บรรยากาศที่สถานีขนส่งหมอชิต-หัวลำโพงคึกคัก

สถานีขนส่งหมอชิต 28 ธ.ค.- บรรยากาศสถานีขนส่งหมอชิต และหัวลำโพงยังคึกคัก ประชาชนทยอยเดินทางกลับบ้านฉลองปีใหม่ บขส.เผยภาพรวมคนกลับบ้านวันแรกน้อยกว่าที่ประเมินไว้ 


บรรยากาศที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 ในช่วงเช้าวันนี้ วันแรกของวันหยุดในเทศกาลปีใหม่ ยังมีประชาชนทยอยเดินทางมารอขึ้นรถกลับภูมิลำเนาอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าเทียบกับเมื่อวานถือว่ายังไม่หนาแน่น โดยประชาชนที่เดินทางกลับในวันนี้ส่วนใหญ่เพราะที่ทำงานเพิ่งหยุด เช่นหญิงคนนี้ที่จะเดินทางกลับบ้านที่เพชรบูรณ์ แต่ตั๋วรถของ บขส.เต็มทุกที่นั่งแล้ว จึงต้องมารอซื้อตั๋วรถเสริมแทน บางคนมารอขึ้นรถกลับบ้านต่างจังหวัดตั้งแต่เช้า เพื่อรอขึ้นรถในช่วงเย็น  

สำหรับช่วงเทศกาลปีใหม่ บขส. คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 26-28 ธันวาคม จึงเพิ่มเที่ยวรถจากปกติวันละ 5,419 เที่ยว เพิ่มขึ้นอีก 2,800 เที่ยว โดยสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึงวันละ 165,802 คน และคาดว่าประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาในวันที่ 27-28 ธ.ค.มากที่สุดไม่ต่ำกว่า 160,000 คน 


ส่วนภาพรวมการเดินรถเมื่อวานนี้ มีประขาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาประมาณ 155,092 คน น้อยกว่าที่ประมาณการไว้ เนื่องจากประชาชนทยอยเดินทางกลับต่างจังหวัดไปแล้วก่อนหน้านี้ และส่วนหนึ่งใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง ส่วน บขส.ได้เตรียมรถโดยสารให้บริการกว่า 8,000 เที่ยว รองรับประชาชนได้กว่า 165,000 คน 

ขณะที่การจราจรโดยรอบสถานีขนส่งหมอชิต 2 ยังถือว่าเคลื่อนตัวได้ และจะมาชะลอตัวบริเวณประตูทางเข้า และบริเวณจอดรถแท็กซี่ที่ผู้โดยสารจะเดินเข้ามาในสถานีขนส่ง แต่ก็มีเจ้าหน้าที่มาอำนวยความสะดวกไม่ให้จอดแช่ ส่วนการดูแลความปลอดภัยในทุกประตูจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋าทุกใบ พร้อมทั้งตำรวจจาก สน.บางซื่อที่มาคอยดูแลความเรียบร้อยในช่วงนี้ด้วย 

ทั้งนี้ ในเที่ยวขากลับในวันที่ 1-3 มกราคม 2563 ทาง บขส.จะจัดเที่ยววิ่งจากปกติ วันละ 5,486 เที่ยว และเสริมเที่ยวรถอีก 2,118 เที่ยว รวม 7,604 เที่ยว ซึ่งจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 141,788 คน 


ที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ช่วงเช้าวันนี้ ยังคงมีผู้โดยสารทยอยเดินทางกลับต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2563 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขบวนรถระยะใกล้ เช่น ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี บ้านภาชี ตะพานหิน สภาพการโดยสารปกติ และสำหรับช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ ยังคงมีผู้โดยสารที่ได้สำรองตั๋วไว้เรียบร้อยแล้วมารอขึ้นขบวนรถไฟในช่วงบ่าย จนถึงค่ำ เพื่อจะเดินทางกลับไปให้ถึงภูมิลำเนาก่อนสิ้นปี ซึ่งการรถไฟฯ คาดว่าสามารถจัดส่งผู้โดยสารเดินทางกลับภูมิลำเนาได้หมดโดยไม่มีตกค้างทุกสถานี ทั้งนี้ การรถไฟฯ ได้เพิ่มขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสารในวันนี้ จำนวน 1 ขบวน ในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ คือ กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 22.00 ถึงเวลา 09.10 น. ประมาณการผู้โดยสารภาพรวมวันนี้ ประมาณ  90,000 คน ขบวนรถปกติ 244 ขบวน ขบวนรถเสริม 1 ขบวน

ขณะที่การรถไฟฯ ได้สรุปจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ เมื่อวานนี้ (27 ธ.ค. 2562) มีจำนวนทั้งสิ้น 104,315 คน แบ่งเป็น ผู้โดยสารขาออก 57,429 คน ผู้โดยสารขาเข้า 46,886 คน และผู้โดยสารขบวนรถเสริมพิเศษอีก 2,709 คน สำหรับเส้นทางที่มีผู้โดยสารเดินทางหนาแน่นที่สุด คือ สายใต้ มีจำนวน 32,592 คน รองลงมาคือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ 29,283 คน สายเหนือ 21,204 คน สายตะวันออก 12,418 คน และสายแม่กลอง 11,427 คน  

ทั้งนี้ การรถไฟฯ ยืนยันว่า มีขบวนรถไฟโดยสารได้อย่างเพียงพอ ตลอดเทศกาลปีใหม่ 2563 สำหรับผู้โดยสารที่จะเดินทางสามารถข้อมูล หรือเสนอแนะ แจ้งเหตุได้ที่สายด่วนศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมงสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจสภาพการจราจรทางเฮลิคอปเตอร์ จากกองบินตำรวจ ถนนรามอินทรา กทม. ตรวจการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิต ถนนมิตรภาพ บริเวณเนินมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และบริเวณเนินคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัด นครราชสีมา  และบริเวณจุดบริการประชาชน เทศบาลตำบลคลองไผ่ ซึ่งนายศักดิ์สยาม ได้รับฟังการบรรยายสรุปแผนการป้องกันอุบัติเหตุในเทศกาลปีใหม่ 2563 จากผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมให้กำลังใจ และมอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการอำนวยการดูแลประชาชนในตลอดเทศกาล

นายศักดิ์สยาม กล่าวถึงนโยบายกระทรวงคมนาคมในการอำนวยการเดินทางปีใหม่นี้ ภายใต้แนวคิดโครงการ “ใส่ใจกำลังสาม เดินทางอุ่นใจ ปลอดภัยตลอดปีใหม่” ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนด้านต่าง ๆ อาทิ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารปลอดภัย โดยตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถโดยสาร ณ จุดตรวจความพร้อมเข้มข้น (Checking Point) ทั้งการพักผ่อนที่เพียงพอและปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด ด้านถนนปลอดภัยให้ปรับปรุงถนน ผิวทาง สะพานให้พร้อม ติดป้ายรณรงค์แนะนำตักเตือนเรื่องความปลอดภัย ในส่วนของการก่อสร้างช่องทางจราจรให้คืนพื้นที่ผิวจราจรที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทุกโครงการ และบริหารจัดการจราจรให้สามารถเดินรถได้โดยสะดวก โดยเฉพาะในเส้นทางสายหลักที่มีปริมาณรถหนาแน่น เพื่อให้พี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้านด้วยความสะดวกและปลอดภัย พร้อมทั้งได้เตรียมความพร้อมในการให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ทุกด้าน เพื่อให้ได้รับความสะดวก และปลอดภัยในการเดินทางทุกมิติ

สภาพการจราจรบนถนนมิตรภาพ ช่วงลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา มีรถวิ่งหนาแน่นเต็ม 4 ช่องทางหลัก ขามุ่งหน้าสู่ 20 จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ยังสามารถวิ่งได้คล่องตัว ไม่มีปัญหาติดสะสม ทำความเร็วได้ 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตำรวจจราจร สภ.สีคิ้ว จัดกำลังคอยอำนวยความสะดวก และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมปิดจุดกลับรถอันตราย 4 จุด ตามเส้นทางถนนมิตรภาพ ตั้งแต่ลำตะคองไปจนถึงแยกต่างระดับสีคิ้ว พร้อมเตรียมเปิดช่องทางพิเศษ หากเกิดสถานการณ์รถติดสะสมหนัก เพื่อเร่งระบายรถให้วิ่งคล่องตัว อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าการจราจร ถ.มิตรภาพ ช่วงผ่าน จ.นครราชสีมา จะมีปริมาณรถยนต์หนาแน่นตลอดทั้งวัน เนื่องจากประชาชนชาวภาคอีสาน มีการเดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างคึกคัก

ขณะที่โรงพยาบาลพิมายนำผลไม้รถเปรี้ยวจัด ทั้งมะขาม มะยม มะม่วง   มาแจกให้กับผู้ขับขี่ ที่มีอาการง่วงซึม เมื่อยล้าจากการเดินทางระยะทางไกล บริเวณจุดบริการประชาชนบนถนนสายพิมาย-ชุมพวง ตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา โดยมีพยาบาลสาวสวย มาคอยยืนแจก จะเปรี้ยวแค่ไหน ดูจากสีหน้าพยาบาลได้เลย

ส่วนบริเวณท่าเทียบเรือโดยสาร ด่านศุลกากรบึงกาฬ เริ่มคึกคัก นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวไทยลาวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ต่างเดินทางกลับบ้าน ฉลองวันขึ้นปีใหม่เป็นจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศที่ท่าเรือด่านศุลกากรจังหวัดบึงกาฬเป็นไปอย่างคึกคัก นอกจากนี้ ยังมีชาวลาวบางส่วนเดินทางเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขากลับก็ยังซื้อสิ่งของเครื่องใช้สารพัดชนิด ติดมือกลับบ้านไปด้วย ซึ่งก็ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในชุมชน คาดในช่วงเทศกาลปีใหม่จังหวัดบึงกาฬจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนนับล้านบาท

ที่สถานีรถไฟอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี นักท่องเที่ยว แรงงาน และประชาชน ยังใช้บริการเดินทางมาท่องเที่ยวช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2563 จนที่นั่งเต็มทุกขบวนไปจนถึงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม การรถไฟแห่งประเทศไทย ต้องเพิ่มขบวนรถทั้งขาขึ้นและขาล่องจากปกติวันละ 11 ขบวน อีกวันละ 2 ขบวน ระหว่างวันที่ 27-28 ธ.ค.2562 และวันที่ 1-2 ม.ค.2563 โดยเป็นรถไฟที่นั่งชั้น 3 ทั้งหมด

ขณะที่ตำรวจ ทหาร และหน่วย รปภ.ของสถานี ระดมกำลังตรวจตราเข้มงวด ป้องกันมิจฉาชีพก่อเหตุช่วงที่มีนักท่องเที่ยวและประชาชนมาใช้บริการกันหนาแน่น และให้บริการคนชรากับเด็ก พร้อมประชาสัมพันธ์ห้ามผู้โดยสารยืนหรือนั่งตามทางเดิน บันไดรถไฟ เพราะอาจพัดตกจากรถไฟและถูกรถไฟทับเสียชีวิตได้ 

ส่วนการจราจรสายเอเชีย เส้นทางขึ้นภาคเหนือ ตั้งแต่เขตรอยต่ออำเภอมหาราชจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผ่านจังหวัดอ่างทองไปจนถึงเขตอำเภอพรหมบุรี จังหวัดอ่างทอง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ปริมาณรถที่เดินทางขึ้นเหนือเพิ่มขึ้นหนาแน่นจนเต็มทุกช่องทาง โดยเฉพาะสายเอเชีย กม.ที่ 59 ซึ่งเป็นจุดพักสถานีบริการน้ำมันและจุดพักรถ จุดแรกก่อนเดินทางขึ้นภาคเหนือ การจราจรติดขัดอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ต้องจัดช่องทางการจราจรด้านซ้าย 1 ช่องทาง ให้รถที่จะแวะเข้าพักภายในสถานีบริการน้ำมันใช้เป็นทางเข้าออก เพื่อลดปัญหา ขณะเดียวกันได้เปิดช่องทางการจราจรพิเศษในช่องทางขาเข้ากรุงเทพ 1 ช่องทางช่วง กม.ที่ 57-61 อ.ไชโย จ.อ่างทอง เพื่อให้ประชาชนที่ไม่ต้องการแวะพักใช้เส้นทาง แก้ไขปัญหาการจราจร โดยเริ่มเปิดช่องทางพิเศษตั้งแต่ช่วง 08.00 น.วันนี้ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง คาดว่าในช่วงเย็นวันนี้จะมีปริมาณรถเพิ่มมากขึ้น ด้านเจ้าหน้าที่แนะให้ประชาชนที่จะเดินทางขึ้นภาคเหนือให้ใช้เส้นทางเลี่ยงจากถนนสายเอเซียไปทางถนนทางหลวงสาย 33 ที่แยกป่าโมก เข้าถนนเลี่ยงเมือง จ.สุพรรณบุรี เข้าสู่ จ.ชัยนาท ก่อนไปบรรจบถนนสายเอเชียอีกครั้ง หรือเข้าตัวเมืองอ่างทองใช้ถนนสาย 309 สิงห์บุรี สายเก่า เข้าจังหวัดชัยนาท ก็จะได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น และคาดช่วงเย็นปริมาณรถยังคงเพิ่มต่อเนื่อง

สำหรับรถไฟที่จะขึ้นภาคเหนือ พบว่าเต็มทุกที่นั่ง แต่ก็ยังคงมีประชาชนยอมซื้อตั๋วยืนเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว เช่นที่สถานีรถไฟจังหวัดพิจิตร  ขบวนรถไฟในเส้นทางสายเหนือ 2 ขบวนแรกในช่วงเช้า คือ ขบวนที่ 407 ต้นทางจากสถานีนครสวรรค์ปลายทางสถานีเชียงใหม่ และขบวนที่ 202 ต้นทางจากสถานีพิษณุโลกปลายทางกรุงเทพฯ มีประชาชนใช้บริการเต็มทุกที่นั่งในทุกตู้โดยสาร ส่งผลให้ประชาชนชาวพิจิตรที่รอการโดยสารและไม่ได้จองซื้อตั๋วโดยสารไว้ล่วงหน้า จึงต้องซื้อตั๋วยืนหรือตั๋วแบบไม่มีที่นั่งสำหรับการเดินทางกลับแทน

ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกระบี่คึกคัก มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ซึ่งทางขนส่งจังหวัดกระบี่   ได้เตรียมเพิ่มรถโดยสารประจำทางสำรองเพิ่มอีก 20 คัน เพื่อรองรับผู้เดินทางในช่วงเย็นและค่ำวันนี้เพื่อไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง  

เช่นเดียวกับที่จังหวัดตราด ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดตราด รถยนต์โดยสารปรับอากาศที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานครทยอยนำประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เดินทางสู่จังหวัดตราด เพื่อกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวยังหมู่เกาะช้าง และเกาะอื่น ๆ ในจังหวัดตราด

นายศิริพงษ์ ฆ้องวงศ์ นายสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดตราด เปิดเผยว่าในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารทั้งภาคเอกชน และบริษัท ขนส่ง จำกัด ได้เสริมรถยนต์โดยสารมาที่จังหวัดตราดปกติมีประมาณ 15 เที่ยว เป็น 30 เที่ยวต่อวัน เพื่อเป็นป้องกันปัญหาผู้โดยสารตกค้าง ประกอบกับมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องการเดินทางไปพักผ่อนตามหมู่เกาะต่าง ๆ ของจังหวัดตราด อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวเหล่านี้บางส่วนต่างเข้าคิวเพื่อจองตั๋วกลับไว้ล่วงหน้า เพื่อความสะดวก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย