กรุงเทพฯ 3 ก.พ.- ศาลอาญา นัดไต่สวน สิระ ฟ้อง เสรีพิศุทธ์ หมิ่นประมาท เป็น ส.ส. สวะ!!
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางมายังศาลอาญา หลังศาลรับคำฟ้อง และ ได้นัด ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ จากกรณีนายสิระได้ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328
นายสิระ กล่าวว่า วันนี้ศาลนัดไต่ส่วนมูลฟ้อง ในส่วนของโจทก์ ซึ่งมีการเตรียมพยาน เป็นประชาชน ขึ้นเบิกความ ประมาณ 3 ปาก เพื่อยืนยันพฤติกรรมของจำเลยว่าได้กระทำตามที่มีการฟ้องร้องไปจริง ส่วนตัวมองว่าคำพูดของจำเลยที่พูดพาดพิงถึงตน ไม่ใช่การติชม แต่เป็นคำพูดที่พูดแล้วทำให้ตนได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ศาลเคยให้นัดไกล่เกลี่ยแล้ว แต่ตนยืนยัน ไม่ไกล่เกลี่ย เพราะ เจตนาการฟ้องครั้งนี้ ต้องการให้ จำเลย รับผิดชอบคำพูด จำเลยเป็นถึงอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ มีตำแหน่งสำคัญทางการเมือง โดยการออกมาขอโทษ และลงขอโทษใน หนังสือพิมพ์ ว่า ผม ไม่ผิด ทั้งนี้ เพื่อเรียกศักดิ์ศรีของตัวเอง และไม่ได้ต้องการให้มากราบเท้าขอโทษ แต่อย่างใด
สำหรับคดีนี้ คำฟ้อง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย.62 เวลากลางวัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จำเลย ขณะปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. และประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่อาคารรัฐสภา ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ ในฐานะ กมธ. ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ด้วยข้อความลักษณะเปรียบเทียบเป็นพืชที่ไร้ประโยชน์ และมีเนื้อหาที่สื่อความหมายกล่าวหาหรือใส่ความโจทก์ทำนองว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แจกเงินหรือทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนโจทก์ในการปลดจำเลยออกจากการเป็นประธาน กมธ. ที่มีเจตนามุ่งทำลายชื่อเสียงโจทก์และทำลายความน่าเชื่อถือโจทก์ในการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. และกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และเป็นการพูดในลักษณะดูถูกดูแคลนโจทก์ ซึ่งทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่าโจทก์เป็น ส.ส. ไร้ประโยชน์ โดยถ้อยคำนั้นล้วนเป็นเท็จ โดยส่วนที่โจทก์เคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า จะประชุมเพื่อเสนอปลดจำเลยออกจากการเป็นประธานกรรมาธิการดังกล่าวนั้น เป็นการเสนอความเห็นต่อสื่อมวลชนในการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์และจำเลยตามอำนาจหน้าที่ และข้อบังคับการประชุมสภาฯ และข้อบังคับการประชุมกรรมาธิการฯ ตนเป็น ส.ส. ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน ไม่เคยทำหน้าที่ใดๆ ให้เกิดความเสียหายแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ขณะที่จำเลย เคยตำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ และเป็นประธานกรรมาธิการฯ เคยเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย คำพูดของจำเลยจึงทำให้เกิดความน่าเชื่อถือแก่ประชาชน จำเลยซึ่งมีฐานะและตำแหน่งดังกล่าว ต้องทำตนให้เป็นตัวอย่างแก่ประชาชนและเยาวชน ไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดี อันจะทำให้ประชาชนและเยาวชนเลียนแบบ โจทก์จึงขอให้ศาลพิจารณาลงโทษจำเลยสถานหนักและขอให้มีการเพิ่มโทษจำเลยในฐานะนักกฎหมายแต่ทำผิดกฎหมายเสียเองด้วย เหตุเกิดที่อาคารรัฐสภา ถ.สามเสน แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต กทม.
ทั้งนี้ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องฝ่ายโจทก์ ครั้งต่อไป ในวันที่ 16 มีนาคม 13.30 น. -สำนักข่าวไทย