กรุงเทพฯ 1 ก.พ. –WP เชื่อมั่นยอดขายแอลพีจีของบริษัทปีนี้โตร้อยละ 2-3 แม้นักท่องเที่ยวลดลงจาก “โคโรนาไวรัส” สบช่องขยายตลาดซื้อโรงบรรจุเพิ่มขึ้นหลัง ยุคหลานหลานขายกิจการโรงบรรจุ
นายนพวงศ์ โอมาธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) เปิดเผยว่า แม้ช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ยอดนักท่องเที่ยวอาจลดลงจากผลกระทบ โคโรนาไวรัส แต่ยังเชื่อมั่น ยอดขายก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี ) ของบริษัทยังคงเติบโต เนื่องจาก ได้วางแผนขยายพื้นที่จำหน่ายเพิ่มขึ้น เชื่อว่าจะทำให้ยอดขายขยายตัวร้อยละ 2-3 ซึ่งก๊าซหุงต้มภาครัวเรือนเป็นสินค้าจำเป็น แม้นักท่องเที่ยวต่างประเทศลดลง แต่ในประเทศยังมีการเดินทาง และการบริโภคอาหาร จึงเชื่อมั่นว่า ยอดขายยังเป็นไปตามเป้าหมาย
โดยปีนี้จะใช้เงินลงทุนในปีนี้ ราว 350-400 ล้านบาท ทั้งการเพิ่มจุดกระจายสินค้า โดยการซื้อโรงบรรจุ LPG ต่อเนื่องจากปลายปีก่อน โดยมีเป้าหมายจะเพิ่มราว 15-20 จุดภายในสิ้นปีนี้ จากที่มีอยู่ 160 จุด และวางเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 200 จุดในอนาคต การลงธุรกิจถัง LPG และเตรียมลงทุนธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับพลังงาน (non energy) ซึ่งในขณะนี้ได้เจรจาเรื่องธุรกิจอาหาร โดยจะเสนอ คณะกรรมการบริษัทพิจารณาในราวไตรมาส 1/63
“ธุรกิจอาหารเป็นเทรนด์ที่เห็นนักลงทุนขนาใดหญ่หลายรายเข้าไปซื้อกิจการเพิ่มขึ้น ทางบริษัทจึงเจรจา ผู้ประกอบการ street food ที่มียอดขายที่ดี มีชื่อเสียง ขณะนี้คุยไว้แล้ว 1 ราย โดยบริษัทจะเข้าไปสนับสนุนด้านการบริหารจัดการในเชิงธุรกิจ คาดหวังธุรกิจอาหารจะสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ได้มากกว่าร้อยละ 30 สูงกว่าธุรกิจ LPG ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่ปัจจุบันมี IRR อยู่ที่ราว ร้อยละ10-12”นายนพวงศ์กล่าว
สำหรับ ผลดำเนินงานปี 63 น่าจะเติบโตจากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามปริมาณขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่คาดจะขยายตัวร้อยละ 2-3 มาอยู่ที่ 8 แสนตัน จาก 7.7 แสนตันในปีที่แล้ว และอัตรากำไรสุทธิที่น่าจะทำได้ดีกว่า ร้อยละ2 ในปีก่อน จากต้นทุนที่ลดลง
“การเข้าซื้อโรงบรรจุก๊าซส่วนใหญ่ เป็นการซื้อจากเจ้าของกิจการรุ่นใหม่ เช่น รุ่นที่ 3 ที่เห็นว่าธุรกิจนี้เหนื่อย ต้องดูแลตลอด 24 ชั่วโมง จึงต้องการขายกิจการออก จึงเป็นช่องทางที่ บริษัทจะเข้าไปซื้อ เพื่อเพิ่มช่องทางตลาด”นายนพวงศ์กล่าว
ปัจจุบัน WP มีส่วนแบ่งตลาดยอดขาย LPG ในประเทศ ภายใต้แบรนด์ “เวิลด์แก๊ส” เป็นอันดับ 3 มีส่วนแบ่งตลาดราว ร้อยละ18 รองจาก ปตท. ที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 และ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 –สำนักข่าวไทย