“ครูปอย” เตรียมเปิดใจปมถูกโยงเอี่ยวคดีชิงทองลพบุรี

ลพบุรี 28 ม.ค.-“ครูปอย” ภรรยาของผู้ต้องหาคดีชิงทองลพบุรี เตรียมแถลงเปิดใจเร็วๆนี้ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ขณะที่สำนักข่าวไทยได้รับการยืนยันว่า “ครูปอย” อยู่ที่บ้าน ขณะสามีก่อเหตุชิงทอง


หลังตำรวจจับกุมผู้ต้องหาฆ่าชิงทองห้างเพชรทองออโรร่า ในห้างสรรพสินค้าโรบินสันลพบุรี ได้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา วันนี้มีรายงานข่าวว่า ภรรยาของนายประสิทธิชัย เขาแก้ว เตรียมเปิดใจต่อสื่อมวลชน หลังถูกสื่อมวลชนหลายสำนักนำเสนอข่าวว่าเธอมีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุของสามี ในขณะที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ลพบุรี ได้จัดทำบุญใหญ่ ตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป


ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ลพบุรี ร่วมกับจังหวัดลพบุรี จัดทำบุญครั้งใหญ่เชิญชวนชาวลพบุรี หน่วยงานราชการ รวมกว่า 500 คน มาร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ 99 รูป โดยมีนายศุภกิต โพธิ์ประภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี และนายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน มาร่วมทำบุญในครั้งนี้ด้วย เพื่อเป็นสิริมงคล หลังเกิดเหตุการณ์นายประสิทธิชัย เขาแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี ก่อเหตุชิงทองเมื่อวันที่ 9 มกราคม จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งการทำบุญครั้งนี้ เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ เคยทำบุญมาแล้วหนึ่งครั้ง ก่อนหน้าที่จะจับกุมผู้ต้องหาได้ ในการทำบุญครั้งนี้ มีการบริจาคโลหิต และเปิดโรงหนังให้เด็กด้อยโอกาส 200 คนได้ดูหนังฟรีด้วย

สำหรับคดีนี้ หลังจากที่ตำรวจจับกุมนายประสิทธิชัย ได้ช่วงเช้าวันที่ 22 มกราคม มีการสอบสวนเบื้องต้น ซึ่งนายประสิทธิชัย โกหกตำรวจว่านำสร้อยคอทองคำที่ชิงทรัพย์ได้ไปทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ตำรวจส่งทีมนักประดาน้ำไปค้นหาตรงจุดที่นายประสิทธิชัยบอก ก็ไม่พบ จึงเค้นสอบ จนในที่สุดในช่วงค่ำเวลาประมาณ 19.00 น. นายประสิทธิชัย ยอมรับว่าซ่อนไว้ที่โรงรถบ้านป้าของเขาด้วยตัวของเขาเอง ช่วงนั้นชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน นำตัวนายประสิทธิชัยออกไปค้นโรงรถบ้านป้าของนายประสิทธิชัยตามคำรับสารภาพ และพบสร้อยคอทองคำซุกซ่อนไว้ 31 เส้นจริง


แต่หลังจากนั้นอีกราวชั่วโมง ก็มีการนำเสนอข่าวออกมาทางสื่อต่างๆ หลายสำนักว่า “พบทองที่บ้านภรรยาของนายประสิทธิชัย และภรรยาของนายประสิทธิชัย หรือครูปอย รับสารภาพว่าเป็นคนนำทองไปซ่อนเอง” ซึ่งข้อความที่นำเสนอผ่านสื่อแบบนี้ ไม่เป็นความจริง เนื่องจากภรรยาของนายประสิทธิชัย ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นใดๆ กับการก่อเหตุของสามีในครั้งนี้ และไม่ได้รู้เห็นในการที่สามีนำทองที่ชิงทรัพย์มาได้ไปซ่อนด้วย ทำให้เธอเกิดความเครียดมาก เพราะตลอดทั้งวันนั้นถูกคนเล่นโซเชียลมีเดียคุกคามทางเพศอย่างหนัก และถูกตราหน้าว่ารู้เห็นกับการก่อเหตุของสามีด้วย ทำให้ล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อสภาพจิตใจพร้อม ครูปอยจะออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ส่วนเรื่องการเสริมความงาม ไม่ได้ใช้เงินของนายประสิทธิชัย แต่ใช้เงินของตัวเอง และทำมาก่อนที่จะคบนายประสิทธิชัย อีกทั้งคลิปผู้หญิงอาบน้ำก็ไม่ใช่ตัวเอง ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีคนที่โพสต์ให้เสียหาย

ในเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยที่ไปติดตามคดีนี้ ตั้งแต่วันแรก เล่าให้ฟังว่า ในวันที่นายประสิทธิชัย ถูกจับกุม และถูกสอบสวนที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวลพบุรี ครูปอยผู้เป็นภรรยา ก็ถูกตำรวจนำตัวมาซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งหลังจากนายประสิทธิชัย ยอมรับสารภาพว่านำทองไปซ่อนไว้ที่บ้านป้า และพาตำรวจไปค้นจนเจอนั้น ครูปอยก็ยังนั่งอยู่กับตำรวจที่ซักถาม แต่สักพักสื่อก็ไปลงข่าวว่า “ภรรยามีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุของสามีและภรรยาสารภาพที่ซ่อนทอง” ทำให้เธอเครียดมากถึงขั้นกับร้องไห้ออกมาในตอนนั้น เพราะข่าวที่ออกมาคลาดเคลื่อน

ส่วนเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในวันที่นายประสิทธิชัยไปก่อเหตุนั้น ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยไปตรวจสอบ พบว่าวันนั้น หลังจากที่นายประสิทธิชัยและครูปอยกลับถึงบ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านพ่อตาแม่ยาย หรือบ้านครูปอยเอง ครูปอยได้เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นายประสิทธิชัย สบโอกาส ขับรถจักรยานยนต์พ่อตา ออกจากบ้านพักไปยังห้างโรบินสันลพบุรี ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร โดยระหว่างทางจอดรถเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ เมื่อถึงโรบินสัน จอดรถด้านหน้า แล้วเข้าไปกราดยิงชิงทองใช้เวลา 1.37 นาที จากนั้นก็ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากห้างโรบินสันกลับบ้านพัก ระหว่างทางก็ถอดชุดที่ใช้สวมใส่ไปปล้นทิ้งแถวซอยโยธาธิการลพบุรี โดยไม่จอดรถจักรยานยนต์ จนไปถึงบ้านพัก ซึ่งปรากฏว่าตอนนั้น ภรรยาของนายประสิทธิชัย ยังอาบน้ำไม่เสร็จด้วยซ้ำ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายประสิทธิชัยมีการวางแผนและทำอย่างรวดเร็วมาก โดยที่ทั้งภรรยา พ่อตา แม่ยาย รวมถึงพ่อแม่ของนายประสิทธิชัยเองไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุของเขาเลย

ส่วนปมเหตุนั้นเท่าที่มีการสอบสวน หลักๆ ก็เป็นเรื่องที่นายประสิทธิชัยซื้อรถเถื่อน สวมทะเบียน BMW Z4 แล้วถูกศุลกากรยึด ต้องเสียค่าปรับกว่า 600,000 บาท จึงจะได้รถคืน เป็นแรงจูงใจหลักที่ทำให้ตัดสินใจก่อเหตุชิงทอง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย

ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก ย้ำขอใช้กรอบ JBC

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบันแล้ว ย้ำขอใช้กรอบ JBC ในทุกระดับแก้ปัญหาระหว่างกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดแหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เวลา 16.30 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าว เป็นฉบับที่ 2 ดังนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม […]

อัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีนอมินี ตึกสตง.

5 มิ.ย. – พนักงานอัยการคดีพิเศษ สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีตึก สตง.ถล่ม ในส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า วันนี้ พนักงานอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับตึก สตง.ถล่ม ในส่วนของความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 41 ในทุกข้อหา ยกเว้น นายประจวบ ศิริเขตร ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง 1 ข้อหา ตามมาตรา 41 ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายโสภณ มีชัย, นายประจวบ ศิริเขตร, นายมานัส ศรีอนันท์,นายชวนหลิง จาง ชาวจีน กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ และ […]

กัมพูชาจะไม่นำเรื่องพื้นที่พิพาทเข้าสู่วาระการประชุมเจบีซีกับไทย

กรุงเทพ 5 มิ.ย. – รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ลงวันที่ 4 มิถุนายนตำหนิเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารไทย พร้อมประกาศนำข้อพิพาทเรื่องดินแดนในพื้นที่ 4 จุดต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยจะไม่นำเข้าวาระการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee- JBC) หรือ เจบีซี ไทย-กัมพูชา กลางเดือนนี้ แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศบนรากฐานแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนร่วมกันตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ยกเว้นช่วงระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง กัมพูชายังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในการเปลี่ยนชายแดนร่วมเหล่านี้ให้เป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา แม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นตลอดเส้นทางที่ผ่านมา กัมพูชาได้ให้ความสำคัญกับการยุติปัญหาชายแดนอย่างสันติ แม้ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดเป็นครั้งคราวและมีการสูญเสียชีวิตของทหารผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ ความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของรัฐบาลกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติเป็นที่ประจักษ์ในการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงการส่งข้อพิพาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ซึ่งมีคำวินิจฉัยเป็นคุณแก่กัมพูชาในปี 2505 และอีกครั้งหนึ่งในปี 2556 ในข้อพิพาทชายแดนกับประเทศไทย การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาต่อกฎหมายระหว่างประเทศและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ที่ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 05:30 น. เกิดเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารกัมพูชาในพื้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต ตำบลมรกต […]