Big Story : จีนไฟเขียวบินรับคนไทยได้ 4 ก.พ.นี้

1 ก.พ. – หลังจากตั้งตารอรัฐบาลส่งเครื่องบินไปรับคนไทยที่ติดค้างอยู่ในอู่ฮั่น วันนี้มีข่าวดี นายอนุทิน ระบุ จีนไฟเขียวให้บินไปรับคนไทยได้วันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้





นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการไปรับคนไทยในอู่ฮั่นกลับประเทศว่า หลังจากมีการประสานไปยังจีน ล่าสุดอุปทูตจีนยืนยันแล้วว่า วันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ ไทยสามารถบินไปรับคนไทยในอู่ฮั่นได้แล้ว ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานว่าคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับมีประมาณ 130-140 คน ซึ่งรัฐบาลกำลังตรวจสอบกฎระเบียบการเดินทางว่าจะมีใครไปบ้าง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ยอมรับว่าส่วนตัวอยากไปรับคนไทยในอู่ฮั่นด้วย แต่ต้องพิจารณากรณีหากถูกกักตัว 14 วันตามมาตรฐานกรมควบคุมโรคอาจทำให้กระทบการทำงาน


ส่วนคนไทยที่เดินทางกลับมาถึงแล้ว ต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะหากต้องการกลับมาทั้งหมด จำเป็นต้องหาสถานที่รองรับในการกักตัว 14 วัน ซึ่งอาจต้องขอความร่วมมือจากหน่วยทหาร ใช้พื้นที่เฝ้าดูอาการ โดยวันจันทร์นี้ (3 ..) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เรียกประชุม คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติหารือ

สำหรับการเตรียมตัวของคนไทยในอู่ฮั่นที่พร้อมเดินทางกลับไทย มีขั้นตอน คือ

เดินทางถึงสนามบินอู่ฮั่น ก่อนเวลา 06.30 . วันที่ 4 ..63

แจ้งชื่อคนขับรถ (สะกดเป็นภาษาอังกฤษ)

แจ้งหมายเลขบัตรประชาชนคนขับรถ

แจ้งทะเบียน และสีรถที่จะมาส่ง

ซึ่งข้อมูล เอกสาร และรูป ต้องส่งรายละเอียดผ่านแอพ WeChat ก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้ (2 ..) นอกจากนี้ บุคคลที่จะเดินทางกลับไทยต้องมี หนังสือเดินทางไทย ลงทะเบียนกลับไทย และส่งเอกสารครบ ส่วนสิ่งสำคัญที่สุด คือ หากอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.3 องศาเซลเซียส ทางการจีนไม่อนุญาตให้ขึ้นเครื่อง

ส่งข้าราชการสถานทูตปักกิ่ง ประสานนำคนไทยออกจากอู่ฮั่น

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ระบุ กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่าวันนี้ (1 ..) สถานเอกอัครราชทูต กรุงปักกิ่ง ได้ส่งข้าราชการสถานเอกอัครราชทูต กรุงปักกิ่งจำนวน 3 คน เดินทางไปอู่ฮั่นเพื่อประสานงาน และอำนวยความสะดวก ในการเตรียมการนำคนไทยออกจากพื้นที่ โดยคาดว่าจะถึงอู่ฮั่นในช่วงเย็นวันอาทิตย์นี้ (2 ..) และจะปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ ส่วนสายการบินที่จะไปรับคนไทยจะเป็นแอร์เอเชียที่มีเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯอู่ฮั่น ซึ่งสามารถออกเดินทางได้ทุกวัน

สายการบินเซียะเหมินรับบินรับคนจีนจากไทยกลับอู่ฮั่น

ส่วนที่มีประเด็น สำนักข่าวแห่งชาติของจีนเผยแพร่ข้อมูลว่าสายการบินเซียะเหมินแอร์ไลน์ รับคนจีนออกจากสุวรรณภูมิ เพื่อกลับอู่ฮั่นนั้น สำนักข่าวไทยตรวจสอบข้อมูลจากบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พบว่ามีเที่ยวบินออกจากสุวรรณภูมิไปจริง โดยเดินทางในช่วงบ่ายวานนี้ และถึงท่าอากาศยานอู่ฮั่นเวลา 20.50 . ส่วนที่มีข้อสงสัยทำไมจีน บินมารับคนกลับประเทศได้เร็ว ทั้งที่สนามบินปิดอยู่ ขณะที่ไทยต้องรอจีนส่งสัญญาณรับคนไทยกลับ มีคำชี้แจงว่า สายการบินเซียะเหมินแอร์ไลน์ เป็นสายการบินที่มี SLOT การบินปกติระหว่างสุวรรณภูมิอู่ฮั่น แต่สายการบินเปลี่ยนภารกิจให้เป็นชาร์เตอร์ไฟลท์หรือทำการบินแบบเช่าเหมาลำ ตามที่รัฐบาลจีนขอความร่วมมือว่าให้รับผู้โดยสารจีนกลับอู่ฮั่นเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของสายการบินไทยเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้

แท็กซี่ติดเชื้อโคโรนาอาการดีขึ้น

ส่วนกรณีแท็กซี่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยันว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ควบคุมล่าช้า แต่ที่ผ่านมาเคยตรวจพบคนไทยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงแต่เมื่อตรวจซ้ำกลับไม่พบ ทำให้ต้องยืนยันผลจากห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อาการคนขับแท็กซี่ดีขึ้นแล้ว แต่ยังอยู่เฝ้าติดตามอาการ ส่วนคนใกล้ชิด 13 คนที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังไม่พบอาการป่วย

ตัวเลขผู้ติดเชื้อโคโรนาในไทยนิ่งอยู่ที่ 19 คน

ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทยยังเท่าเดิม คือ 19 คน นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 12 คน 7 คนรักษาหายแล้ว ส่วนผู้ที่เข้าเกณฑ์การสอบสวนมีอยู่ 344 คน

ข้อมูลจากกระทรวงต่างประเทศยืนยันคนไทยในอู่ฮั่นไม่ป่วย

ส่วนคนไทย 161 คนในอู่ฮั่น ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยัน จนขณะนี้ยังไม่พบใครมีอาการป่วย หรือไม่สบาย

สำหรับความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสโคโรนา นายแพทย์ธนรักษ์ ระบุว่า บอกไม่ได้ว่าใครมีความเสี่ยงสูงกว่ากัน แนะสังเกตและป้องกันตัวเอง เช่น คนขับแท็กซี่ต้องใส่หน้ากากอนามัยเพราะในรถอากาศค่อนข้างปิด ต้องทำความสะอาดรถบ่อยๆ ย้ำใครที่อยู่ในอาชีพที่เสี่ยง ควรใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ใครทำงานสัมผัสกับคนจีนมีไข้ไอเจ็บคอ ต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน หากไม่แน่ใจโทร 1422  หรือไปพบแพทย์ตรวจอาการ

หาคำนิยามใหม่ คัดกรองผู้ติดเชื้อให้ชัดเจนขึ้น

รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ และที่ปรึกษากรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค ระบุหลังจากองค์การอนามัยโลก ประกาศให้การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นภาวะฉุกเฉินด้านการสาธารณสุขระหว่างประเทศ โดยในไทย เริ่มคัดกรองผู้ป่วยมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เมื่อพบแท็กซี่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ทำให้ต้องเร่งหารือผู้เชี่ยวชาญปรับเกณฑ์พิจารณาการตรวจคัดกรองผู้ป่วยใหม่ จากเดิมเข้าเกณฑ์ 3 ข้อ

1. เป็นคนจีน มาจากอู่ฮั่น 

2. มีไข้ 37.5 องศาฯ

3. มีอาการป่วยทางเดินหายใจ มาเป็นคนไทยทั่วไป ซึ่งการหารือคำจำกัดความต้องสื่อสารเข้าใจง่าย เพราะต้องเป็นกลไกในการตรวจคัดกรองที่ชัดเจน .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

ภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์

กทม. 15 ส.ค.-“ทบ.-ทภ.2” ยืนยันภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์ คาดฝ่ายกัมพูชาทำคอนเทนต์สร้างกระแส ให้เห็นว่าไม่ยอมฝ่ายไทย เตรียมประท้วงขัดข้อตกลง “จีบีซี” แม่ทัพภาค 2 ยันทุกอย่างอยู่ที่เดิม เมื่อวันที่ 15 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีคลิปทหารกัมพูชาอ้างถึงการรื้อลวดหนามหีบเพลงใกล้ฐานปฏิบัติการซำแต ใกล้ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ว่า อาจจะเป็นการทำภาพวีดีโอ เพื่อนำเสนอให้คนกัมพูชาเห็นการปฏิบัติการตอบโต้ไทยตามแนวชายแดน แต่หลายอย่างไม่ได้ตรงกับพื้นที่จริง อาจจะเป็นเรื่องของการใช้กราฟฟิคในเรื่องของสีธง ซึ่งไม่อาจใช่พื้นที่ตรงนั้น มุ่งหวังสร้างขวัญกำลังใจกับฝ่ายกัมพูชามากกว่า เพื่อแสดงท่าทีว่าได้ทำอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลวดหนาม หรือธง ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดน เมื่อดูจากสภาพแวดล้อมไม่ใช่พื้นที่ที่มีการอ้างถึง “อาจจะมาทำเป็นลักษณะของการทำคอนเทนต์ ให้คนกัมพูชาเห็นว่ามีปฏิกิริยาที่ไม่เอารั้วลวดหนาม ไม่ใช่ภาพที่อยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย ยืนยันไม่ใช่ภาพจริงที่เขาอ้างถึง ส่วนการละเมิดข้อตกลงจีบีซีในเรื่องการบิดเบือนข่าวสารนั้นเราก็คงต้องประท้วงและแสดงให้เห็นว่าไม่ควรเกิดขึ้น” พล.ต.วินธัย ระบุ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กองทัพบกชี้แจงกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ภาพอ้างว่าเป็นการรื้อถอนลวดหนามในพื้นที่จุ๊บตะโมก บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ประจำปราสาทตาเมือนธม ยืนยันว่าไม่ปรากฏเหตุการณ์หรือการปฏิบัติใดๆ ของทหารกัมพูชาตามที่มีการกล่าวอ้าง ทั้งนี้ หากมีการรื้อถอนลวดหนามในพื้นที่จริง จะต้องมีการเข้าดำเนินการตอบโต้จากฝ่ายไทย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย ภายใต้มาตรการรักษาความมั่นคงอย่างเข้มงวด อีกทั้งจากการตรวจสอบยังพบว่า […]

กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ก.ต่างประเทศ 15 ส.ค.-กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด เผย 1 เดือน ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดแล้ว 5 ครั้ง มีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเป็นทุ่นใหม่ ไม่ใช่มรดกสงคราม ย้ำไทยมุ่งใช้กลไกทวิภาคี แก้ปมชายแดน จี้หยุดบิดเบือนเฟกนิวส์ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูต องค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านทุ่นระเบิดว่า การบรรยายสรุปในวันนี้ (15 ส.ค.) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ข้อเท็จจริงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้พหารไทยหลายท่านได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพถาวร และสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน และเพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทยในเรื่องนี้ โดยได้เชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าร่วม โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟัง 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ นายนิกรเดช กล่าวว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้กล่าวเปิดผ่านวิดีโอคลิป เนื่องจากขณะนี้ท่านติดการกิจอยู่ระหวางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ที่เมืองอันหนิง ประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมกับจีน หลังจากนั้นเป็นการบรรยายของนายรัศม์ […]

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน […]