ใช้เครนยกซากยีราฟนำไปผ่าพิสูจน์

ฉะเชิงเทรา 30 ม.ค.-เจ้าหน้าที่ใช้เครนยกซากยีราฟที่จมน้ำตายในบ่อบัวริมถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม เพื่อนำไปผ่าพิสูจน์ หาสาเหตุการตายที่แน่ชัด ก่อนนำไปฝังตามขั้นตอน


เจ้าหน้าที่นำซากยีราฟขึ้นจากคลอง หลังวันนี้พบจมน้ำตายในบ่อบัวหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ริมถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม โดยยีราฟตัวดังกล่าวหลุดจากรถบรรทุก ระหว่างขนย้ายไปศูนย์เพาะเลี้ยง จ.ปราจีนบุรี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ปูพรมค้นหาเกือบ 2 วันเต็ม ช่วงที่พบยีราฟเริ่มขึ้นอืดและส่งกลิ่นเหม็น


ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉะเชิงเทรา ระดมกำลังตามหายีราฟตลอด 2 วันเต็ม จนมาถึงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 20 คน ค้นหายีราฟจากจุดที่พบยีราฟครั้งสุดท้าย เมื่อเวลาเที่ยงคืนเศษของวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านอำเภอบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมแห่งหนึ่ง ห่างจากสี่แยกไฟแดงบางคล้าประมาณ 2 กิโลเมตร โดยให้เจ้าหน้าที่เดินแนวราบหน้ากระดานประมาณ 6 คน เข้าไปในป่าหญ้าและท้องนา เพื่อค้นหารอยเท้าของยีราฟ พร้อมสำรวจรอยเท้าตามบ่อน้ำและแหล่งน้ำใกล้เคียง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบ่อกุ้งและบ่อปลาของชาวบ้าน เพื่อดูว่ามีร่องรอยของยีราฟหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่เกรงว่ายีราฟจะเดินตกบ่อน้ำที่มีความลึกแล้วเป็นอันตราย พร้อมกันนี้ยังมีการนำพารามอเตอร์จำนวน 10 ลำ บินในรัศมี 10 กิโลเมตร บินโดยรอบพื้นที่ คู่ขนานกัน ก่อนจะถอนกำลังและกลับมาวางแผนในช่วงบ่าย


เจ้าหน้าที่ใช้เวลาวางแผนกับหน่วยงานราชการในพื้นที่และบริษัท ซาฟารีเวิลด์ นานกว่าชั่วโมงก่อนจะลงพื้นที่ปฏิบัติการค้นหาต่อในช่วงบ่าย และได้ข้อสรุปว่าจะนำทีมเจ้าหน้าที่ของซาฟารีเวิลด์มาเสริมทัพรวมกว่า 55 คน และกู้ภัยฉะเชิงเทรา 40 คน แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด โดยจะให้เจ้าหน้าที่เดินเป็นระนาบแนวหน้ากระดานเช่นเดิม โดยให้แต่ละคนจะยืนห่างกัน 5 – 10 เมตร ออกเดินเท้าค้นหาตามพื้นที่ป่า 2 ฝั่งถนน 304 ฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม ในรัศมีฝั่งละ 1 กิโลเมตร ฝั่งแรกจะเดินไปจนถึงคลองคูแดน ส่วนอีกฝั่งจะเดินไปจนสุดคลองแปลงยาว ซึ่งฝั่งนี้จะเป็นฝั่งเดียวกับโรงแรม พร้อมนำพารามอเตอร์ อีก 7 ลำ ขึ้นบินสำรวจควบคู่กัน ก่อนที่จะลงพื้นที่ปฏิบัติการค้นหายีราฟช่วงบ่าย ได้รับแจ้งว่าพบยีราฟแล้ว บริเวณคลองบัว หน้าโรงแรม ลอยอืดส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งผู้พบคือทีมของบริษัทซาฟารีเวิลด์ 

นายดวง คิ้วคชา ผู้จัดการสำนักวิจัยและอภิบาลสัตว์ ของศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์ ซาฟารีเวิลด์ ยอมรับยีราฟหลุดครั้งนี้เกิดจากอุบัติเหตุจากการขนย้าย รถโฟล์คลิฟท์ไปโดนตัวล็อกบริเวณด้านข้างกล่องทำให้ตัวล็อกอาจจะงอ ประกอบกับขณะที่รถวิ่ง ทำให้รถเขย่า ตัวล็อกเลยเปิด จึงทำให้ยีราฟหลุดออกจากกล่อง ก่อนหน้านี้เคยขนย้ายสัตว์หลายครั้ง แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ยีราฟตัวที่ตายอายุ 3 ปีกว่า สูงประมาณ 3 เมตร ยอมรับขนยีราฟทั้งหมด 68 ตัว มาจากแอฟริกา ซึ่งตัวที่เหลือปลอดภัย ยืนยันทำการขนย้ายตามมาตรฐาน ตั้งแต่ลงจากเครื่องบินยีราฟทุกตัวแข็งแรงดี ถ้าให้ประเมินมูลค่าของสัตว์ไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากมีคุณค่าทางจิตใต ยีราฟมีค่ามากกว่าจะประเมินค่าได้ ระหว่างที่ยีราฟหายตัวเข้าป่า ทีมงานทำงานอย่างเต็มที่ พยายามค้นหายีราฟอย่างต่อเนื่อง จังหวะที่ยีราฟสองตัวหลุดมีการยิงยาสลบ และนำตัวแรกไป จ.ปราจีนบุรี ได้ ส่วนตัวนี้ ยิงยาสลบเช่นกัน จำนวน 3 ดอก ในขณะที่ยีราฟวิ่งบนทุ่งนาฝั่งตรงข้ามโรงแรม แต่โดนที่ขาซ้ายด้านหน้า 1 ดอกเท่านั้น ปกติยาสลบจะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว ในเวลา 3 นาที ซึ่งยาสลบนี้เป็นยาสำหรับสัตว์ป่า แต่ยีราฟตัวนี้ที่วิ่งได้อยู่ อาจเป็นเพราะลูกดอกไม่ตั้งฉาก ทำให้ยาไปอยู่ในส่วนกล้ามเนื้อบางส่วนเท่านั้นจึงออกฤทธิ์ไม่มาก ส่วนพฤติกรรมของยีราฟจะเป็นสัตว์ไม่เข้าใกล้แหล่งน้ำ จะเดินหน้าอย่างเดียว เดินถอยหลังไม่ได้ สาเหตุคาดว่าตกลงบ่อบัวเพราะยีราฟอาจตกใจประกอบกับเป็นช่วงมืดทำให้มองไม่ชัดเลยตกน้ำตาย

ทีมข่าวได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่พยายามช่วยกันปฏิบัติภารกิจค้นหายีราฟกว่า 2 วันเต็ม เผยว่าได้รับโทรศัพท์แจ้งจากเจ้าของบริษัท ก่อนจะเดินทางมาจุดที่พบ ดูจากซากยีราฟแล้ว คาดว่าน่าจะตายตั้งแต่วันที่หลุดจากกรง 28 มกราคมที่ผ่านมา เพราะส่งกลิ่นเหม็นและขึ้นอืดแล้ว จุดที่ยีราฟตายนี้ก่อนหน้านี้มีคลิปหลุดออกมาว่ามีรถเก๋งพบยีราฟ กำลังข้ามถนนช่วงเวลาเกือบตีหนึ่ง ส่วนสาเหตุที่ตายคาดว่ายีราฟวิ่งข้ามถนนมาแล้ว ลงมาถึงคลองและจะวิ่งข้ามคลองแต่ไม่พ้น จึงตกคลองและดิ้นทุรนทุรายก่อนตาย เพราะมีร่องรอยการตะกุยหญ้าตะกุยบ่อ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้นำรถเครนขนาดใหญ่มายกซากยีราฟ เพื่อนำไปผ่าพิสูจน์โดยทีมสัตวแพทย์ของบริษัทซาฟารี ที่ศูนย์เพาะเลี้ยง ตำบลหัวหว้า อำเภอศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อหาสาเหตุของการตายที่แท้จริงก่อนจะนำไปฝัง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• สิ้นสุดการค้นหา! ยีราฟตายแล้วในคูบัวริมถนนบางคล้า-แปดริ้ว

• ยีราฟตายแล้ว! พบซากในคลองริมถนนสาย 304

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]

EOD ทำลายวัตถุระเบิด ใกล้ปั๊มน้ำมันบ้านผือ จ.ศรีสะเกษ 

ศรีสะเกษ 4 ส.ค. – เจ้าหน้าที่อีโอดีเก็บกู้จรวด BM 21 ที่กัมพูชายิงเข้ามาตกและฝังอยู่ในพื้นถนนกันทรลักษ์อีกจุด ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่วันที่ 24 ก.ค. เช่นเดียวกัน บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บวัตถุระเบิดหรือ EOD จากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC เข้าเตรียมความพร้อมเพื่อเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิดแรงสูง ประเภท BM21 ที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่ แล้วตกลงไปฝังอยู่ในถนน กันทรลักษ์-เขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ เป็นจรวด BM 21 ที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม ปตท. บ้านผือ ระเบิดจุดนี้ อยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ประเมาณ 500 เมตร และห่างจากจุดที่มีการเก็บกู้ จรวดบีเอ็ม 21 บนถนนกันทรลักษ์ลูกแรก ในวันที่ 2 สิงหาคม […]