สำนักข่าวไทย 11 ม.ค. – กรมอนามัย แนะพ่อแม่ชวนเด็กเล่น ขยับเคลื่อนไหวร่างกายให้เหมาะสมแต่ละวัย เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคม ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว อย่าใช้เทคโนโลยีเกม เพื่อหวังให้ลูกนิ่ง
นพ.ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวย้ำ ว่า การเล่นของเด็กปฐมวัย มีความสำคัญ เพราะการเรียนรู้ของเด็กวัยนี้ที่เหมาะสมคือ การเรียนรู้ผ่านการเล่น และต้องเป็นการเล่น อย่างมีความสุข การเล่นที่ดีจะส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี ทั้งทางร่างกาย จิตใจ ปัญญา อารมณ์ สังคม มีวินัย มีการวิเคราะห์ เกิดความคิดสร้างสรรค์ เรียนรู้การปรับตัว การเล่นยังช่วยป้องกันและรักษาปัญหาในด้านพัฒนาการทาง อารมณ์ความสัมพันธ์กับผู้อื่น อีกทั้งการเล่นของเด็กยังเป็นการส่งเสริมให้เด็กมีการขยับร่างกาย เพราะปัจจุบันพ่อแม่มักนิยมใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาทิ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เป็นตัวช่วยในการเลี้ยงลูก เพื่อหวังจะให้ลูกอยู่นิ่งๆ และมีความเชื่อว่าอุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยเรื่องพัฒนาการของเด็กได้ทั้งที่จริงแล้ว อุปกรณ์เหล่านี้กลับทำให้พัฒนาการของเด็กลดลง ทั้งด้านภาษา สมาธิ และสังคม
นพ.ดนัย กล่าวต่อไปว่า เด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 5 ปี เป็นวัยที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย หรือมีกิจกรรมทางกาย ทั้งกับพ่อแม่ เพื่อน หรือด้วยตนเอง ดังนั้น กลุ่มวัยทารก อายุ 0 – 1 ปี พ่อแม่ควรเน้นให้เด็กมีกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายเช่น การนอนคว่ำชันคอ เอื้อมหยิบจับลูกบอลหรือของเล่นคลาน นั่ง ยืน และเล่นกับพ่อแม่ ในช่วงเวลาที่เด็กไม่ได้นอนหลับ สำหรับวัย 1 – 5 ปี ควรให้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างน้อย 180 นาทีต่อวัน เน้นทักษะการเคลื่อนไหวพื้นฐาน เช่น การเดิน วิ่ง เขย่งกระโดด ทรงตัว ปีนป่าย ปั่นจักรยานสามล้อ ปั้นดิน ขีดเขียน ต่อบล็อก เล่นบทบาทสมมติ หรือช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน โดยพ่อแม่ควรสนับสนุนให้เด็กได้เลือกเล่นตามความชอบ เด็กก็จะเกิดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนั้นต้องคำนึงและดูแลความปลอดภัยของลูกในขณะเล่นด้วย สำหรับเด็กวัยเรียนและวัยรุ่น อายุ 6-17 ปี ควรมีกิจกรรมทางกายระดับปานกลางถึงหนักอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน โดยระดับปานกลาง เช่น ปั่นจักรยาน เล่นกีฬา ส่วนแบบหนัก เช่น วิ่งเร็ว กระโดดสูง ว่ายน้ำเร็ว การละเล่นพื้นบ้านต่าง ๆ หรือวิ่งเล่นอิสระ .-สำนักข่าวไทย