่วนให้นำเรื่องการยกระดับคุณภาพมาตรฐานการท่องเที่ยวไทยบรรจุเข้าเป็นวาระหารือในการประชุมเชิงปฏิบัติการภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขและรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวยั่งยืน ที่จะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 13 ก.พ.นี้ ที่โรงแรม อมารี วอเตอร์เกท ด้วย และท้ายสุดได้ย้ำถึงความปลอดภัย เป็นเรื่องสำคัญที่หน่วยงานของกระทรวง รวมถึงผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงเป็นลำดับแรก.-สำนักข่าวไทย