รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหากลุ่มพีมูฟ

สำนักงาน ก.พ. 5 ก.พ.-รัฐบาลเร่งรัดแก้ไขปัญหาของกลุ่มพีมูฟ ตามนโยบาย 9 ด้าน “เทวัญ” ย้ำทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องติดตามและบูรณาการการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว เตรียมประชุมใหญ่อีกครั้งกลางเดือนกุมภาพันธ์ 63


นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานประสานงานเร่งรัดติดตามการแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนนโยบาย 9 ด้าน ครั้งที่ 1/2563 เพื่อพิจารณาเร่งรัดติดตามการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกของปี ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ชาติพันธุ์ แรงงาน กฎหมายที่มีความเหลื่อมล้ำ หรือปัญหาอื่น ๆ ที่เรียกร้องเข้ามา ได้มอบหมายให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแลโดยเฉพาะ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่จะดูแลในเรื่องของที่ดินทำกิน , เรื่องปัญหาแรงงาน ก็จะมีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงแรงงานเป็นผู้รับผิดชอบ โดยจะมีการประชุมใหญ่ ที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานอีกครั้ง ในกลางเดือน กุมภาพันธ์ 2563

นายเทวัญ กล่าวว่า ในการประชุมฯ ได้เน้นย้ำให้คณะกรรมการทุกกระทรวงเร่งรัดตามที่ได้มีการแจ้งประเด็นปัญหามายังรัฐบาล เพื่อให้เกิดการบูรณาการและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้รับความร่วมมือดีในทุกด้าน และคาดว่าทางกลุ่มพีมูฟมีความพึงพอใจ ทราบว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะเร่งรัดปัญหาต่าง ๆ


ขณะที่นโยบาย 9 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ทบทวนรัฐธรรมนูญ ปี 60 รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน  2.ด้านการกระจายอำนาจลดการผูกขาดอำนาจและระบบเศรษฐกิจให้เกิดการกระจายลงสู่ท้องถิ่น 3.ด้านกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้ประชาชนมีส่วนร่วมและเข้าถึงอย่างเท่าเทียม 4.ด้านที่ดิน พื้นที่เกษตรกรรม รายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและทบทวนแนวทางการจัดที่ดินภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ  5.ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอยกเลิกนโยบายทางกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน รวมถึงทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

6.ด้านนโยบายในการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ ส่งเสริมระบบการจัดการภัยพิบัติโดยชุมชน  7.ด้านนโยบายการคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์และสิทธิความเป็นมนุษย์ พร้อมเร่งรัดแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อให้สัญชาติและสถานะบุคคลแก่กลุ่มชาติพันธุ์เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง 8.ด้านสิทธิของคนไร้สถานะ แก้ไขปัญหาสถานะและสิทธิบุคคลของคนไร้รัฐไร้สัญชาติ กลุ่มชาติพันธุ์ และขอให้มีการขยายมติคณะรัฐมนตรีเพื่อสำรวจคนตกหล่น เป็นการเฉพาะ และ 9.ด้านนโยบายรัฐสวัสดิการ จัดระบบรัฐสวัสดิการให้ครอบคลุมด้านการศึกษา สุขภาพที่อยู่อาศัยและที่ดินแรงงาน รายได้ ประกันสังคม ระบบบำนาญแห่งชาติเบี้ยยังชีพและการปฏิรูประบบภาษี.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง