กปน.ยืนยันน้ำประปาเปลี่ยนรสไม่กระทบสุขภาพ

กรุงเทพฯ 29 ธ.ค. – กปน.ฝากความห่วงใยถึงผู้ใช้น้ำ แนะติดตามข้อมูลคุณภาพน้ำสม่ำเสมอ พร้อมยืนยันน้ำประปาที่มีรสชาติเปลี่ยนแปลงยังไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ


นายปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า กปน.เฝ้าติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นและประสานงานกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด ขณะนี้ยังเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนอย่างต่อเนื่อง แม้ กปน.บริหารจัดการโดยการหลีกเลี่ยงการสูบน้ำดิบในช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุนสูงมาผลิตน้ำประปาตลอด แต่ยังคงมีความเค็มหนุนสูงเข้ามาในระบบ จึงส่งผลให้รสชาติของน้ำประปาในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ยืนยันขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

ล่าสุดกรมชลประทานและ กปน.ได้ร่วมมือกันดำเนินการไล่ลิ่มความเค็มด้วยการทดลองกระแทกลิ่มความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยวิธี Water Hammer of Chao Phraya River Flow Operation โดยผลการทดลองพบว่ามีค่าความเค็มลดลง ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานจะติดตามข้อมูลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันหาแนวทางบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดต่อไป


ทั้งนี้ กปน.ฝากความห่วงใยถึงประชาชนในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคไต หรือผู้ป่วยที่แพทย์ให้ควบคุมอาหารประเภทรสเค็ม รวมทั้งภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่อาจได้รับผลกระทบ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ฟอกย้อม ยา เลนส์ กระจก เหล็ก ฯลฯ และโรงพยาบาล ซึ่ง กปน.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ พร้อมให้คำแนะนำการดูแลรักษาระบบสำรองน้ำประปาและระบบกรองน้ำของแต่ละหน่วยงานแล้ว โดยสามารถตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาออนไลน์ด้วยตนเองทาง http://twqonline.mwa.co.th หรือ แอปพลิเคชัน MWA onMobile โดยเฉพาะข้อมูลค่าความนำไฟฟ้าและค่าคลอไรด์ (ค่าความนำไฟฟ้า คือ ความสามารถที่ยอมให้ไฟฟ้าไหลผ่าน เนื่องจากมีแร่ธาตุในน้ำมาก ซึ่งส่วนหนึ่งคือเกลือ ส่วนน้ำกลั่นไม่มีแร่ธาตุเลย ค่าความนำไฟฟ้าคือศูนย์ ขณะที่น้ำแร่ ถือเป็นน้ำที่มีแร่ธาตุสูง คือ มีค่าการนำไฟฟ้าสูงด้วยเช่นกัน) 

นายปริญญา กล่าวว่า กปน.ขอความร่วมมือประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัดใช้น้ำเท่าที่จำเป็น เพื่อสงวนน้ำดิบสำหรับการผลิตน้ำประปาไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งต่อไป นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนช่วยตรวจสอบก๊อกน้ำท่อน้ำประปาภายในบ้านและรีบซ่อมแซม หากมีการรั่วไหลเพื่อรักษาทรัพยากรน้ำอันมีค่า ซึ่งมีปริมาณน้ำที่น้อยลง เนื่องจากภัยแล้งในปัจจุบัน นอกจากนี้ หากประชาชนพบท่อประปาแตกรั่ว โปรดแจ้ง กปน.ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ MWA call center โทร. 1125 ตลอด 24 ชั่วโมง / แอปพลิเคชัน MWA onMobile / Line @ ในชื่อ @MWAthailand เพื่อช่วยกันลดน้ำที่จะสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง