กระทรวงคลัง 15 ม.ค. – รองนายกฯ สมคิด สั่งรัฐวิสาหกิจเร่งลงทุนไตรมาสแรก 1 แสนล้านบาท เตรียมแผนจูงใจเอกชนลงทุน ลดแรงกดดันเงินบาทแข็งค่า รองรับปี 63 ปีแห่งการลงทุน พร้อมดันกองทุน TFF 2 รองรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายกับผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ที่มีวงเงินลงทุนขนาดใหญ่ 19 แห่ง รวมถึงผู้บริหารบริษัทในเครือ เพื่อรับนโยบาย ในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุน หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจปี 63 หลังจากช่วงปลายปีได้เร่งรัดให้รัฐวิสาหกิจลงทุน 1 แสนล้านบาท ดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมาย โดยช่วงไตรมาส 4 ของปี 62 (ต.ค.-ธ.ค.62) งบลงทุนออกสู่ระบบรวม 7 แสนล้านบาท ขณะที่ในช่วงต้นปีงบลงทุนผ่านงบประมาณของภาครัฐพร้อมออกสู่ระบบนับล้านล้านบาท ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ
รวมทั้งสั่งการให้กระทรวงการคลังและบีโอไอเตรียมแผนส่งเสริมการลงทุน เพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนและใช้จ่ายในประเทศ เพราะการลงทุนในประเทศเพิ่ม จะมีการใช้จ่ายเพิ่ม การนำเข้าจะเพิ่มขึ้น นับว่าช่วยลดแรงกดดันให้เงินบาทแข็งค่าได้อีกทางหนึ่ง เพราะที่ผ่านมามีการนำเข้าน้อย จึงเกิดปัญหาขาดดุลการค้า จึงทำให้เงินบาทแข็งค่าซ้ำเติมการส่งออกชะลอตัว การลงทุนจึงเป็นทางออกที่สำคัญ ทั้งกระทรวงคลังและคมนาคม จึงต้องเร่งรัดการลงทุนในรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ ที่ประชุมพร้อมประคองเศรษฐกิจไทยท่ามกลางเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมร่วมกำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจ 45 แห่ง และบริษัทในเครือเบิกจ่ายในไตรมาสแรกของปี 63 (ม.ค. –มี.ค.63) ไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท หากมีข้อติดขัดขอลดเป้าหมายการเบิกจ่ายให้หารือเพิ่มเติมได้ รองรับปี 63 ปีแห่งการลงทุน นอกจากนี้ยังพร้อมส่งเสริมกองทุน TFF ให้เป็นแหล่งระดมทุนสำคัญ หลังจากกองทุนแรกได้รับความสนใจจากนักลงทุน มีนักลงทุนในประเทศจองมากกว่าหน่วยลงทุนที่ออกไปถึง 3 เท่า และหากเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ต้องการเงินลงทุนจากต่างชาติ พร้อมผลักดันกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ TFF 2 เพิ่มเติม
หลังจากเดินทางเยือนฮ่องกง นักลงทุนต่างชาติสอบถามเป็นจำนวนมาก เพราะให้ผลตอบแทนสูงร้อยละ 5 – 6 แต่ต้องศึกษาเพิ่มเติม เพราะต้องให้ความสำคัญกับนักลงทุนในประเทศด้วยเช่นกัน สำหรับแหล่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่ มีทั้งรูปแบบใช้เงินจัดสรรงบประมาณ แหล่งเงินกู้ การร่วมลงทุนแบบ PPP ระดมทุนผ่านกองทุน TFF จึงต้องศึกษารูปแบบแนวทางระดมทุนให้ชัดเจน
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวว่า สำหรับแผนเบิกจ่ายทั้งปี 63 รัฐวิสาหกิจมีกรอบลงทุน 345,141 ล้านบาท แบ่งเป็นรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณจำนวน 199,978 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจปีปฏิทินจำนวน 145,163 ล้านบาท แผนโครงการลงทุนขนาดใหญ่สำคัญ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ของการรถไฟฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี ของ รฟม. การพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของ ทอท. การพัฒนาโรงไฟฟ้าบางปะกงของ กฟผ.
การพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายระยะที่ 1 ของ กฟภ. และโครงการแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้าฉบับที่ 12 ปี 60 – 64 ของ กฟน. และยังต้องการให้รัฐวิสาหกิจให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง โดยให้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายให้เร็วขึ้นในส่วนโครงการที่สามารถดำเนินการได้ก่อน (Front – Loaded) รวมถึงให้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายโครงการที่มี Import Content หรือการลงทุนในต่างประเทศที่มีมูลค่าสูงด้วย . – สำนักข่าวไทย