กรุงเทพฯ 8 มค. – หุ้นไทยร่วงแรง 25.96 จุด หนักกว่าต่างประเทศ วิตกสถานการณ์ตะวันออกกลาง ปัจจัยในประเทศกดดัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดวันนี้ (8 ม.ค.) ที่ระดับ 1,559.27 จุด ลดลง 25.96 จุด หรือ 1.64% มูลค่าการซื้อขาย 65,089.77 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวแดนลบตลอดทั้งวัน ทำระดับสูงสุด 1,572.03 จุด และต่ำสุด 1,555.75 จุด
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงมากกว่าตลาดต่างประเทศ ทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส และตลาดในยุโรป ที่ต่างติดลบกันไม่มากนัก โดยดัชนี SET เริ่มไหลลงมาใกล้จุดต่ำสุดเดิมที่ 1,543 จุด ส่วนหนึ่งขาดแรงหนุนจากกองทุน เพราะขณะนี้ไม่มีกองทุน LTF ที่จะมาช่วยหนุน ขณะที่ SSF คาดจะออกเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้หุ้นปรับลงทั้งกระดาน ยกเว้นหุ้น PTTEP ที่ดีดตัวตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้แรงกดดันจากปัจจัยในประเทศอย่างกลุ่มแบงก์ หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีและภาคครัวเรือน โดยเฉพาะการปรับลดค่าธรรมเนียม ส่งผลให้ต้องแบกรับภาระ ส่วนกลุ่มปิโตรเคมีปรับตัวลงมาก เนื่องจากราคาน้ำมันสูงขึ้นกระทบต้นทุน ขณะที่สเปรดปิโตรฯ ยังไม่ได้ดีขึ้น รวมทั้งการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วาระ 2 และ 3 แต่เชื่อว่าน่าจะผ่านไปได้ รวมถึงยังมีกิจกรรมวิ่งไล่ลุงวันที่ 12 มกราคมนี้ที่มีนัยทางการเมือง ส่งผลให้ตลาดฯ ยังเปราะบาง
ส่วนแนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.) นายณัฐพล กล่าวว่า ยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตะวันออกกลาง แต่มีโอกาสจะเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์หลังจากปรับตัวลงไปมาก โดยมอง 1,545-1,550 จุด อาจมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานมีโอกาสฟื้นตัว ให้แนวรับ 1,550 จุด และแนวต้าน 1,570 จุด
ด้านประเภทนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 3,051.32 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 294.32 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,247.22 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 509.78 ล้านบาท .-สำนักข่าวไทย