มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ทวงคำตอบคมนาคม ใช้กฎหมายจับ Grab Bike

กรุงเทพฯ 6 ก.พ. – มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หารือคมนาคม – ขนส่ง ทวงคำตอบ  บังคับใช้กฎหมายจับ Grab Bike รอ 20 ก.พ.นี้ ส่วน “ขนส่งฯ” เร่งเปิดรับลงทะเบียนวินใหม่ คาดแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ก.พ. 2563 ที่ กระทรวงคมนาคม น.ส.ปัทมศรี ไกรรส ประธานชมรมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ (จยย.) สาธารณะแห่งกรุงเทพมหานคร  ชมรมเพื่อนแท้ชาววิน พร้อมด้วยสมาชิก 100 คน เข้ามายื่นหนังสือถึงนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เรื่องขอให้บังคับใช้กฎหมาย กับบริษัทแอพพลิเคชั่นที่กระทำผิดกฎหมาย โดยมีนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้รับหนังสือ

น.ส.ปัทมศรี กล่าวว่า การเดินทางมายื่นหนังสือถึงนายศักดิ์สยามในครั้งนี้นั้น เพื่อมาทวงถามคำตอบตามที่เคยได้ยื่นไปก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องด้วยในปัจจุบันมีบริษัทที่เปิดให้บริการรับ – ส่งผู้โดยสารผ่านทางแอปพลิเคชั่น ได้มีการนำรถส่วนบุคคลมารับจ้าง พร้อมทั้งนำรถป้ายเหลืองมาวิ่งให้บริการนอกเขตวินที่จดทะเบียน จึงเรียงร้องให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และกระทรวงคมนาคม บังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำความผิด เนื่องจากในปัจจุบันกลุ่มผู้ขับขี่รถจักยานยนต์ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ภายหลังการยื่นหนังสือในครั้งนี้นั้น จะกลับมาทวงถามอีกครั้งในวันที่ 20 ก.พ. 2563


“ที่เราเดินทางมาในวันนี้ ถือเป็นเรื่องเก่าที่เคยได้มายื่นแล้ว แต่เงียบหายไป ตอนนี้ Grab ยังไม่ถูกกฎหมาย แต่การบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มงวด แถมยังมาครอบมอเตอร์ไซค์วินที่จดทะเบียนถูกต้อง ทำให้เราถูกมองว่าเป็นผู้ต้องหา ถ้าจะบังคับ อย่ามาใช้แค่กับมอเตอร์ไซค์วิน ซึ่งเรายืนยันว่า เราไม่ได้เรียกร้องเกินกว่าเหตุ แต่ทำตามกระบวนการและกฎหมายทั้งหมด” น.ส.ปัทมศรี กล่าว

สำหรับข้อเรียกร้องของชมรมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ (จยย.) สาธารณะแห่งกรุงเทพมหานคร (เพื่อนแท้ชาววิน) ที่ยื่นต่อนายศักดิ์สยามนั้น มี 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ยกเลิกหรือเพิกถอนการจดทะเบียนของบริษัทที่ทำผิดกฎหมาย หรือมีมาตรการลงโทษกับบริษัทที่สนับสนุนรถส่วนบุคคลมารับจ้างและนำรถป้ายเหลืองมารับ-ส่งนอกเขตพื้นที่ตัวเองจดทะเบียนไว้ 2.ขอให้กระทรวงคมนาคมสั่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เข้มงวดจับกุมรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลที่มารับ-ส่งผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชั่น และลงโทษในอัตราสูงสุด และ 3.ขอให้เพิ่มโทษกลับรถจักรยานยนต์สาธารณะที่มารับผู้โดยสารนอกเขตวินที่ตนเองจดทะเบียนไว้ ขอให้มีโทษปรับและลงโทษให้พ้นสภาพจากการเป็นรถสาธารณะ เพราะโทษปัจจุบันที่ใช้อยู่ มีเพียงบันทึกถ้อยคำและนำเสนอคณะอนุกรรมการประจำเขตเท่านั้น ทำให้ผู้กระทำความผิดไม่หลาบจำ

ขณะเดียวกัน ตามนโยบายของนายศักดิ์สยามที่ให้ผู้ที่พบเห็นว่า รถสาธารณะกระทำความผิดสามารถแจ้งได้ที่กรมการขนส่งทางบก และผู้แจ้งจะได้รับเปอร์เซ็นต์จากค่าปรับนั้น จึงได้ตั้งคำถาม 3 ข้อ โดยระบุว่า 1.รถจักรยานยนต์สาธารณะแต่งกายไม่เรียบร้อยขณะรับ-ส่งผู้โดยสาร ผู้แจ้งจะได้รับส่วนแบ่งค่าปรับหรือไม่ 2.รถจักรยานยนต์สาธารณะที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย ใส่เสื้อวินแต่งกายเรียบร้อย แต่ขับรถส่วนบุคคลมารับจ้าง ผู้แจ้งจะได้รับส่วนแบ่งค่าปรับหรือไม่ และ 3.นำรถส่วนบุคคลมารับจ้าง ผู้แจ้งจะได้รับส่วนแบ่งค่าปรับหรือไม่


ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวว่า หลังจากนี้ จะนำข้อร้องเรียนของกลุ่มวินฯ ไปพิจารณาและตอบทุกข้อคำถามต่อไป โดยในขณะนี้ ขบ. ได้ประกาศเปิดรับลงทะเบียนสำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ ทั้งในส่วนที่จะมีการจัดตั้งวินใหม่ หรือวิน จยย. เดิม แต่มีการเพิ่มสมาชิกใหม่ โดยต้องได้รับการยินยอมจากสมาชิกในวินเดิมด้วย ตามที่ได้มีการประกาศไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา หลังจากไม่ได้มีการเปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา สำหรับผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพวิน จยย. สามารถยื่นเอกสารการสมัครได้ จากนั้นคณะกรรมการในเรื่องดังกล่าว ที่ประกอบด้วย 4 ส่วน ได้แก่ มณฑลทหารบกที่ 11 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) และ ขบ. จะเป็นผู้พิจารณาต่อไป คาดว่าใช้เวลาดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ขบ.ยังไม่มีการพิจารณาจัดทำการให้บริการรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชั่นนั้น เนื่องจากจะต้องรอนโยบายให้มีความชัดเจนก่อน และจะต้องมีการแก้กฎหมาย ซึ่งจะใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี โดยในระหว่างนี้ ขบ.จะเข้มงวดจับกุมผู้กระทำความผิด พร้อมทั้งหารือร่วมกับบริษัทที่จัดทำแอปพลิเคชั่น และเรียกรถจักรยานยนต์มากำหนดพื้นที่ไม่ให้วิ่งข้ามเขตพื้นที่ ให้ใช้รถที่ถูกต้องตามกฎหมายกำหนด รวมถึงการพิจารณาให้มีแอปพลิเคชั่นกลางหรือไม่ เพื่อให้รถจักรยานยนต์เข้าสู่ระบบให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ในปัจจุบัน มีวินที่จัดตั้งทั่วประเทศกว่า 10,000 วิน คนขับรถ จยย. รับจ้างสาธารณะรวม 200,000 คน แบ่งเป็น ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต ประมาณ 5,000 กว่าวิน คนขับรถ จยย. รับจ้างสาธารณะ 90,000 กว่าคน และวิน จยย. ในพื้นที่ต่างจังหวัด ประมาณ 5,000 กว่าวิน คนขับรถ จยย. รับจ้างสาธารณะ 100,000 คน . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย