BIG STORY : 5 วันคดีชิงทอง ค้นปืน 13 กระบอก

ลพบุรี 15 ม.ค.-เป็นเวลาร่วม 5 วัน หลังเกิดเหตุคดีชิงทองลพบุรี วันนี้ตำรวจได้เข้าค้นอาวุธปืนขนาดรุ่นเดียวกันกับที่คนร้ายใช้ ซึ่งมีผู้ครอบครองในลพบุรี 13 กระบอก

ปืนที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุชิงทองห้างเพชรทองออโรร่า ในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ลพบุรี จนมีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 4 ราย เป็นปืนขนาด 9 มม. ตำรวจวิเคราะห์รายละเอียดลักษณะของปืนจากภาพวงจรปิด พบเป็นปืนยี่ห้อซีแซด นำไปสู่การขอหมายศาลเข้าตรวจค้น 10 กว่าจุด เมื่อช่วงเช้ามืด โดยกำหนดเป้าหมายจากอาวุธปืน

อาวุธปืนยี่ห้อนี้และรุ่นที่คนร้ายใช้ ตรวจสอบแล้วปืนที่มีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายที่ขออนุญาตในลพบุรี มีเกือบ 300 กระบอก แต่ตำรวจจำกัดวงให้แคบลงด้วยการดูขนาดความยาวของลำกล้องปืน ซึ่งพบว่าความยาวลำกล้องขนาดเดียวกับที่คนร้ายใช้ มีผู้ครอบครอง 13 กระบอก เป็นปืนส่วนตัวของทหาร 2 กระบอก และปืนของพลเรือนอีก 11 กระบอก

แต่การได้อาวุธปืนทั้ง 13 กระบอกมาใช่ว่าจะสามารถระบุความเชื่อมโยงได้ง่ายๆ ต้องนำปืนมายิงทดสอบ เพราะปืนแต่ละกระบอก เมื่อยิงผ่านลำกล้องจะทิ้งรอยกระสุนไม่เหมือนกัน จะนำผลการยิงทดสอบปืนที่ตรวจค้นได้ไปเปรียบเทียบกับกระสุนที่คนร้ายใช้ยิงก่อเหตุ ซึ่งยังต้องตรวจสอบอีกหลายขั้นตอน

นอกจากอาวุธปืนแล้ว กระสุนปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ตำรวจตรวจสอบปลอกและหัวกระสุน พบว่าเป็นกระสุนยี่ห้อหนึ่ง มีขายในสนามยิงปืน 4 แห่งในลพบุรี ซึ่งชุดสืบสวนได้ขอข้อมูลจากสนามยิงปืนทั้ง 4 แห่งแล้ว

การใช้อาวุธปืนของคนร้ายมีการวิเคราะห์ว่า ท่าทางลักษณะแบบนี้น่าเชื่อเป็นผู้มีความรู้ทางยุทธวิธี ยิงกระสุนชุดละ 2 นัด หรือการยิงแบบดับเบิลแท็บ นางสาวธิดารัตน์ ทองทิพย์ พนักงานร้านทอง ถูกยิง 2 ชุด หรือ 4 นัด ซึ่งเป็นไปได้ที่เป็นการยิงเพื่อป้องกันไม่ให้เธอกดสัญญาณแจ้งการถูกปล้น แต่ในวันเกิดเหตุ ระหว่าง น.ส.ธิดารัตน์ถูกยิง มีผู้กดสัญญาณแจ้งเตือน และคนร้ายยังตะโกนขู่ว่าใครกดสัญญาณให้เดินออกมา ก่อนจะโกยทองใส่กระเป๋าและหลบหนีไป

พฤติกรรมของคนร้ายที่เป็นแบบนี้ ทำให้แนวทางการสืบสวนของตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง แม้ว่าสิ่งที่คนร้ายทำให้เห็นจะเป็นการชิงทองและกราดยิงจนมีผู้เสียชีวิตถึง 3 ราย.-สำนักข่าวไทย