ภูเก็ต 28 ม.ค.- เทศบาลเมืองป่าตองรุกสร้างความเข้าใจทุกกลุ่มธุรกิจรู้ทันโรคไวรัสโคโรนา ด้านนายกสมาคมโรงแรมหาดป่าตองเผยท่องเที่ยวเริ่มมีผลกระทบ ทัวร์ยกเลิกห้องพัก เชื่อแค่ระยะสั้น ขณะที่ยังมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นเข้ามาเรื่อย ๆ
วันนี้ (28 ม.ค.) ที่สำนักงานเทศบาลเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ประชุมร่วมกับ พญ.เหมือนแพร บุญล้อม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลป่าตอง รวมทั้งตัวแทนผู้ประกอบการหลายกลุ่มธุรกิจ อสม. และชุมชนในพื้นที่ เพื่อติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 และรับฟังข้อปฏิบัติในการป้องกันโรค เนื่องจากโรคดังกล่าวสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่อยู่ในระยะฟักตัว 14 วัน โดยไม่จำเป็นต้องแสดงอาการ ทางเทศบาลฯ ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ จึงเชิญผู้ที่อยู่ในพื้นที่ป่าตองมาประชุมเพื่อรับรู้ข้อมูลให้ตรงกัน
น.ส.เฉลิมลักษณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพบว่ามีการแชร์ข้อมูลกันทั้งข่าวจริงและข่าวปลอม โดยเฉพาะข่าวปลอมสร้างความตื่นตระหนักให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ดังนั้น เทศบาลเมืองป่าตองได้เชิญผู้อำนวยการโรงพยาบาลป่าตองมาให้ข้อมูลความรู้ความเข้าใจ ในส่วนของเอกชนมีความตื่นตัวพอสมควร รวมถึงผู้ประกอบการโรงแรมส่วนใหญ่จัดตรียมเจลล้างมือและหน้ากากอนามัยให้กับผู้ปฏิบัติงาน วันนี้นอกจากจะเป็นการพูดคุยร่วมกันเพื่อให้ทุกคนได้ทราบข้อมูลที่ถูกต้องตรงกันแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นเตือนแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสมที่ทุกคนสามารถปฏิบัติตัวได้เอง
ด้าน น.ส.ศลิษา ลิ่มสกุล นายกสมาคมโรงแรมหาดป่าตอง กล่าวว่า จากการรวบรวมข้อมูลโรงแรมในพื้นที่ป่าตอง พบว่ามีการทยอยยกเลิกการจองเข้ามาเรื่อย ๆ จากกรุ๊ปทัวร์จีน ส่วนนักท่องเที่ยวจีนกลุ่ม FIT (เดินทางเที่ยวเอง) ยังมีที่เข้าพักอยู่และมียกเลิกบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับปริมาณกรุ๊ปทัวร์จะการยกเลิกการจองเข้ามามากกว่า ส่วนถ้าเป็นนักท่องเที่ยวสัญชาติอื่น ก็มีกระทบบ้าง จากข่าวที่ออกมาทำให้มีความกังวล ตอนนี้อยากให้เช็คข้อมูลก่อนแชร์ออกไป เพราะส่งผลกระทบทั่วทั้งเกาะทั่วทั้งประเทศ
“ข่าวไวรัสโคโรนาเริ่มกระทบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยอยู่ อย่างกรณีไวรัสซาร์ส มีผลกระทบประมาณ 3 เดือน แล้วหลังจากนั้นรัฐบาลหลายๆ ประเทศก็สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ คิดว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผลกระทบที่เกิดขึ้นรอบนี้คาดว่าน่าจะสั้นกว่านั้น ก็เพิ่งจะเริ่มต้นปีที่ยังอยู่ในช่วงของหน้าไฮซีซั่น”.-สำนักข่าวไทย