กรุงเทพฯ 5 ก.พ.-รองโฆษกอัยการ เผยคดี “เอมี่” เกี่ยวข้องยาเสพติด อัยการศาลสูงมีนบุรี ได้ยื่นอุทธรณ์ไปแล้ว ข้อหาร่วมครอบครองยาเพื่อจำหน่าย หลังศาลชั้นต้นยก
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวอธิบายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับขั้นตอนคดี นางสาวอาเมเรีย หรือเอมี่ จาคอป อายุ 31 ปี นางเอกสาวลูกครึ่งไทย-ฮอลแลนด์ ตกเป็นจำเลยคดีร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 โดยผิดกฎหมาย ซึ่งศาลมีนบุรี พิพากษายกฟ้องนางสาวอาเมเรีย ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษเพื่อจำหน่าย นั้น ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ไปยังสำนักงานอัยการคดียาเสพติด 12 มีนบุรี แล้ว พนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีแจ้งว่าในประเด็นที่ศาลมีนบุรีเคยตัดสินยกฟ้องเอมี่ ข้อหาร่วมครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย โดยลงโทษเฉพาะข้อหาเสพยาฯ นั้น พนักงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดีและอัยการพิเศษฝ่ายศาลสูงมีนบุรี (นายธิติ คุ้มรักษ์) ได้มีความเห็นและคำสั่งอุทธรณ์และได้ยื่นอุทธรณ์ไปแล้ว ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
ส่วนประเด็นที่สืบเนื่องเรื่องที่มีการจับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความของเอมี่ ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 นั้น นายประยุทธ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีข้อมูลและไม่ทราบข้อเท็จจริงและคดียังอยู่ในชั้นสอบสวนจึงไม่อาจให้ความเห็นและก้าวล่วงได้
ขณะที่แหล่งข่าวนักกฎหมาย ได้กล่าวอธิบายลักษณะขั้นตอนการให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์ในการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 นั้น ว่า ตามกฎหมายนั้น ก็เป็นเรื่องที่ผู้ต้องหา หรือจำเลย สามารถให้การที่ขยายผล ซึ่งได้ประโยชน์ในส่วนที่ศาลจะลงโทษตามกฎหมายยาเสพติดได้ ซึ่งเรื่องการให้ข้อมูลขยายผล ตามมาตรา 100/2 มีการใช้กันบ่อย ซึ่งคดียาเสพติด เวลาตำรวจไปจับผู้ค้ารายย่อย ต้องการขยายผลไปถึงรายใหญ่กว่าคนเสพจะให้ข้อมูลซื้อยามาจากใคร ก็ไปตามจับได้แล้วมีการให้ข้อมูลขยายผลกับตำรวจไปตามจับได้อีกทอดหนึ่ง อย่างนี้ก็ได้รับประโยชน์จากการขยายผลเป็นการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ไปจับ โดยหลักพนักงานสอบสวนเขาจะสอบเลย ก็จะอยู่ตั้งแต่บันทึกจับกุมด้วยและตำรวจจะมีบันทึกพฤติการณ์ทางคดี เช่น สืบสวนแล้วทราบว่าคนนี้ลักลอบขายยาบ้าประจำ จึงวางแผนล่อซื้อจับกุม ผลจับกุมได้ยา แล้วจากการสอบสวนขยายผลได้ว่ายาบ้าซื้อมาจากใครวางแผนล่อซื้อแล้วขยายผลจับได้ยาบ้าอีก คนนั้นก็จะได้ประโยชน์ ก็จะสอบสวนไว้เป็นประเด็นติดอยู่ในสำนวน ถ้าอัยการไม่นำสืบ จำเลยเขาก็จะอ้างขึ้นมาเองขอศาลนำมาพิจารณาลงโทษสถานเบากว่ากฎหมายกำหนดเนื่องจากเป็นผู้ขยายผลให้เจ้าหน้าที่เป็นการให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ในการไปจับรายใหญ่ ขอให้ได้ประโยชน์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ในมาตรา 100/2 ด้วย ก็จะออกมาแนวนี้ ส่วนถ้าเป็นเรื่องอย่างที่มีการไปกล่าวหากันว่าสิ่งที่เอาไปอ้างใน มาตรา 100/2 ที่จะได้ประโยชน์ในการพิจารณาของศาล เป็นประเด็นที่ไม่อยู่ในสำนวนแสดงว่าไม่ใช่เรื่องของพนักงานสอบสวนที่ทำขึ้น เท็จจริงจะใช่หรือไม่ อย่างไร ต้องรอกระบวนการสอบสวนตรวจพิสูจน์ทราบตรงนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนกำลังเริ่มกระบวนการตรวจพิสูจน์.-สำนักข่าวไทย