ใช้เครนยกซากยีราฟนำไปผ่าพิสูจน์

ฉะเชิงเทรา 30 ม.ค.-เจ้าหน้าที่ใช้เครนยกซากยีราฟที่จมน้ำตายในบ่อบัวริมถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม เพื่อนำไปผ่าพิสูจน์ หาสาเหตุการตายที่แน่ชัด ก่อนนำไปฝังตามขั้นตอน


เจ้าหน้าที่นำซากยีราฟขึ้นจากคลอง หลังวันนี้พบจมน้ำตายในบ่อบัวหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ริมถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม โดยยีราฟตัวดังกล่าวหลุดจากรถบรรทุก ระหว่างขนย้ายไปศูนย์เพาะเลี้ยง จ.ปราจีนบุรี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ปูพรมค้นหาเกือบ 2 วันเต็ม ช่วงที่พบยีราฟเริ่มขึ้นอืดและส่งกลิ่นเหม็น


ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉะเชิงเทรา ระดมกำลังตามหายีราฟตลอด 2 วันเต็ม จนมาถึงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 20 คน ค้นหายีราฟจากจุดที่พบยีราฟครั้งสุดท้าย เมื่อเวลาเที่ยงคืนเศษของวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านอำเภอบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมแห่งหนึ่ง ห่างจากสี่แยกไฟแดงบางคล้าประมาณ 2 กิโลเมตร โดยให้เจ้าหน้าที่เดินแนวราบหน้ากระดานประมาณ 6 คน เข้าไปในป่าหญ้าและท้องนา เพื่อค้นหารอยเท้าของยีราฟ พร้อมสำรวจรอยเท้าตามบ่อน้ำและแหล่งน้ำใกล้เคียง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบ่อกุ้งและบ่อปลาของชาวบ้าน เพื่อดูว่ามีร่องรอยของยีราฟหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่เกรงว่ายีราฟจะเดินตกบ่อน้ำที่มีความลึกแล้วเป็นอันตราย พร้อมกันนี้ยังมีการนำพารามอเตอร์จำนวน 10 ลำ บินในรัศมี 10 กิโลเมตร บินโดยรอบพื้นที่ คู่ขนานกัน ก่อนจะถอนกำลังและกลับมาวางแผนในช่วงบ่าย


เจ้าหน้าที่ใช้เวลาวางแผนกับหน่วยงานราชการในพื้นที่และบริษัท ซาฟารีเวิลด์ นานกว่าชั่วโมงก่อนจะลงพื้นที่ปฏิบัติการค้นหาต่อในช่วงบ่าย และได้ข้อสรุปว่าจะนำทีมเจ้าหน้าที่ของซาฟารีเวิลด์มาเสริมทัพรวมกว่า 55 คน และกู้ภัยฉะเชิงเทรา 40 คน แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด โดยจะให้เจ้าหน้าที่เดินเป็นระนาบแนวหน้ากระดานเช่นเดิม โดยให้แต่ละคนจะยืนห่างกัน 5 – 10 เมตร ออกเดินเท้าค้นหาตามพื้นที่ป่า 2 ฝั่งถนน 304 ฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม ในรัศมีฝั่งละ 1 กิโลเมตร ฝั่งแรกจะเดินไปจนถึงคลองคูแดน ส่วนอีกฝั่งจะเดินไปจนสุดคลองแปลงยาว ซึ่งฝั่งนี้จะเป็นฝั่งเดียวกับโรงแรม พร้อมนำพารามอเตอร์ อีก 7 ลำ ขึ้นบินสำรวจควบคู่กัน ก่อนที่จะลงพื้นที่ปฏิบัติการค้นหายีราฟช่วงบ่าย ได้รับแจ้งว่าพบยีราฟแล้ว บริเวณคลองบัว หน้าโรงแรม ลอยอืดส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งผู้พบคือทีมของบริษัทซาฟารีเวิลด์ 

