“ครูปอย” เตรียมเปิดใจปมถูกโยงเอี่ยวคดีชิงทองลพบุรี

ลพบุรี 28 ม.ค.-“ครูปอย” ภรรยาของผู้ต้องหาคดีชิงทองลพบุรี เตรียมแถลงเปิดใจเร็วๆนี้ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ขณะที่สำนักข่าวไทยได้รับการยืนยันว่า “ครูปอย” อยู่ที่บ้าน ขณะสามีก่อเหตุชิงทอง


หลังตำรวจจับกุมผู้ต้องหาฆ่าชิงทองห้างเพชรทองออโรร่า ในห้างสรรพสินค้าโรบินสันลพบุรี ได้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา วันนี้มีรายงานข่าวว่า ภรรยาของนายประสิทธิชัย เขาแก้ว เตรียมเปิดใจต่อสื่อมวลชน หลังถูกสื่อมวลชนหลายสำนักนำเสนอข่าวว่าเธอมีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุของสามี ในขณะที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ลพบุรี ได้จัดทำบุญใหญ่ ตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป


ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ลพบุรี ร่วมกับจังหวัดลพบุรี จัดทำบุญครั้งใหญ่เชิญชวนชาวลพบุรี หน่วยงานราชการ รวมกว่า 500 คน มาร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ 99 รูป โดยมีนายศุภกิต โพธิ์ประภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี และนายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน มาร่วมทำบุญในครั้งนี้ด้วย เพื่อเป็นสิริมงคล หลังเกิดเหตุการณ์นายประสิทธิชัย เขาแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี ก่อเหตุชิงทองเมื่อวันที่ 9 มกราคม จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งการทำบุญครั้งนี้ เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ เคยทำบุญมาแล้วหนึ่งครั้ง ก่อนหน้าที่จะจับกุมผู้ต้องหาได้ ในการทำบุญครั้งนี้ มีการบริจาคโลหิต และเปิดโรงหนังให้เด็กด้อยโอกาส 200 คนได้ดูหนังฟรีด้วย

สำหรับคดีนี้ หลังจากที่ตำรวจจับกุมนายประสิทธิชัย ได้ช่วงเช้าวันที่ 22 มกราคม มีการสอบสวนเบื้องต้น ซึ่งนายประสิทธิชัย โกหกตำรวจว่านำสร้อยคอทองคำที่ชิงทรัพย์ได้ไปทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ตำรวจส่งทีมนักประดาน้ำไปค้นหาตรงจุดที่นายประสิทธิชัยบอก ก็ไม่พบ จึงเค้นสอบ จนในที่สุดในช่วงค่ำเวลาประมาณ 19.00 น. นายประสิทธิชัย ยอมรับว่าซ่อนไว้ที่โรงรถบ้านป้าของเขาด้วยตัวของเขาเอง ช่วงนั้นชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน นำตัวนายประสิทธิชัยออกไปค้นโรงรถบ้านป้าของนายประสิทธิชัยตามคำรับสารภาพ และพบสร้อยคอทองคำซุกซ่อนไว้ 31 เส้นจริง


แต่หลังจากนั้นอีกราวชั่วโมง ก็มีการนำเสนอข่าวออกมาทางสื่อต่างๆ หลายสำนักว่า “พบทองที่บ้านภรรยาของนายประสิทธิชัย และภรรยาของนายประสิทธิชัย หรือครูปอย รับสารภาพว่าเป็นคนนำทองไปซ่อนเอง” ซึ่งข้อความที่นำเสนอผ่านสื่อแบบนี้ ไม่เป็นความจริง เนื่องจากภรรยาของนายประสิทธิชัย ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นใดๆ กับการก่อเหตุของสามีในครั้งนี้ และไม่ได้รู้เห็นในการที่สามีนำทองที่ชิงทรัพย์มาได้ไปซ่อนด้วย ทำให้เธอเกิดความเครียดมาก เพราะตลอดทั้งวันนั้นถูกคนเล่นโซเชียลมีเดียคุกคามทางเพศอย่างหนัก และถูกตราหน้าว่ารู้เห็นกับการก่อเหตุของสามีด้วย ทำให้ล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อสภาพจิตใจพร้อม ครูปอยจะออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ส่วนเรื่องการเสริมความงาม ไม่ได้ใช้เงินของนายประสิทธิชัย แต่ใช้เงินของตัวเอง และทำมาก่อนที่จะคบนายประสิทธิชัย อีกทั้งคลิปผู้หญิงอาบน้ำก็ไม่ใช่ตัวเอง ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีคนที่โพสต์ให้เสียหาย

ในเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยที่ไปติดตามคดีนี้ ตั้งแต่วันแรก เล่าให้ฟังว่า ในวันที่นายประสิทธิชัย ถูกจับกุม และถูกสอบสวนที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวลพบุรี ครูปอยผู้เป็นภรรยา ก็ถูกตำรวจนำตัวมาซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งหลังจากนายประสิทธิชัย ยอมรับสารภาพว่านำทองไปซ่อนไว้ที่บ้านป้า และพาตำรวจไปค้นจนเจอนั้น ครูปอยก็ยังนั่งอยู่กับตำรวจที่ซักถาม แต่สักพักสื่อก็ไปลงข่าวว่า “ภรรยามีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุของสามีและภรรยาสารภาพที่ซ่อนทอง” ทำให้เธอเครียดมากถึงขั้นกับร้องไห้ออกมาในตอนนั้น เพราะข่าวที่ออกมาคลาดเคลื่อน

