ผู้ตรวจการแผ่นดินเดินหน้าเร่งรัดแบน 3 สารเคมี

กรุงเทพฯ 31 ธ.ค.- ผู้ตรวจการแผ่นดิน เร่งรัดแบน 3 สาร เมื่อครบกำหนด 1 ม.ค.63  ยอมรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถขอขยายเวลาได้ แต่ต้องมีเหตุผล อย่าอ้างเวลา  ชี้ขอขยายระยะเวลาอีก จะส่งเรื่องให้องค์กรอิสระลงโทษทางวินัยอาญา และแพ่ง


พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน  กล่าวถึงมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่เลื่อนแบน 3 สารพิษออกไปเป็นเดือน มิ.ย. 2563  ขณะที่ผู้ตรวจฯ มีมติให้แบน 3 สาร คือ พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส  ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563  ว่า เรื่องดังกล่าวมีเวลา 13 เดือนในการเตรียมการ ถ้ารัฐบาลและหน่วยงานรัฐไปดำเนินการตามขั้นตอนที่ผู้ตรวจการแผ่นดินให้คำแนะนำไปก็จะไม่เกิดผลเสียหายเช่นนี้ และหากหน่วยงานใดที่ยังไม่สามารถแบนการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดได้จะต้องส่งเหตุผลมาให้พิจารณาว่าเพียงพอต่อการขอเลื่อนและขยายเวลาออกไปหรือไม่ 

“ซึ่งเป็นสิทธิของผู้บริโภคจะรู้ว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์นี้แล้วเป็นอันตราย  และต้องรับผิดชอบสุขภาพของตัวเอง   ทางผู้ตรวจฯก็จะหารือกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงพาณิชย์  ที่จะต้องดูเรื่องการปิดฉลากผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง ผลิตภัณฑ์ใดใช้สารเคมีก็ต้องแจ้งรายละเอียดให้ทราบ   ทั้งนี้การดำเนินงานของกรมวิชาการเกษตรที่มีการวิจัยการหาสารชีวพันธุ์ในแต่ละปีดำเนินการไปถึงไหน   ผลการดำเนินงานเป็นอย่างไร   ผู้ตรวจฯจะขอความร่วมจากองค์อิสระอื่น  เช่น สตง. ที่จะช่วยผู้ตรวจฯตรวจการใช้งบประมาณผลการทำงานในการใช้งบประมาณคุ้มค่าหรือไม่   และที่สำคัญได้ขอรายงานที่ประชุมของคณะกรรมการฯ 2 ครั้งที่ผ่านมา  คือ 22 ตุลาคม และ 27 พฤศจิกายน  เพื่อมาพิจารณาว่าได้มีการดำเนินการด้วยความรอบคอบอย่างไร   ซึ่งจะครบกำหนด 30 วัน  ในเดือนมกราคม 2563” พล.อ.วิทวัสกล่าว


ส่วนการแบน 3 สารพิษมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยดูเป็นการกดดันรัฐบาล ถ้าเป็นเช่นนี้มองว่าโอกาสที่จะแบนสามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้น พล.อ.วิทวัส กล่าวว่า ในเมื่อพาราควอต และคลอร์ไพริฟอสมีแนวโน้มที่จะแบนได้   แต่ต้องดูว่ากระบวนการที่นำไปสู่การแบนเป็นอย่างไร ซึ่งมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีการขยายการแบนถึงเดือน มิ.ย.  โดยก่อนหน้านี้มีเสียงคัดค้านคงเกรงว่าปริมาณสารพิษที่มีอยู่ในมือผู้นำเข้าหรือเกษตรกรจะทำลายอย่างไร ซึ่งเห็นว่าตั้งแต่ที่มีการออกมติดังกล่าว กรมวิชาการเกษตรต้องไปควบคุมให้ดีเมื่อถึง มิ.ย.2563 แล้วต้องมีคำตอบ ไม่ใช่มาขอต่อรองอยู่เรื่อย 

“การควบคุมไกลโฟเซต   ถ้าถึงกำหนดแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังขอขยายระยะเวลาอีก ผู้ตรวจการแผ่นดินก็มีอำนาจที่จะส่งต่อไปยังองค์กรอิสระอื่นที่ลงโทษทางวินัยอาญา และแพ่ง ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ประสงค์จะไปใช้อำนาจเช่นนั้น  ต้องการให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอยู่ในขอบเขต ไม่สร้างความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานรัฐกับองค์กรอิสระ พร้อมทั้งหวังว่า คำวินิจฉัยที่ออกไปแล้ว ถือว่าผู้ตรวจการแผ่นดินได้ช่วยทำงาน  ส่วนการที่จะเอากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ อบต.มาร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจการใช้สารพิษแต่ละพื้นที่ ซึ่งคนเหล่านี้อยู่ด้วยความเป็นพี่เป็นน้องมีความสัมพันธ์ในชุมชน จึงไม่มีทางไปตรวจสอบ และการบังคับใช้กฎหมายเป็นหน้าที่ของหน่วยงานจะเอาคนเหล่านี้ไปช่วยตรวจสอบคงทำไม่ได้”พล.อ.วิทวัสกล่าว.-สำนักข่าวไทย   


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ข่าวแห่งปี 2567 : รวมฉ้อโกง “ดารา-คนดัง” ไม่รอด

ตลอดปี 2567 ยังมีผู้คนตกเป็นเหยื่อของกลโกง มิจฉาชีพ ที่มาในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ บางคนถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว และที่น่าตกใจเริ่มมีคนดังเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีมากขึ้น

หมอชิต 2 คึกคัก ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาฉลองปีใหม่

บรรยากาศการเดินทางหมอชิต 2 คึกคัก ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาวปีใหม่ ด้าน รฟท. คาดผู้โดยสารเดินทางขาออกวันนี้ 1 แสนคน

รถเริ่มแน่น! สายเหนือ-อีสาน การจราจรชะลอตัว

ประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา หยุดยาวปีใหม่ ถ.พหลโยธิน มุ่งหน้าสายอีสาน รถแน่น ส่วนถนนสายเอเชีย ขึ้นเหนือ รถเคลื่อนตัวได้ช้า