“อสมท” ปรับธุรกิจปี 2563 พร้อมมุ่งสู่ธุรกิจ “Trusted Contents & Data”


อสมท 9 ม.ค.- อสมท ประกาศปี 2563 เป็นปีแห่งแผนการพัฒนาองค์กรจากเดิมอาศัยธุรกิจมีเดียโทรทัศน์และวิทยุ ไปสู่การเน้นวางพื้นฐานเพื่ออนาคต และเพิ่มธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่อาศัยโฆษณาทางโทรทัศน์เพียงอย่างเดียว เนื่องจากกระแสเงินในตลาดมีเดียเดิมเริ่มทรงตัว โดยลูกค้าและผู้ชมหันไปให้ความสนใจกับ Platform และรูปแบบ Contents ใหม่ๆ มากขึ้น 




นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในปี 2563 อสมท ได้ประกาศเดินหน้าปรับธุรกิจใหม่ โดยเพิ่มหน่วยธุรกิจอีก 2 ส่วน คือ 



1.สำนักธุรกิจดิจิทัล นำ Contentใน Platform เดิม มาพัฒนาสู่ Platform ใหม่ ประกอบด้วย Content ข่าว และข่าวบันเทิง Content เสียงจากวิทยุ 53 สถานี เพื่อขยายไปสู่ Podcast และ Radio Online

 

2.สำนักดิจิทัลแพลตฟอร์ม เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มกับ Digital Platform ที่มีโอกาสสร้างธุรกิจใหม่ๆ นอกเหนือจากธุรกิจมีเดียโทรทัศน์ โดยเปิดโอกาสเจรจากับ Partner ไทยและต่างประเทศ 


นอกจากนี้ ได้มีการจัดตั้งฝ่ายงานเล็กๆ เป็นกลุ่มทำงานแบบ Business Lab ชื่อ “ฝ่ายพัฒนาโครงการใหม่” (Growth project) เป็นคณะทำงาน Fast Track นวัตกรรมความคิดสร้างสรรค์ที่วิเคราะห์ธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจเดิม เพื่อสร้างให้ธุรกิจดังกล่าวสามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองในอนาคต การดำเนินการดังกล่าว เป็นการต่อยอดทั้งจากการผลิต Content ข่าวและอื่นๆ ที่มีอยู่แล้วเพื่อมุ่งสู่ธุรกิจ Data และ Information ที่มีรากฐานมาจาก Content ที่น่าเชื่อถือ และการหาพันธมิตรใหม่ๆ ที่เป็น Non broadcast อีกด้วย 




นายเขมทัตต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์ของอุตสาหกรรมสื่อในปัจจุบัน โดยเฉพาะสื่อดั้งเดิม เช่น สื่อหนังสือพิมพ์และสื่อโทรทัศน์มีอัตราการเติบโตของรายได้ที่ลดน้อยซึ่งเป็นผลมาจาก Disruptive Technology และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใช้เทคโนโลยีในการรับชมข่าวสารผ่านอุปกรณ์รับชมแบบใหม่ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น เทคโนโลยี 5G, และ Super WIFI ส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาในสื่อดั้งเดิมลดลงโดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ ในส่วนรายการต่างๆ ของ อสมท ก็พบเช่นกันว่า ผู้บริโภคหันมาใช้ช่องทางการรับชมข้อมูล ข่าวสารออนไลน์มากขึ้น อาทิ รายการชัวร์ก่อนแชร์ ของสำนักข่าวไทย พบว่าระหว่างปี 2561-2562 มีผู้ติดตามรายการผ่านสื่อสังคมออนไลน์รวมมากกว่า 3 แสนราย นำเสนอข้อมูลในรูปแบบวิดีโอแล้วกว่า 1,300 ชิ้น รวมทั้งยังมีการร่วมบรรยาย อบรม และให้ความรู้เกี่ยวกับความรู้เท่าทันสื่อเพื่อต้านกระแสข่าวปลอม ทั้งในไทยและต่างประเทศ กว่า 70 ครั้ง โดยในปี 2563 ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์จะมีการขยายงานด้านแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น, เฟซบุ๊ก MCOT Digital ในช่วงปี 2561 – 2562 มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้น 35,000 ไลค์ ขณะที่เฟซบุ๊กของสำนักข่าวไทย มียอดของผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี โดยในช่วงปี 2561-2562 มีผู้ติดตามเฟซบุ๊กของสำนักข่าวไทยเพิ่มขึ้น 495,603 คน 


ดังนั้น การวางรากฐานพัฒนาธุรกิจให้สอดรับความต้องการในตลาดมากขึ้น จะช่วยลดความเสี่ยงด้านการแข่งขันของอุตสาหกรรมสื่อที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดย อสมท มีนโยบายขับเคลื่อนองค์กรให้เป็น “Trusted Content & Platform เน้นการสร้าง Content และ Platform ที่มีประโยชน์ เชื่อถือได้ ให้เป็นแหล่งอ้างอิงความถูกต้อง ตลอดจนรวบรวมข้อมูล Content Database ที่ถูกต้องเพื่อนำไปต่อยอดทางธุรกิจ โดยภาพรวมของธุรกิจสื่อในปัจจุบันนั้น การที่ได้ข้อมูล Consumer มากที่สุด ถือเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจมากที่สุด กล่าวคือ ธุรกิจสื่อมวลชนเริ่มนำ Big Data เข้ามาใช้เพื่อค้นหาความต้องการของตนเองและอยากรู้ความเคลื่อนไหวของบุคคลอื่นๆ ซึ่งเป็นการจับกลุ่มเป้าหมายของผู้บริโภคที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะขยายงานด้าน Creative Content ให้แข็งแรง สอดคล้องกับแพลตฟอร์มใหม่ๆ เช่น WHAM ซึ่งล่าสุด เพิ่มพันธมิตรใหม่ๆ เช่น Mono Music ร่วมดำเนินธุรกิจด้วย พร้อมกันนี้จะมีการพัฒนาบุคลากรอย่างจริงจังทั้งการ Re-skill และเพิ่มทักษะ Multiskill ให้พนักงานมากขึ้นด้วย

“ก้าวต่อไปของ บมจ.อสมท จะไม่ได้เป็นเพียงธุรกิจโทรทัศน์หรือวิทยุ อสมท จะเดินหน้าสร้างรายได้จากธุรกิจ Digital และธุรกิจใหม่ ซึ่งประกอบด้วยรายได้จาก Website และ Social Media, รายได้จากการขาย Content และรับจ้างผลิตรายการ ทั้งในและต่างประเทศ, รายได้จากธุรกิจ Platform ใหม่ๆ เช่น WHAM และ Podcast, เพิ่มกลยุทธ์จาก MCOT Academy ที่เน้นพัฒนาหลักสูตรสำหรับการพัฒนาการสื่อสารด้านวิชาชีพ, หลักสูตร Media Training และ Brand สำหรับผู้บริหารระดับสูงเพื่อกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจดั้งเดิม โดยเชื่อว่าหากสามารถดำเนินการได้ตามแผนธุรกิจที่วางไว้ รายได้เฉลี่ยของ บมจ.อสมท ตั้งแต่ปี 2563 -2567 จะเพิ่มขึ้น” นายเขมทัตต์กล่าว


นายเขมทัตต์ กล่าวถึง ธุรกิจโทรทัศน์ อสมท ในปี 2563 ว่า ยังคงมีนโยบายสร้างสรรค์ Content ที่น่าสนใจ และบริหารค่าใช่จ่ายในการดำเนินการ โดยจะลดการผลิตรายการสดที่ผลิตเองส่วนหนึ่ง เพื่อควบคุมต้นทุนในฟรีทีวี และเน้นให้ทีมข่าวหันไปเปิดตลาด Online มากขึ้น รวมทั้งร่วมผลิตรายการกับพันธมิตรมากขึ้น โดยในปี 2563 ช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 จะยังคงเน้นความแข็งแกร่งด้านพันธมิตรผู้ผลิตรายการสารคดีวาไรตี้ระดับโลกจาก Discovery อาทิ รายการกลุ่มวิทยาศาสตร์ การทดลองเทคโนโลยีสุดล้ำ ที่ดูสนุก เร้าใจ และเข้าใจง่าย กลุ่มนิเวศวิทยาและธรรมชาติ ในรูปแบบสารคดีสัตว์ที่คนไทยชื่นชอบจาก NHK ประเทศญี่ปุ่น ซีรีส์จาก BBC First ที่ได้รับความนิยมสูง ซีรีส์ดังจากประเทศจีนอย่าง The Lost Swordship (เซียนกระบี่เหนือยุทธภพ) และภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดระดับโลกจาก Sony Pictures มาให้ชมทุกสัปดาห์  




