กรมวิชาการเกษตรระส่ำ เลิกจ้างลูกจ้างทั่วประเทศ หลังถูกตัดงบปี 63 กว่า 40%

กรุงเทพฯ 22 ม.ค. -ลูกจ้างชั่วคราวกรมวิชาการเกษตรทั่วประเทศ ร่ำไห้ ถูกเลิกจ้าง ตัดเงินเดือน 50% เนื่องจากศูนย์วิจัยฯ ไม่มีงบประมาณจ้างเหมา หลังจากกรมวิชาการเกษตรถูกตัดงบฯ ปี 63 กว่า 600 ล้านบาท


ตามที่ปรากฏคลิปในโซเชียลมีเดียที่ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 4 (อุบลราชธานี) กล่าวกับลูกจ้างของศูนย์วิจัยที่จ้างเหมาในตำแหน่งต่าง ๆ ต่อสัญญาทุก 3 เดือนว่า มีความจำเป็นต้องเลิกจ้างลูกจ้างส่วนหนึ่งและบางส่วนต้องปรับลดเงินเดือน 50% เนื่องจากไม่มีเงินจ้าง โดยผู้อำนวยการกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแสดงความเห็นใจลูกจ้างของศูนย์ รวมทั้งระบุว่าจะพยายามรวบรวมเงินเพื่อให้สามารถว่าจ้างได้ในไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2563 แต่ขอไม่กล่าวถึงสาเหตุของการขาดเงินจ้างงานนั้น ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยได้ตรวจสอบไปยังสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรทั้ง 8 เขต รวมถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรระดับจังหวัดหลายจังหวัด พบว่ามีการเลิกจ้างลูกจ้างทั่วประเทศ 

แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่าสาเหตุที่ต้องเลิกจ้างหรือลดเงินเดือนลูกจ้างสังกัดกรมวิชาการเกษตร เพราะปีงบประมาณ 2563 กรมวิชาการเกษตรถูกปรับลดงบประมาณกว่า  600 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของที่ขอไป ซึ่งอธิบดีกรมวิชาการเกษตรมีหนังสือเวียนแจ้งให้ทุกหน่วยงานจัดลำดับความสำคัญของงานและปรับลดปริมาณงานตามวงเงินที่ได้รับ


ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรระดับจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคกลาง กล่าวว่า ที่ศูนย์มีลูกจ้างชั่วคราว 15 คน เมื่อทราบข่าวจากกรมฯ ว่า จะถูกตัดงบประมาณจึงแจ้งลูกจ้างทั้งหมดให้ทราบตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม แต่เห็นใจลูกจ้างที่ทำงานด้วยกันมานานแล้วจึงไม่เลิกจ้าง แต่ขอลดเงินเดือน 50% หากลูกจ้างสมัครใจทำงานต่อจะจ้างไว้ทั้งหมด แต่หากเงินเดือนที่ได้รับน้อยไปเปิดโอกาสให้หางานอื่นได้ แต่ลูกจ้างของศูนย์ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีอายุค่อนข้างมาก หางานใหม่ลำบาก ทุกคนจึงยอมทำต่อ โดยหวังว่า เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2563 ในวันที่ 30 กันยายน แล้วเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ กรมวิชาการเกษตรจะได้รับจัดสรรงบประมาณใกล้เคียงกับที่ผ่าน ๆ มาและมีเงินจ้างงานต่อไป

ทั้งนี้ งบสำหรับจ้างลูกจ้างของสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรทั้ง 8 เขต รวมถึงศูนย์ระดับจังหวัดจะต้องนำงบประมาณดำเนินการที่กรมจัดสรรให้มาจ้างลูกจ้างตามปริมาณงานของแต่ละแห่ง ดังนั้น สำนักวิจัยฯ ซึ่งมีลูกจ้างจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องเลิกจ้างบางตำแหน่งงานและปรับลดเงินเดือน 50% บางตำแหน่งงาน แม้ในรายที่ไม่ถูกเลิกจ้าง แต่การปรับลดเงินเดือน 50% สร้างความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะเงินเดือนลูกจ้างอยู่ในอัตราประมาณ 6,000-10,000 บาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อการครองชีพ

ส่วนของข้าราชการของสำนักและศูนย์วิจัยฯ ต้องเสียสละไม่รับเบี้ยเลี้ยง กรณีที่ต้องเดินทางไปปฏิบัติราชการภาคสนามซึ่งได้วันละ 240 บาท แต่ที่กังวล คือ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถในการเดินทาง ซึ่งงบประมาณที่ได้จัดสรรมานั้น หลายส่วนใกล้หมดแล้ว อาจไม่เพียงพอใช้จนถึงปีงบประมาณใหม่


ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยได้โทรศัพท์ติดต่อสอบถามไปยัง น.ส.เสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ซึ่งเลขานุการเป็นผู้รับสาย โดยแจ้งว่าอธิบดีกรมวิชาการเกษตรติดประชุมและไม่สะดวกให้สัมภาษณ์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” ปรากฏตัวแล้ว บอกไม่สบายใจมี ตร.เฝ้าหน้าบ้าน

ปรากฏตัวแล้ว “ทนายตั้ม” พบตำรวจเหตุมีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่บ้าน พร้อมแจงปมเงิน 39 ล้านบาท ค่าศิลปินจีน ที่แท้เป็นมิจฉาชีพหลอก “เจ๊อ้อย” ปฏิเสธพบคู่กรณี บอกยังไม่พร้อมคุย

เกาะกูด

“ภูมิธรรม” ย้ำจะรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

“ภูมิธรรม” มอง MOU44 คือกลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อนกลุ่มการเมือง พปชร.ไปถามหัวหน้าพรรคตัวเอง เพราะเป็นคนนำเจรจาในปี 57 ยันไม่เคยยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ย้ำรัฐบาลจะรักษาดินแดน-ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

US election

ทรัมป์-แฮร์ริส หาเสียงวันสุดท้าย ก่อนหย่อนบัตรวันนี้

ขณะนี้เหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 5 พฤศจิกายน ผลสำรวจความเห็นประชาชนต่างชี้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ และนางคอมมาลา แฮร์ริส