สตอกโฮล์ม 22 มิ.ย. – สายการบินต่างๆ ยังคงหลีกเลี่ยงน่านฟ้าส่วนใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ขณะที่มีเสียงเตือนว่าการที่สหรัฐโจมตีที่ตั้งนิวเคลียร์ของอิหร่านอาจทำให้สายการบินของสหรัฐในภูมิภาคนี้เสี่ยงภัยมากขึ้น
ไฟลต์เรดาร์ 24 (FlightRadar24) ซึ่งเป็นบริการอินเทอร์เน็ตในสวีเดนที่ติดตามเที่ยวบินในเวลาจริงโพสต์ผ่านเอ็กซ์ว่า หลังจากสหรัฐโจมตีที่ตั้งนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่านเมื่อวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ การจราจรทางอากาศเชิงพาณิชย์ในตะวันออกกลางยังคงดำเนินไปตามที่มีมาตรการจำกัดน่านฟ้าตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ซึ่งหมายถึงตั้งแต่อิสราเอลเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีที่ตั้งนิวเคลียร์และที่ตั้งทางทหารหลายแห่งในอิหร่านเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ข้อมูลในเว็บไซต์ไฟลต์เรดาร์ 24 พบว่า สายการบินต่าง ๆ ไม่บินผ่านน่านฟ้าอิหร่าน อิรัก ซีเรีย และอิสราเอล โดยเลือกใช้เส้นทางอื่น เช่น บินขึ้นเหนือผ่านทะเลแคสเปียน หรือบินลงใต้ผ่านอียิปต์และซาอุดีอาระเบีย แม้ว่าต้องสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และเสียเวลามากขึ้นก็ตาม
เซฟแอร์สเปซ (Safe Airspace) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลเรื่องความเสี่ยงและเขตขัดแย้งทางน่านฟ้าเตือนวันนี้ว่า การที่สหรัฐโจมตีอิหร่านอาจเพิ่มความเสี่ยงให้แก่สายการบินสหรัฐที่ดำเนินการอยู่ในตะวันออกกลาง เพราะถึงแม้ไม่มีการข่มขู่เป็นพิเศษกับการบินพลเรือน แต่อิหร่านเคยเตือนว่า จะเอาคืนด้วยการโจมตีผลประโยชน์ของกองทัพสหรัฐในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าทางตรงหรือผ่านตัวแทนอย่างกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน เซฟแอร์สเปซระบุด้วยว่า มีความเป็นไปได้ที่ความเสี่ยงทางน่านฟ้าอาจจะขยายครอบคลุมไปถึงบาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ อุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จึงขอแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังในระดับสูงต่อไป
สายการบินอิสราเอล 3 แห่งประกอบด้วยเอลอัล (El Al) ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ อาร์เกีย (Arkia) และอิสแรร์ (Israir) แจ้งวันนี้ว่า ได้ระงับการให้บริการเที่ยวบินกู้ภัยนำคนกลับอิสราเอลแล้ว จนกว่าจะมีการประกาศเพิ่มเติม นอกจากนี้เอลอัลยังได้ยกเลิกตารางเที่ยวบินต่าง ๆ ไปจนถึงวันที่ 27 มิถุนายนด้วย ขณะที่การท่าอากาศยานของอิสราเอลแจ้งว่า ได้ปิดน่านฟ้าสำหรับทุกเที่ยวบิน แต่จุดผ่านแดนทางบกด้านอียิปต์และจอร์แดนยังคงเปิดอยู่ ด้านกระทรวงการท่องเที่ยวอิสราเอลกำลังหาทางช่วยให้นักท่องเที่ยวที่ตกค้างอยู่ร่วม 40,000 คนได้เดินทางออกจากอิสราเอล.-814.-สำนักข่าวไทย