นายดวง คิ้วคชา ผู้จัดการสำนักวิจัยและอภิบาลสัตว์ ของศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์ ซาฟารีเวิลด์ ยอมรับยีราฟหลุดครั้งนี้เกิดจากอุบัติเหตุจากการขนย้าย รถโฟล์คลิฟท์ไปโดนตัวล็อกบริเวณด้านข้างกล่องทำให้ตัวล็อกอาจจะงอ ประกอบกับขณะที่รถวิ่ง ทำให้รถเขย่า ตัวล็อกเลยเปิด จึงทำให้ยีราฟหลุดออกจากกล่อง ก่อนหน้านี้เคยขนย้ายสัตว์หลายครั้ง แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ยีราฟตัวที่ตายอายุ 3 ปีกว่า สูงประมาณ 3 เมตร ยอมรับขนยีราฟทั้งหมด 68 ตัว มาจากแอฟริกา ซึ่งตัวที่เหลือปลอดภัย ยืนยันทำการขนย้ายตามมาตรฐาน ตั้งแต่ลงจากเครื่องบินยีราฟทุกตัวแข็งแรงดี ถ้าให้ประเมินมูลค่าของสัตว์ไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากมีคุณค่าทางจิตใต ยีราฟมีค่ามากกว่าจะประเมินค่าได้ ระหว่างที่ยีราฟหายตัวเข้าป่า ทีมงานทำงานอย่างเต็มที่ พยายามค้นหายีราฟอย่างต่อเนื่อง จังหวะที่ยีราฟสองตัวหลุดมีการยิงยาสลบ และนำตัวแรกไป จ.ปราจีนบุรี ได้ ส่วนตัวนี้ ยิงยาสลบเช่นกัน จำนวน 3 ดอก ในขณะที่ยีราฟวิ่งบนทุ่งนาฝั่งตรงข้ามโรงแรม แต่โดนที่ขาซ้ายด้านหน้า 1 ดอกเท่านั้น ปกติยาสลบจะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว ในเวลา 3 นาที ซึ่งยาสลบนี้เป็นยาสำหรับสัตว์ป่า แต่ยีราฟตัวนี้ที่วิ่งได้อยู่ อาจเป็นเพราะลูกดอกไม่ตั้งฉาก ทำให้ยาไปอยู่ในส่วนกล้ามเนื้อบางส่วนเท่านั้นจึงออกฤทธิ์ไม่มาก ส่วนพฤติกรรมของยีราฟจะเป็นสัตว์ไม่เข้าใกล้แหล่งน้ำ จะเดินหน้าอย่างเดียว เดินถอยหลังไม่ได้ สาเหตุคาดว่าตกลงบ่อบัวเพราะยีราฟอาจตกใจประกอบกับเป็นช่วงมืดทำให้มองไม่ชัดเลยตกน้ำตาย

ทีมข่าวได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่พยายามช่วยกันปฏิบัติภารกิจค้นหายีราฟกว่า 2 วันเต็ม เผยว่าได้รับโทรศัพท์แจ้งจากเจ้าของบริษัท ก่อนจะเดินทางมาจุดที่พบ ดูจากซากยีราฟแล้ว คาดว่าน่าจะตายตั้งแต่วันที่หลุดจากกรง 28 มกราคมที่ผ่านมา เพราะส่งกลิ่นเหม็นและขึ้นอืดแล้ว จุดที่ยีราฟตายนี้ก่อนหน้านี้มีคลิปหลุดออกมาว่ามีรถเก๋งพบยีราฟ กำลังข้ามถนนช่วงเวลาเกือบตีหนึ่ง ส่วนสาเหตุที่ตายคาดว่ายีราฟวิ่งข้ามถนนมาแล้ว ลงมาถึงคลองและจะวิ่งข้ามคลองแต่ไม่พ้น จึงตกคลองและดิ้นทุรนทุรายก่อนตาย เพราะมีร่องรอยการตะกุยหญ้าตะกุยบ่อ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้นำรถเครนขนาดใหญ่มายกซากยีราฟ เพื่อนำไปผ่าพิสูจน์โดยทีมสัตวแพทย์ของบริษัทซาฟารี ที่ศูนย์เพาะเลี้ยง ตำบลหัวหว้า อำเภอศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อหาสาเหตุของการตายที่แท้จริงก่อนจะนำไปฝัง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• สิ้นสุดการค้นหา! ยีราฟตายแล้วในคูบัวริมถนนบางคล้า-แปดริ้ว

• ยีราฟตายแล้ว! พบซากในคลองริมถนนสาย 304

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพ “พระปริยัติธาดา” วัดกัลยาณมิตรฯ สึกที่ระยอง

ระยอง 14 ก.ค. – เปิดภาพ “พระปริยัติธาดา” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ พัวพันสีกากอล์ฟ สึกแล้วที่ จ.ระยอง ขณะที่พระบางรูปยืนยันไม่สึก เพราะแม้เป็นข่าวแต่ไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ส่วนเงินที่โอนเป็นเงินส่วนตัว ให้เพราะเมตตา ภาพล่าสุดของพระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ที่มีข่าวว่าหายตัวนานหลายวัน เพราะมีคนเปิดเผยหลักฐานความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 61 และก่อนหน้านี้มีกระแสว่า ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ สึกไปแล้วตั้งแต่วันศุกร์ แต่เมื่อเช้านี้ (14 ก.ค.) ภาพนี้ได้ยืนยันว่า พระปริยัติธาดา ได้สึกแล้วที่วัดในพื้นที่ จ.ระยอง เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา “พระภาวนาวิริยคุณ” ลั่นไม่สึก ให้ด้วยความเมตตาขณะที่พระที่ยังไม่สึกอย่าง พระภาวนาวิริยคุณ หรือพระอาจารย์ไสว ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ มีชื่อพัวพันโอนเงินให้สีกากอล์ฟ 182,200 บาท แต่ท่านได้ย้ายมาเป็นประธานสงฆ์ที่วัดไชยมงคล จ.พิษณุโลก ตั้งแต่ปี 62 โดยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวัด และเผยแผ่พระพุทธศาสนาผ่านโซเชียล ท่านเปิดใจกับทีมข่าวยืนยันว่าเรื่องราวเกี่ยวพันกับสีกากอล์ฟ เกิดขึ้นเมื่อปี 66 โดยฝ่ายหญิงติดต่อมาทางแชท ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาชีวิต […]

“ภูมิธรรม” ลั่นเอาผิดถึงที่สุดคดีสีกากอล์ฟ เรื่องนี้ไม่จบง่าย

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. – “ภูมิธรรม” ประสานดีเอสไอช่วยตำรวจสอบสวนกลาง ทำคดีสีกากอล์ฟ ลั่นเรื่องนี้ไม่จบง่าย เอาผิดถึงที่สุด เพราะมีลักษณะบ่อนทำลาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินคดีเอาผิดสีกากอล์ฟ และพระสงฆ์ที่เกี่ยวข้อง ว่า จะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เข้าไปช่วยดู เพราะคดีนี้สั่นสะเทือนความรู้สึกของประชาชน กระทบความมั่นคงในแง่ของพุทธศาสนา ซึ่งเป็นหลักของประเทศ โดยเมื่อเช้านี้ตนได้พูดคุยกับอธิบดีดีเอสไอ ให้ช่วยเข้าไปดู หรือมีอะไรที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้กับตำรวจที่ทำหน้าที่อยู่แล้ว ซึ่งอธิบดีดีเอสไอก็รับเรื่องไปพิจารณาดำเนินการ และยังได้คุยโทรศัพท์กับ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งอยู่ระหว่างติดราชการต่างประเทศ โดยตนได้กำชับว่าเรื่องนี้ต้องจริงจัง ต้องเริ่มต้นด้วยการตั้งข้อหาสีกากอล์ฟให้ชัดเจนมากขึ้น และให้ประสานงานกับทางดีเอสไอ ซึ่ง พลตำรวจโท จินภพ ยินดี เพราะเป็นเรื่องที่ต้องการทำอยู่แล้ว เนื่องจากกระทบกับพุทธศาสนา และให้รายงานตนด้วย โดยเรื่องนี้จะไม่ปล่อยผ่านเฉยๆ และย้ำว่าได้กำชับกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ การที่ให้ดีเอสไอเข้ามาช่วยดูคดี ไม่ได้หมายความว่าให้โอนคดีไปที่ดีเอสไอ แต่ให้มาช่วยกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางดู โดยหลักการจะให้ตำรวจสอบสวนกลางทำคดีต่อไป ส่วนดีเอสไอมีอะไรเสริมได้ก็จะดี เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาคดีที่เกี่ยวกับสงฆ์ […]

ตร.ไซเบอร์หอบสำนวนคดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” มอบอัยการสูงสุด

14 ก.ค.- ตำรวจไซเบอร์หอบสำนวน 50 หน้า ส่งมอบให้อัยการสูงสุด ดำเนินคดี “คลิปเสียงฮุนเซน” ผิดม.116 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ขณะที่โฆษกอัยการรับต้องละเอียดรอบคอบ เกี่ยวข้องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ผ่านมาไม่เคยมีการสั่งฟ้องผู้นำประเทศมาก่อน พลตำรวจตรีศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 นำสำนวนคดีคลิปเสียงฮุนเซน ประมาณ 50 หน้า พร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง มอบให้พนักงานอัยการสูงสุด จากกรณีที่ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีกับผู้ใช้บัญชี เฟซบุ๊กชื่อ “Samdech Hun Sen of Cambodia” ซึ่งมีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา พลตำรวจตรีศิริวัฒน์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า เพจ Facebook สมเด็จฮุน เซน มีลักษณะการโพสต์ข้อความที่เป็นขั้นเป็นตอน […]

“แพทองธาร” ถกต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์ ดัน 5 ยุทธศาสตร์

บ้านพิษณุโลก 14 ก.ค.- “แพทองธาร” เข้าบ้านพิษณุโลก หารือบีโอไอ – ทีมซอฟต์พาวเวอร์ไทย หนุนลงทุน พร้อมต่อยอด ดัน 5 ยุทธศาสตร์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางเข้าบ้านพิษณุโลก ในเวลา 09.50 น. เพื่อประชุมกับทีมที่ปรึกษาและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI รวมถึงหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับและขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ไทยแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเป็นการหารือต่อยอดจากที่นางสาวแพทองธาร ได้ประกาศเดินหน้ายุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ไทย 5 ด้าน ทั้ง อาหารไทย มวยไทย ไทยเวลเน็ต ภาพยนต์ไทย และอัญมนี บนเวที Splash Softpower Forum 2025 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เมื่อวันที่ 8-11 ก.ค. ที่ผ่านมา .-316 -สำนักข่าวไทย