มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ทวงคำตอบคมนาคม ใช้กฎหมายจับ Grab Bike

กรุงเทพฯ 6 ก.พ. – มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หารือคมนาคม – ขนส่ง ทวงคำตอบ  บังคับใช้กฎหมายจับ Grab Bike รอ 20 ก.พ.นี้ ส่วน “ขนส่งฯ” เร่งเปิดรับลงทะเบียนวินใหม่ คาดแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ก.พ. 2563 ที่ กระทรวงคมนาคม น.ส.ปัทมศรี ไกรรส ประธานชมรมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ (จยย.) สาธารณะแห่งกรุงเทพมหานคร  ชมรมเพื่อนแท้ชาววิน พร้อมด้วยสมาชิก 100 คน เข้ามายื่นหนังสือถึงนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เรื่องขอให้บังคับใช้กฎหมาย กับบริษัทแอพพลิเคชั่นที่กระทำผิดกฎหมาย โดยมีนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้รับหนังสือ

น.ส.ปัทมศรี กล่าวว่า การเดินทางมายื่นหนังสือถึงนายศักดิ์สยามในครั้งนี้นั้น เพื่อมาทวงถามคำตอบตามที่เคยได้ยื่นไปก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องด้วยในปัจจุบันมีบริษัทที่เปิดให้บริการรับ – ส่งผู้โดยสารผ่านทางแอปพลิเคชั่น ได้มีการนำรถส่วนบุคคลมารับจ้าง พร้อมทั้งนำรถป้ายเหลืองมาวิ่งให้บริการนอกเขตวินที่จดทะเบียน จึงเรียงร้องให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และกระทรวงคมนาคม บังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิด เนื่องจากในปัจจุบันกลุ่มผู้ขับขี่รถจักยานยนต์ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ภายหลังการยื่นหนังสือในครั้งนี้นั้น จะกลับมาทวงถามอีกครั้งในวันที่ 20 ก.พ. 2563


“ที่เราเดินทางมาในวันนี้ ถือเป็นเรื่องเก่าที่เคยได้มายื่นแล้ว แต่เงียบหายไป ตอนนี้ Grab ยังไม่ถูกกฎหมาย แต่การบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มงวด แถมยังมาครอบมอเตอร์ไซค์วินที่จดทะเบียนถูกต้อง ทำให้เราถูกมองว่าเป็นผู้ต้องหา ถ้าจะบังคับ อย่ามาใช้แค่กับมอเตอร์ไซค์วิน ซึ่งเรายืนยันว่า เราไม่ได้เรียกร้องเกินกว่าเหตุ แต่ทำตามกระบวนการและกฎหมายทั้งหมด” น.ส.ปัทมศรี กล่าว

สำหรับข้อเรียกร้องของชมรมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ (จยย.) สาธารณะแห่งกรุงเทพมหานคร (เพื่อนแท้ชาววิน) ที่ยื่นต่อนายศักดิ์สยามนั้น มี 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ยกเลิกหรือเพิกถอนการจดทะเบียนของบริษัทที่ทำผิดกฎหมาย หรือมีมาตรการลงโทษกับบริษัทที่สนับสนุนรถส่วนบุคคลมารับจ้างและนำรถป้ายเหลืองมารับ-ส่งนอกเขตพื้นที่ตัวเองจดทะเบียนไว้ 2.ขอให้กระทรวงคมนาคมสั่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เข้มงวดจับกุมรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลที่มารับ-ส่งผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชั่น และลงโทษในอัตราสูงสุด และ 3.ขอให้เพิ่มโทษกลับรถจักรยานยนต์สาธารณะที่มารับผู้โดยสารนอกเขตวินที่ตนเองจดทะเบียนไว้ ขอให้มีโทษปรับและลงโทษให้พ้นสภาพจากการเป็นรถสาธารณะ เพราะโทษปัจจุบันที่ใช้อยู่ มีเพียงบันทึกถ้อยคำและนำเสนอคณะอนุกรรมการประจำเขตเท่านั้น ทำให้ผู้กระทำความผิดไม่หลาบจำ

ขณะเดียวกัน ตามนโยบายของนายศักดิ์สยามที่ให้ผู้ที่พบเห็นว่า รถสาธารณะกระทำความผิดสามารถแจ้งได้ที่กรมการขนส่งทางบก และผู้แจ้งจะได้รับเปอร์เซ็นต์จากค่าปรับนั้น จึงได้ตั้งคำถาม 3 ข้อ โดยระบุว่า 1.รถจักรยานยนต์สาธารณะแต่งกายไม่เรียบร้อยขณะรับ-ส่งผู้โดยสาร ผู้แจ้งจะได้รับส่วนแบ่งค่าปรับหรือไม่ 2.รถจักรยานยนต์สาธารณะที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย ใส่เสื้อวินแต่งกายเรียบร้อย แต่ขับรถส่วนบุคคลมารับจ้าง ผู้แจ้งจะได้รับส่วนแบ่งค่าปรับหรือไม่ และ 3.นำรถส่วนบุคคลมารับจ้าง ผู้แจ้งจะได้รับส่วนแบ่งค่าปรับหรือไม่


ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า หลังจากนี้ จะนำข้อร้องเรียนของกลุ่มวินฯ ไปพิจารณาและตอบทุกข้อคำถามต่อไป โดยในขณะนี้ ขบ. ได้ประกาศเปิดรับลงทะเบียนสำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ ทั้งในส่วนที่จะมีการจัดตั้งวินใหม่ หรือวิน จยย. เดิม แต่มีการเพิ่มสมาชิกใหม่ โดยต้องได้รับการยินยอมจากสมาชิกในวินเดิมด้วย ตามที่ได้มีการประกาศไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา หลังจากไม่ได้มีการเปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา สำหรับผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพวิน จยย. สามารถยื่นเอกสารการสมัครได้ จากนั้นคณะกรรมการในเรื่องดังกล่าว ที่ประกอบด้วย 4 ส่วน ได้แก่ มณฑลทหารบกที่ 11 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) และ ขบ. จะเป็นผู้พิจารณาต่อไป คาดว่าใช้เวลาดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ขบ.ยังไม่มีการพิจารณาจัดทำการให้บริการรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชั่นนั้น เนื่องจากจะต้องรอนโยบายให้มีความชัดเจนก่อน และจะต้องมีการแก้กฎหมาย ซึ่งจะใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี โดยในระหว่างนี้ ขบ.จะเข้มงวดจับกุมผู้กระทำความผิด พร้อมทั้งหารือร่วมกับบริษัทที่จัดทำแอปพลิเคชั่น และเรียกรถจักรยานยนต์มากำหนดพื้นที่ไม่ให้วิ่งข้ามเขตพื้นที่ ให้ใช้รถที่ถูกต้องตามกฎหมายกำหนด รวมถึงการพิจารณาให้มีแอปพลิเคชั่นกลางหรือไม่ เพื่อให้รถจักรยานยนต์เข้าสู่ระบบให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ในปัจจุบัน มีวินที่จัดตั้งทั่วประเทศกว่า 10,000 วิน คนขับรถ จยย. รับจ้างสาธารณะรวม 200,000 คน แบ่งเป็น ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต ประมาณ 5,000 กว่าวิน คนขับรถ จยย. รับจ้างสาธารณะ 90,000 กว่าคน และวิน จยย. ในพื้นที่ต่างจังหวัด ประมาณ 5,000 กว่าวิน คนขับรถ จยย. รับจ้างสาธารณะ 100,000 คน . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดรายชื่อทหาร 3 นาย บาดเจ็บ เหยียบกับระเบิด

สุรินทร์ 27 ส.ค.-เปิดรายชื่อทหาร 3 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บ เหยียบกับระเบิด บริเวณเนิน 350 ใกล้ปราสาทตาควาย ขณะออกลาดตระเวน เมื่อวันที่ 27 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการที่ หน่วยทหารจาก พัน.ร.22 ได้จัดกำลังพลออกลาดตระเวนระหว่างฐานปฏิบัติการ บริเวณหน้าบังเกอร์ 11-12 ด้านทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้เหยียบกับระเบิดแสวงเครื่องชนิด PMN-2 ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1.พลทหาร อดิสร ป้อมกลาง สังกัดสนาม มว.3 ร้อย.ร.221 บาดเจ็บข้อเท้าขวาขาด ขณะนี้อยู่ระหว่างลำเลียงทางอากาศจาก รพ.พนมดงรัก ไปยัง รพ.สุรินทร์ พร้อมชุด Sky Doctor2.จ.ส.อ. ณัฐพงศ์ สีชิน สังกัดสนาม มว.3 ร้อย.ร.221 ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่แผ่นหลัง อาการบาดเจ็บเล็กน้อย ส่งกลับเข้ารับการรักษาที่ รพ.พนมดงรัก3.พลทหาร ธรรณ์ณธร เทากระโทก สังกัดสนาม มว.3 […]

มทภ.2 ประณามกัมพูชา หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิด

กทม. 27 ส.ค.- มทภ.2 ประณามกัมพูชา ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง-อนุสัญญาออตตาวาไม่หยุด หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดข้อเท้าขาด 1 นาย ชี้ทุ่นระเบิดมีโครงสร้างพลาสติก เครื่องตรวจหาไม่เจอ เมื่อวันที่ 26 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและอนุสัญญาออตตาวา ต่อเนื่อง หลังวันนี้ เวลาประมาณ 15.45 น. เกิดเหตุ พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 เหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ บริเวณขาขวาท่อนล่างขาด หน่วยในพื้นที่ได้เข้าดำเนินการช่วยเหลือ และนำส่งเพื่อรับการรักษาแล้ว พล.ท.บุญสิน ระบุว่า เนิน 350 ปราสาทตาควาย เป็นพื้นที่ที่ทหารกัมพูชาวางกำลังหนาแน่น และมีทุ่นระเบิดรอบพื้นที่ โดยวันนี้ทหารไทยออกลาดตระเวน ซึ่งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดตรวจหาไม่เจอ เนื่องจากทุ่นระเบิดดังกล่าวโครงสร้างเป็นพลาสติก คาดเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ เบื้องต้นได้ทำหนังสือประท้วงไปทางฝ่ายกัมพูชาแล้ว และเตรียมกำหนดแผนทางการทหารต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

“อดีต ผอ.ขนมจีนน้ำปลา” นอนคุก 20 ปี 60 เดือน หลังศาลฎีกายกคำร้องลดโทษ

สุราษฎร์ธานี 27 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้องลดโทษ ปิดคดีอดีต ผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่ จ.สุราษฎร์ธานี ปมให้เด็กอนุบาลกินขนมจีนราดน้ำปลา หลังสู้นาน 5 ปี สุดท้ายรับโทษจำคุก 20 ปี 60 เดือน นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 8 เป็นประธานแถลงผลคดีที่กล่าวหาอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ทุจริตเงินอุดหนุนค่าอาหารกลางวันนักเรียนของโรงเรียนบ้านท่าใหม่ ให้เด็กอนุบาลกินขนมจีนราดน้ำปลา และจัดทำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการจัดซื้อวัสดุเครื่องบริโภคเพื่อประกอบอาหารกลางวันเป็นเท็จ ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2563 และได้ส่งไปให้อัยการสูงสุด ฟ้องผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 และมีคำพิพากษาให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด รวม 77 กระทง จำคุก 192 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุก 50 ปี ซึ่งอดีต ผอ.คนดังกล่าว ได้ยื่นอุทรณ์ขอลดโทษ ภายหลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน […]

ยังไม่พบผู้เสียหายและทำผิดกฎหมาย จากกรณีสแกนม่านตาแลกรับเงิน

ทำเนียบ 27 ส.ค.-รองโฆษกรัฐบาล เผยตรวจสอบล่าสุดยังไม่พบผู้เสียหายและทำผิดกฎหมาย จากกรณีสแกนม่านตาแลกรับเงิน เตือนประชาชนอย่าประมาท นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่ได้ระบุถึงจากข้อมูลของสภาองค์กรของผู้บริโภคที่มีการรายงานว่าพบการชักชวนให้ประชาชนสแกนม่านตาแลกรับเงิน 500-1,000 บาท ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย โดยอ้างถึงว่าจะไปแลกเหรียญคริปโต ซึ่งผู้ที่สแกนม่านตาจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินรายละ 1,000 บาท ภายใน 24 ชั่วโมง ขณะที่ผู้แนะนำสมาชิกจะได้รับเงิน 500 บาทต่อราย สูงสุดไม่เกิน 10 ราย ล่าสุดมีความคืบหน้าว่า สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) ตรวจสอบของตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การดำเนินงานของผู้ให้บริการในปัจจุบันถูกต้องตามกฎหมาย และคล้ายกับการดำเนินการในหลายประเทศ ในปัจจุบัน และได้มีการเตรียมประสานกระทรวงดีอีและหน่วยงานอื่นหามาตราการควบคุมข้อมูลอ่อนไหว และยังไม่พบผู้เสียหายหรือกระทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้หากพบการละเมิดหรือนำข้อมูลไปใช้ในทางมิชอบ จะดำเนินคดีทันที นายอนุกูล กล่าวว่า เพื่อสร้างความตระหนักรู้เท่าทันต่อความสำคัญของความปลอดภัยที่เหมาะสม รัฐบาลขอย้ำว่า ข้อมูลส่วนบุคคลทางชีวภาพ ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลขั้นสูงสุด การยินยอมให้เก็บ หรือสแกนจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเสี่ยง ดังนี้ 1. การรั่วไหลของข้อมูล หากข้อมูลรหัส Iris Code […]

ข่าวแนะนำ

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]

พลทหารเหยียบกับระเบิดพื้นที่ปราสาทตาควาย

สุรินทร์ 27 ส.ค.-พลทหารเหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย ขาขวาท่อนล่างขาด เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 15.45 น. เกิดเหตุ พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 เหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ บริเวณขาขวาท่อนล่างขาด หน่วยในพื้นที่ได้เข้าดำเนินการช่วยเหลือ และนำส่งเพื่อรับการรักษาแล้ว รายละเอียดอื่นๆ จะรายงานให้ทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย