“ครูปอย” เตรียมเปิดใจปมถูกโยงเอี่ยวคดีชิงทองลพบุรี

ลพบุรี 28 ม.ค.-“ครูปอย” ภรรยาของผู้ต้องหาคดีชิงทองลพบุรี เตรียมแถลงเปิดใจเร็วๆนี้ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ขณะที่สำนักข่าวไทยได้รับการยืนยันว่า “ครูปอย” อยู่ที่บ้าน ขณะสามีก่อเหตุชิงทอง


หลังตำรวจจับกุมผู้ต้องหาฆ่าชิงทองห้างเพชรทองออโรร่า ในห้างสรรพสินค้าโรบินสันลพบุรี ได้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา วันนี้มีรายงานข่าวว่า ภรรยาของนายประสิทธิชัย เขาแก้ว เตรียมเปิดใจต่อสื่อมวลชน หลังถูกสื่อมวลชนหลายสำนักนำเสนอข่าวว่าเธอมีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุของสามี ในขณะที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ลพบุรี ได้จัดทำบุญใหญ่ ตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป


ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ลพบุรี ร่วมกับจังหวัดลพบุรี จัดทำบุญครั้งใหญ่เชิญชวนชาวลพบุรี หน่วยงานราชการ รวมกว่า 500 คน มาร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ 99 รูป โดยมีนายศุภกิต โพธิ์ประภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี และนายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน มาร่วมทำบุญในครั้งนี้ด้วย เพื่อเป็นสิริมงคล หลังเกิดเหตุการณ์นายประสิทธิชัย เขาแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี ก่อเหตุชิงทองเมื่อวันที่ 9 มกราคม จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งการทำบุญครั้งนี้ เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ เคยทำบุญมาแล้วหนึ่งครั้ง ก่อนหน้าที่จะจับกุมผู้ต้องหาได้ ในการทำบุญครั้งนี้ มีการบริจาคโลหิต และเปิดโรงหนังให้เด็กด้อยโอกาส 200 คนได้ดูหนังฟรีด้วย

สำหรับคดีนี้ หลังจากที่ตำรวจจับกุมนายประสิทธิชัย ได้ช่วงเช้าวันที่ 22 มกราคม มีการสอบสวนเบื้องต้น ซึ่งนายประสิทธิชัย โกหกตำรวจว่านำสร้อยคอทองคำที่ชิงทรัพย์ได้ไปทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ตำรวจส่งทีมนักประดาน้ำไปค้นหาตรงจุดที่นายประสิทธิชัยบอก ก็ไม่พบ จึงเค้นสอบ จนในที่สุดในช่วงค่ำเวลาประมาณ 19.00 น. นายประสิทธิชัย ยอมรับว่าซ่อนไว้ที่โรงรถบ้านป้าของเขาด้วยตัวของเขาเอง ช่วงนั้นชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน นำตัวนายประสิทธิชัยออกไปค้นโรงรถบ้านป้าของนายประสิทธิชัยตามคำรับสารภาพ และพบสร้อยคอทองคำซุกซ่อนไว้ 31 เส้นจริง


แต่หลังจากนั้นอีกราวชั่วโมง ก็มีการนำเสนอข่าวออกมาทางสื่อต่างๆ หลายสำนักว่า “พบทองที่บ้านภรรยาของนายประสิทธิชัย และภรรยาของนายประสิทธิชัย หรือครูปอย รับสารภาพว่าเป็นคนนำทองไปซ่อนเอง” ซึ่งข้อความที่นำเสนอผ่านสื่อแบบนี้ ไม่เป็นความจริง เนื่องจากภรรยาของนายประสิทธิชัย ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นใดๆ กับการก่อเหตุของสามีในครั้งนี้ และไม่ได้รู้เห็นในการที่สามีนำทองที่ชิงทรัพย์มาได้ไปซ่อนด้วย ทำให้เธอเกิดความเครียดมาก เพราะตลอดทั้งวันนั้นถูกคนเล่นโซเชียลมีเดียคุกคามทางเพศอย่างหนัก และถูกตราหน้าว่ารู้เห็นกับการก่อเหตุของสามีด้วย ทำให้ล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อสภาพจิตใจพร้อม ครูปอยจะออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ส่วนเรื่องการเสริมความงาม ไม่ได้ใช้เงินของนายประสิทธิชัย แต่ใช้เงินของตัวเอง และทำมาก่อนที่จะคบนายประสิทธิชัย อีกทั้งคลิปผู้หญิงอาบน้ำก็ไม่ใช่ตัวเอง ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีคนที่โพสต์ให้เสียหาย

ในเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยที่ไปติดตามคดีนี้ ตั้งแต่วันแรก เล่าให้ฟังว่า ในวันที่นายประสิทธิชัย ถูกจับกุม และถูกสอบสวนที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวลพบุรี ครูปอยผู้เป็นภรรยา ก็ถูกตำรวจนำตัวมาซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งหลังจากนายประสิทธิชัย ยอมรับสารภาพว่านำทองไปซ่อนไว้ที่บ้านป้า และพาตำรวจไปค้นจนเจอนั้น ครูปอยก็ยังนั่งอยู่กับตำรวจที่ซักถาม แต่สักพักสื่อก็ไปลงข่าวว่า “ภรรยามีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุของสามีและภรรยาสารภาพที่ซ่อนทอง” ทำให้เธอเครียดมากถึงขั้นกับร้องไห้ออกมาในตอนนั้น เพราะข่าวที่ออกมาคลาดเคลื่อน

ส่วนเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในวันที่นายประสิทธิชัยไปก่อเหตุนั้น ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยไปตรวจสอบ พบว่าวันนั้น หลังจากที่นายประสิทธิชัยและครูปอยกลับถึงบ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านพ่อตาแม่ยาย หรือบ้านครูปอยเอง ครูปอยได้เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นายประสิทธิชัย สบโอกาส ขับรถจักรยานยนต์พ่อตา ออกจากบ้านพักไปยังห้างโรบินสันลพบุรี ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร โดยระหว่างทางจอดรถเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ เมื่อถึงโรบินสัน จอดรถด้านหน้า แล้วเข้าไปกราดยิงชิงทองใช้เวลา 1.37 นาที จากนั้นก็ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากห้างโรบินสันกลับบ้านพัก ระหว่างทางก็ถอดชุดที่ใช้สวมใส่ไปปล้นทิ้งแถวซอยโยธาธิการลพบุรี โดยไม่จอดรถจักรยานยนต์ จนไปถึงบ้านพัก ซึ่งปรากฏว่าตอนนั้น ภรรยาของนายประสิทธิชัย ยังอาบน้ำไม่เสร็จด้วยซ้ำ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายประสิทธิชัยมีการวางแผนและทำอย่างรวดเร็วมาก โดยที่ทั้งภรรยา พ่อตา แม่ยาย รวมถึงพ่อแม่ของนายประสิทธิชัยเองไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุของเขาเลย

ส่วนปมเหตุนั้นเท่าที่มีการสอบสวน หลักๆ ก็เป็นเรื่องที่นายประสิทธิชัยซื้อรถเถื่อน สวมทะเบียน BMW Z4 แล้วถูกศุลกากรยึด ต้องเสียค่าปรับกว่า 600,000 บาท จึงจะได้รถคืน เป็นแรงจูงใจหลักที่ทำให้ตัดสินใจก่อเหตุชิงทอง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ส่องความเสียหายน้ำท่วมหล่มสัก ชาวบ้านหวั่นท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนร้านค้าหลายร้อยหลังเจอน้ำท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ในช่วง 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านกังวลหล่มสักจะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย

ไรเดอร์ร้องถูกชายอ้างเป็นตำรวจ ขี่รถประกบ-ข่มขู่

กทม. 21 ก.ย. – ไรเดอร์หนุ่ม สุดงง ถูกชายอ้างเป็นตำรวจสายสืบขี่รถตามประกบ ข่มขู่ดำเนินคดีเป็นไรเดอร์เถื่อน ขณะ สน.หนองแขม ยันไม่ใช่ตำรวจในสังกัด “ต๊ะ” ไรเดอร์วัย 27 ปี โพสต์คลิปบนเฟซบุ๊ก และนำมาร้องสื่อ โดยบอกว่า ชายคนนี้อ้างตัวเป็นตำรวจ ขี่รถมาประกบ และจอดขวางขณะกำลังขี่รถมาถึงปากซอยเพชรเกษม 81/5 เพื่อไปรับงานส่งลูกค้า ส่วนตอนคนที่อ้างเป็นตำรวจ เดินลงจากรถจักรยานยนต์ ก็อ้างว่าที่เรียกตรวจ เพราะเห็นว่าเป็นไรเดอร์ แต่ไม่มีกล่องใส่อาหารอยู่ท้ายรถ ซึ่งชายคนนี้ตามตัวมีครบทั้งวิทยุสื่อสาร ไฟฉาย และเสื้อที่ปักว่า “สืบ” มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือนคือนิสัยที่ไม่เหมือนตำรวจ ทำให้ “ต๊ะ” ตัดสินใจถ่ายคลิปไว้ป้องกันตัวเอง เพราะเหตุเกิดขึ้นช่วงเที่ยงคืน หลังเกิดการโต้เถียงกัน สุดท้ายชายคนที่แอบอ้างเป็นตำรวจก็ไล่ “ต๊ะ” บอกจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวโดนร้องเรียนเอง “ต๊ะ” จึงขี่รถกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เพราะที่จะไปรับลูกค้าก็ไปไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อขี่รถออกมา ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจยังขี่รถตามมา “ด่า” จนถึงปากซอยทางเข้าบ้าน แล้วก็ขี่รถฉีกออกไปมุ่งหน้าไปทางอ้อมใหญ่ ทำให้ “ต๊ะ” ค่อนข้างมั่นใจว่า ชายคนนี้ไม่ใช่ตำรวจ […]

“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.-“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประเทศ มั่นใจชนะแน่ ไม่ต้องรบกวนให้ท่านช่วย ด้าน “จ๋า ธนนนท์” ภรรยา ขอสานฝันวัยเด็ก อยากเป็นนางงามขึ้นรถแห่ช่วยหาเสียง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ภายหลังจากเสร็จสิ้นการปราศรัยช่วยหาเสียงให้ นางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล หรือครูอีฟ ผู้สมัคร สส.ภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอภูสิงห์ อาทิ เทพารักษ์ ศาลหลักเมืองประจำอำเภอ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ขอพรอะไรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นายอนุทิน เผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข เข้มแข็ง มีแต่ชัยชนะ ประชาชนอยู่ดีกินดี จริงๆ ก็ขอแค่นี้ เมื่อถามว่าได้ขอพรให้ชนะเลือกตั้งซ่อมหรือไม่ นายอนุทิน เผยด้วยความมั่นใจว่า ภูมิใจไทยชนะ ไม่รบกวนท่าน ไม่รบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ขอให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ขอให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขแค่นี้ ต่อมานายอนุทิน ได้เดินหาเสียงที่ตลาดภูสิงห์ ช่วยนางสาวจินณ์ตวรรณ […]

ทบ.ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC พร้อมเรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนความจริง และให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตไทยย้ายออกนอกพื้นที่ กรณีสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา แถลงการณ์เมื่อ 21 ก.ย. 68 ว่า “พบการเผยแพร่ข้อมูลผ่านบัญชี Facebook Page ชื่อ “Royal Thai Army: Update” เมื่อ 19 กันยายน 2568 โดยใช้แผนผังที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตำแหน่งหลักเขตแดน ซึ่งเป็นบันทึกการประชุมลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2017 (พ.ศ. 2560) และภาคผนวกของบันทึกการประชุมลงวันที่ 28 ธันวาคม 2016 (พ.ศ. 2559) ของคณะกรรมการรังวัดร่วมกัมพูชา–ไทย ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจหาตำแหน่งที่แท้จริงของหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข 43 ในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน โดยมีการบิดเบือนให้เข้าใจผิดไปว่า คณะผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการพรมแดน (ฯพณฯ ลาย เซียงลี) ได้ลงนามยอมรับเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน ซึ่งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข […]