กรมควบคุมโรค 18 ม.ค.-กรมควบคุมโรค แนะประชาชนติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่นPM2.5 พร้อมประเมินความเสี่ยงตนเอง โดยเฉพาะผู้ป่วยใน 4 กลุ่มโรค “หัวใจและหลอดเลือด-ระบบทางเดินหายใจ-ผิวหนังอักเสบ-ตาอักเสบ” ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
วันนี้ (18ม.ค.) นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากกรณีที่พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สูงในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลนั้น กรมควบคุมโรคมีความห่วงใยประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ จึงสั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดกรมควบคุมโรค ดำเนินการติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง พร้อมสื่อสารและประชาสัมพันธ์ความรู้ในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง
อย่างไรก็ตามเนื่องจากค่า PM 2.5 ในแต่ละจุดแต่ละเวลามีความแตกต่างกัน ผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนจึงขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ ได้แก่ 1.ตำแหน่งที่อยู่อาศัยหรือตำแหน่งที่ทำกิจกรรม 2.ช่วงเวลาและระยะเวลาที่สัมผัส 3.ชนิดของกิจกรรมที่ทำในพื้นที่ที่มีค่า PM 2.5 สูง เช่น ออกกำลังกายกลางแจ้ง ทำงานกลางแจ้งจะมีความเสี่ยงที่จะได้รับ PM 2.5 มากกว่ากลุ่มคนที่ออกกำลังกายในที่ร่ม หรือทำงานในอาคาร 4.ปัจจัยเฉพาะบุคคล โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหืด ภูมิแพ้ หากได้รับมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก เข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงมากกว่าประชาชนทั่วไป
นพ.ขจรศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับประชาชนที่มีบุคคลในครอบครัวที่ป่วยด้วย 4 กลุ่มโรคสำคัญ ขอให้สังเกตอาการ ดังนี้ 1.กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็ว 2.กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล แสบจมูกและลำคอ 3.กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ เช่น อาการคันตามร่างกาย มีผื่นแดงตามร่างกาย และ 4.กลุ่มโรคตาอักเสบ เช่น อาการแสบหรือคันตา น้ำตาไหล และตาแดง หากสงสัย หรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ขอให้ประชาชนสังเกตและตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่เพื่อประเมินความเสี่ยงในการสัมผัสฝุ่นละอองอย่างเหมาะสม โดยสามารถติดตามสถานการณ์ค่าปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ได้ที่แอปพลิเคชัน Air4Thai ของกรมควบคุมมลพิษ และขอให้ลดการเพิ่มปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ เช่น ลดการใช้รถยนต์และรถที่มีควันดำ หันมาโดยสารรถสาธารณะ ลดการเผาขยะหรือเผาในที่โล่งแจ้ง รวมถึงดูแลทำความสะอาดบ้านให้ปลอดฝุ่น โดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรออกนอกบ้านหรือทำกิจกรรมนอกบ้าน เช่น ออกกำลังกายหรือทำงานกลางแจ้ง โดยเฉพาะบริเวณหรือเส้นทางที่มีฝุ่นขนาดเล็กหนาแน่น หากจำเป็นควรป้องกันการสัมผัสฝุ่นให้น้อยที่สุด โดยการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่สำคัญควรสวมใส่หน้ากากอย่างถูกวิธี
นอกจากนี้ผู้เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ ควรป้องกันตนเองโดยการสวมหน้ากาก แว่นตา เสื้อแขนยาวเพื่อป้องกันฝุ่น เพราะฝุ่นจะทำให้เกิดการระคายเคืองตาและผิวหนัง.-สำนักข่าวไทย