ในส่วนของรายการมวยไทยระดับพรีเมียม แม็กซ์ มวยไทย สปอร์ต เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เพิ่มความสนุกกับไฮไลต์ Max Muay Thai อีก 1 วันในวันเสาร์ เพื่อให้ได้ชมกันอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นถึง 6 วัน จากเดิมมีเพียง 5 วัน อีกทั้งจะมีการถ่ายทอดสดรายการกีฬาระดับโลกเป็นช่วงๆ เช่น ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์  HONDA LPGA Thailand รายการแข่งขันกอล์ฟหญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ยังคงมีให้ชมต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 รวมทั้งการปรับรายการข่าวเศรษฐกิจและต่างประเทศระดับโลกที่น่าสนใจอีก 1–2 รายการ 


อีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่สำคัญในปี 2563 นี้ คือการทำ Co–Production กับพันธมิตรผู้ผลิตรายการระดับนานาชาติ เป็นการร่วมกันผลิตระหว่างช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 กับ Japan International Broadcasting Inc. (JIB) ประเทศญี่ปุ่น กับรายการท่องเที่ยวแนวใหม่ของสองวัย, ความร่วมมือกับ China Media Group และ CCTV ประเทศจีน รวมทั้งการลงทุนร่วมผลิตกับ Netflix ซึ่งเป็นการสร้าง Content รายการคุณภาพที่มีความน่าสนใจมากขึ้นอีกด้วย สำหรับด้านวิทยุ จะเน้นการนำ Content ที่มีอยู่ไปวางใน Platform ใหม่ๆ ทั้งวิทยุ Online, Podcast, Website และ Application ต่างๆ โดยจะบูรณาการให้เป็น Platform เดียว เพื่อสะดวกกับกลุ่มเป้าหมายในการค้นหาและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสานตอนบน ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 29 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานตอนบน และบริเวณด้านรับลมมรสุมมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และบริเวณด้านรับลมมรสุมมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ นครพนม จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 […]

หยุดยิง! ชายแดนไทย-กัมพูชา เงียบสนิทตามเดดไลน์ 24.00 น.

29 ก.ค. – ไทย-กัมพูชา ตกลงหยุดยิงพร้อมกัน 24.00 น.ที่ผ่านมา โดยไม่มีเงื่อนไข ถือเป็นก้าวแรกสำคัญในการคลี่คลายสถานการณ์ รวมถึงฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคง ส่วนเช้าวันนี้ (29 ก.ค.) มีการประชุมระหว่างแม่ทัพของทั้งสองประเทศ และการประชุมระดับรัฐมนตรีกลาโหม 4 ส.ค. วานนี้ (28 ก.ค.) ที่ประชุมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่มีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เป็นคนกลางในการเจรจา สมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่ประชุมบรรลุข้อตกลง 3 ข้อโดยเฉพาะ “ข้อตกลงหยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข” มีผลตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการคลี่คลายสถานการณ์ และฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคง เช้าวันนี้ (29 ก.ค.) มีการจัดประชุมอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างผู้บัญชาการกองกำลังของ 2 ประเทศ ได้แก่ กองทัพภาคที่ 1 และ 2 ของฝ่ายไทย และกองทัพภาคที่ […]

น้ำทะลักท่วม 4 ชุมชนริมน้ำแม่สาย เดือดร้อนหลายร้อยครัวเรือน

เชียงราย 28 ก.ค. – สถานการณ์น้ำท่วมแม่สายยังวางใจไม่ได้ หลังมวลน้ำจากต้นน้ำแม่สายที่เมียนมา สูงขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งวัน จนน้ำสายทะลักท่วมบ้านเรือนประชาชน 4 ชุมชน ชาวบ้านเดือดร้อนหลายร้อยครัวเรือน บริเวณสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 เจ้าหน้าที่นำรถแบ็กโฮแขนยาวมาตักเศษไม้เศษสวะที่ขวางทางน้ำ ซึ่งระดับน้ำในลำน้ำสายที่กั้นพรมแดนไทย-เมียนมา เพิ่มสูงจนเกือบล้นขึ้นมาบนสะพานแล้ว แต่ยังอยู่ต่ำกว่าแนวป้องกันน้ำท่วมที่ทางกรมการทหารช่างสร้างไว้ แต่น้ำไหลเชี่ยวกราก พัดเอาเศษไม้เศษขยะซัดกระแทกสะพานอย่างอย่างต่อเนื่อง โดยน้ำในลำน้ำสายทรงตัวสูงมาหลายชั่วโมงแล้ว หลังทะลักเข้าท่วมหลายชุมชนชายแดนแม่สายซ้ำรอยปีที่แล้ว แม้ระดับน้ำและสถานการณ์ยังไม่หนักเท่า แต่ต้องเฝ้าระวัง ขณะที่ทางฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็ก ของเมียนมา กำลังถูกน้ำท่วมหนัก จนต้องปิดด่านชายแดนไปก่อน และน้ำที่ผ่านไหลสะพานตอนนี้ ถือว่าเป็นมวลน้ำก่อนใหญ่ก้อนสุดท้ายที่ไหลมาจากต้นน้ำที่หมู่บ้านโจตาดา ประเทศเมียนมา ที่อยู่ห่างจากสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 ไปกว่า 30 กิโลเมตร หากผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปได้และไม่มีฝนตกหนักทางต้นน้ำน่าจะพอเบาใจได้ นายอำเภอแม่สายบอกว่า ตอนนี้อพยพประชาชนกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงไปอยู่ตามศูนย์พักพิงและพื้นที่ปลอดภัยแล้ว.-สำนักข่าวไทย

น้ำยืนเดือด ระเบิดตก 8 ลูก วัวตาย 1 ตัว

อุบลราชธานี 28 ก.ค. – ตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมา พื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ยังมีรายงานเสียงปืนใหญ่ดังต่อเนื่อง จรวด BM 21 จำนวน 8 ลูก ข้ามตกข้ามมายังฝั่งไทย ทำให้พื้นที่การเกษตรเสียหาย วัวของชาวบ้านตาย 1 ตัว ช่วงบ่ายที่ผ่านมา จรวด BM 21 จำนวน 8 ลูก ตกยังพื้นที่สวนปาล์ม จากนั้นเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปตรวจสอบพบความเสียหายจากแรงระเบิดหลายจุด อีกทั้งยังทำให้วัวตาย 1 ตัว ด้านเจ้าของวัวได้ให้ข้อมูลว่า แถวหมู่บ้านไม่เคยพบกระสุนเข้ามาตกในพื้นที่ ขณะเกิดเหตุตนกำลังเกี่ยวหญ้าให้วัว ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น รู้สึกตกใจมาก รีบวิ่งไปดูวัว ซึ่งต่อมาได้ตายระหว่างเคลื่อนย้ายอพยพ อีกทั้งเป็นที่น่าสังเกตว่าเวลา 15.00 น. ซึ่งมีการเริ่มการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย เสียงปืนได้สงบลงประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นเมื่อเวลา 16.00 น. ก็เริ่มได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังกึกก้องต่อเนื่องอีกครั้ง ส่วนบรรยากาศในตลาดสดแห่งหนึ่งในพื้นที่ปะทะ ยังมีกลุ่มพ่อค้าจิตอาสาช่วยกันจัดเตรียมอาหาร เพื่อนำอาหารไปแจกจ่ายแก่ผู้นำชุมชนรวมถึงเจ้าหน้าที่ โดยได้ตั้งโรงครัว […]