ส่วนเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในวันที่นายประสิทธิชัยไปก่อเหตุนั้น ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยไปตรวจสอบ พบว่าวันนั้น หลังจากที่นายประสิทธิชัยและครูปอยกลับถึงบ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านพ่อตาแม่ยาย หรือบ้านครูปอยเอง ครูปอยได้เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นายประสิทธิชัย สบโอกาส ขับรถจักรยานยนต์พ่อตา ออกจากบ้านพักไปยังห้างโรบินสันลพบุรี ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร โดยระหว่างทางจอดรถเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ เมื่อถึงโรบินสัน จอดรถด้านหน้า แล้วเข้าไปกราดยิงชิงทองใช้เวลา 1.37 นาที จากนั้นก็ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากห้างโรบินสันกลับบ้านพัก ระหว่างทางก็ถอดชุดที่ใช้สวมใส่ไปปล้นทิ้งแถวซอยโยธาธิการลพบุรี โดยไม่จอดรถจักรยานยนต์ จนไปถึงบ้านพัก ซึ่งปรากฏว่าตอนนั้น ภรรยาของนายประสิทธิชัย ยังอาบน้ำไม่เสร็จด้วยซ้ำ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายประสิทธิชัยมีการวางแผนและทำอย่างรวดเร็วมาก โดยที่ทั้งภรรยา พ่อตา แม่ยาย รวมถึงพ่อแม่ของนายประสิทธิชัยเองไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุของเขาเลย

ส่วนปมเหตุนั้นเท่าที่มีการสอบสวน หลักๆ ก็เป็นเรื่องที่นายประสิทธิชัยซื้อรถเถื่อน สวมทะเบียน BMW Z4 แล้วถูกศุลกากรยึด ต้องเสียค่าปรับกว่า 600,000 บาท จึงจะได้รถคืน เป็นแรงจูงใจหลักที่ทำให้ตัดสินใจก่อเหตุชิงทอง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย

จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือน “ตาเมือนธม”

สุรินทร์ 20 ก.ค.- จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือนปราสาท “ตาเมือนธม” ด้านทหารไทย-ฝ่ายปกครอง จัดกำลังดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวไทยใกล้ชิด บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันนี้ ถูกจับตามองเป็นพิเศษ หลังมีรายงานว่าทางกัมพูชาเตรียมเกณฑ์นักท่องเที่ยวชาวเขมรขึ้นมาเยือนปราสาทตาเมือนธม ซึ่งขณะนี้ทราบว่า มวลชนมาด้วยรถโดยสารประจำทางของฝั่งกัมพูชาเกือบ 23 คันรถ โดยจอดอยู่ข้างล่างฝั่งกัมพูชาและเริ่มทยอยขึ้นมายังปราสาทตาเมือนธมอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศภายในตัวปราสาทฯ ยังคงเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและกัมพูชา ท่ามกลางการดูแลอำนวยความสะดวกของเจ้าที่ทหารไทยเป็นอย่างดี ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด -สำนักข่าวไทย

Vietnam's Halong Bay boat disaster

พายุ “วิภา” ทำเรือท่องเที่ยวล่มในเวียดนาม

ฮานอย 20 ก.ค.- เกิดอุบัติเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มในอ่าวฮาลองหรือฮาลองเบย์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเวียดนามที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 38 คน และยังไม่พบตัวอีก 5 คน หนังสือพิมพ์วีเอ็นเอ็กซ์เพรสส์ของเวียดนามรายงานว่า เรือท่องเที่ยวชื่อวันเดอร์ซี (Wonder Sea) พลิกคว่ำในอ่าวฮาลองเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.วันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลาเดียวกันในไทย เป็นช่วงที่พายุโซนร้อนวิภา (Wipha) เคลื่อนตัวข้ามทะเลจีนใต้เข้าใกล้เวียดนาม มีรายงานกระแสลมแรง ฝนตกหนัก และฟ้าผ่าในพื้นที่ดังกล่าว ขณะเกิดเหตุบนเรือมีชาวเวียดนามทั้งหมด 53 คน เป็นลูกเรือ 5 คน และผู้โดยสาร 48 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากกรุงฮานอย ซึ่งอยู่ห่างจากอ่าวฮาลองไปทางตะวันตกราว 165 กิโลเมตร และในจำนวนนี้เป็นเด็ก 20 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุได้ 10 คน และพบศพใกล้จุดที่เรืออับปาง โดยพบศพเด็กแล้ว 8 คน และยังคงค้นหาผู้สูญหายอยู่ 5 คน ท่ามกลางฝนที่ตกหนักต่อเนื่องเป็นอุปสรรคต่อภารกิจค้นหาและกู้ภัย นายกรัฐมนตรีฝั่ม มิงห์ […]