โชเฟอร์แท็กซี่เหยื่อแม่สาวออทิสติกตบทรัพย์แจ้งความ

อุดรธานี 27 ธ.ค.-โชเฟอร์แท็กซี่สนามบินอุดรธานี เข้าแจ้งความ สภ.เมืองอุดรธานี ถูกหญิงจัดฉากส่งลูกสาวออทิสติกไปนอนกับชายหนุ่มเพื่อตบทรัพย์หนุ่ม


กรณีเมื่อวานนี้(26 ธ.ค.) ตำรวจจับกุมนางเอ และพวกอีก 6 คน ที่นำลูกสาวออทิสติก ส่งไปร่วมหลับนอนกับชายหนุ่ม ก่อนแต่งชุดข้าราชการไปกรรโชกทรัพย์ ตั้งแต่ 50,000 ถึง 500,000 บาท โดยมีหนุ่มอุดรธานีตกที่เป็นเหยื่อรายล่าสุด สูญเงินไป 250,000 บาท  และแจ้งความจนทางตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ตามจับกุมตัวได้ ล่าสุดวันนี้ มีแท็กซี่ เหยื่อของแม่สาวออทิสติก ซึ่งถูกตบทรัพย์เข้าแจ้งความเพิ่ม


นายนรินทร์ มาคะดิลก อายุ 66 ปี โชเฟอร์แท็กซี่สนามบินอุดรธานี นำหลักฐานสลิปโอนรวมเงิน 15,000 บาท เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นางเอ อายุ 39 ปี ที่ตกเป็นข่าว จัดฉากส่งลูกสาวออทิสติกไปตบทรัพย์หนุ่ม นายนรินทร์ เผยว่า เคยถูกนางเอ หลอกให้โอนเงินไปให้หลายครั้ง ระหว่างวันที่ 16-17 ธันวาคมที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 15,000 บาท ตนกำลังรวมรวมหลักฐานเพื่อจะมาแจ้งความ แต่เมื่อคืนเห็นข่าว นางเอ ถูกตำรวจอุดรธานีจับกุม แม้จะมีการเบลอหน้า แต่จำชื่อ และเรื่องราวเด็กสาวออทิสติกได้ มั่นใจว่าเป็นคนเดียวกัน 

โดยพฤติการณ์ของนางเอ วันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้ติดต่อเหมารถของตนเดินทางไป จ.นครราชสีมา 5,000 บาท โดยบอกว่าจะไปเอารถเบนซ์ที่จอดไว้ไปทำธุระต่อ โดยมีลูกสาวที่เป็นออทิสติกและผู้หญิงอีกคนเดินทางไปด้วย ระหว่างนั่งรถได้พูดคุยหลายเรื่อง ทั้งเรื่องลูกสาวถูกล่วงละเมิดทางเพศ เธอยังทำทีขอซื้อแผ่นซีดีเพลงเก่าในรถแผ่นละ 500 บาท และเมื่อถึงที่โคราช เธอจ่ายเงินค่าเหมารถ 5000 บาท  และให้ทิปตนอีก 1,000 บาท พร้อมขอเบอร์โทรศัพท์ไว้  ไม่คิดเลยว่าจะเป็นการ “ขุดบ่อล่อปลา”   เพราะวันต่อมาเธอได้โทรมาหาขอความช่วยเหลือยืมเงินเติมน้ำมัน 5000 บาท เนื่องจากไปเสียพนันที่บ่อนปอยเปตหมดตัว ญาติโอนเงินให้ไม่ได้ ตนจึงโอนเงินไปให้ 5,000 บาท เช้าวันต่อมาโทรมาอีก บอกว่าขับรถไปชนเด็ก และทำตู้กระจก ต้องพาเด็กไปหาหมอ และจ่ายค่าตู้กระจก มีการให้ตนคุยกับพ่อเด็กที่บาดเจ็บ และเจ้าของของตู้กระจก ทำให้เชื่อ แต่ขณะนั้นตนไม่มีเงิน จึงให้ลูกโอนมาให้ 3,000 บาท เพื่อที่จะได้โอนไปให้นางเอ จากนั้นก็ไปยืมเงินจากอู่รถที่รู้จักกัน เพื่อโอนไปให้อีก รวมเป็นเงิน 15,000 บาท โดยเธอบอกว่าเมื่อกลับถึงอุดรฯ จะเคืนให้ แต่ก็เงียบหายไป และติดต่อไม่ได้ พยายามตามหาจากเบอร์โทร และเลขบัญชีที่โอนเงินให้ จึงรู้ชื่อ-นามสกุล และเมื่อมาทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมด เชื่อว่า นางเอ ไม่ได้ทำเพียงคนเดียว แต่ทำกันเป็นขบวนการ


ร.ต.ท.เกรียงไกร แสวงศรี รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เผย จากการสอบสวนทราบว่า นางกัญญ์ณณัฎฐ์ มีพฤติกรรมใช้อุบายต่าง ๆ  เพื่อหลอกเหยื่อ เบื้องต้นจะนำข้อมูลส่งให้ชุดสอบสวน ภ.จว.อุดรานี ที่จับกุมตัว ให้ทำการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้านพักนายตั้ม (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี เหยื่อที่ถูกหลอกให้จัดพิธีหมั้นและแต่งงาน ที่อ.หนองหาน พบญาติๆกำลังจับกลุ่มพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว โดยต่างพากันสลดใจที่แม่แท้ๆ พาลูกสาวป่วยออทิสติกมาทำเรื่องแบบนี้ พร้อมนำภาพรูปถ่ายงานหมั้นระหว่าง นายตั้มฯ และน.ส.บี มาให้ดู นายตั้ม เผยว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ได้เล่นแอปพลิเคชันหาคู่ และรู้จักกับ น.ส.บี อายุ 16 ปี อ้างว่าเรียนอยู่ ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร และแลกเบอร์โทร ก่อนนัดพบกันวันที่ 3 มิถุนายน ที่โรงพยาบาลหนองหาน ซึ่ง น.ส.บี หน้าตาดี แต่ไม่ค่อยพูด จึงพาไปร่วมหลับนอนที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง กระทั่งเช้าได้ไปส่งขึ้นรถบัสโดยสารกลับไป ส่วนตนไปทำงานตามปกติ

จากนั้นไม่นาน มีหญิง 2 คน ใส่ชุดข้าราชการ อ้างตัวเป็นแม่กับป้า น.ส.บี มาโวยวาย ว่าตนพาลูกสาวไปร่วมหลับนอน จะแจ้งความจึงกลับบ้าน พบนางเอแต่งชุดข้าราชการอ้างตัวเป็นครูอยู่ที่ จ.สกลนคร และนางซี อ้างตัวเป็นป้า และมีชายเป็นคนขับรถปิกอัพมาที่บ้าน พูดจาข่มขู่ตน อ้างว่าพ่อ น.ส.บี เป็นตำรวจยศพันตำรวจโท เป็นรองผกก.สังกัด สภ.น้ำโสม หากรู้เรื่องตนจะต้องถูกดำเนินคดีพรากผู้เยาว์

นายตั้ม กล่าวว่า ตอนนั้นรู้สึกตกใจจึงให้พ่อช่วยเจรจา ซึ่งทางนั้นเรียกค่าเสียหาย 3 แสน ต่อรองเหลือ 2.5 แสนบาท โดยจ่ายก่อน 5 หมื่นบาท อีก 2 แสนให้ไปจ่ายที่บ้านใน อ.น้ำโสม และจัดพิธีหมั้นหมายด้วย และให้สัญญาว่าจะส่ง น.ส.บี เรียนจนจบปริญญาตรี จึงจะแต่งงาน เมื่อถึงวันที่ 8 มิถุนายน ตนและญาติ 30 คน เดินทางไปทำพิธีหมั้นหมายที่บ้านโนนสมบูรณ์ ต.น้ำโสม และมอบเงินที่เหลือให้  โดยมีพิธีผูกข้อต่อแขนตามประเพณี มีญาติผู้ใหญ่ของตนไปร่วมงานหลายคน แต่ผิดสังเกตที่บ้านน.ส.บี มีญาติไม่ถึง 10 คน มาร่วมพิธี พอพิธีหมั้นเสร็จ ตนก็อยู่ที่บ้าน 2 วัน เริ่มผิดสังเกตุหลายเรื่อง จนกระทั่งทราบว่าถูกจัดฉากกรรโชกทรัพย์ โดยนางเอ เป็นแม่ น.ส.บี จริง แต่ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นพ่อ จึงให้ป้าและลุงรับเป็นลูก ซึ่ง น.ส.บี เป็นเด็กพิการทางสมอง ระดับ 4 เมื่อเริ่มโตเป็นสาว อายุประมาณ 15 ปี นางเอ ได้วางแผนพาลูกสาวไปหลับนอนกับผู้ชาย แล้วกรรโชกทรัพย์ รายละ 50,000-500,000 แสนบาท จึงสงสารเพราะเห็นว่าตนจริงใจกับ น.ส.บี โดยมีผู้ชายเจอแบบนี้แล้วหลายราย ตนจึงแจ้งตำรวจดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

พล.อ.ณัฐพล เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.-พล.อ.ณัฐพล รมช.กห. เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session of Thailand […]

“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด จับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาส

กทม. 7 ส.ค.-“บิ๊กเต่า” ลุยค้น 3 จุด บุกจับอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร – อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ก๊วนกิ๊กเก่า “สีกากอล์ฟ” หลังพบทุจริตยักยอกเงินวัด เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปาตแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เปิดปฏิบัติการ “กอล์ฟทีม EP.1” บุกค้นเป้าหมาย 3 จุด ใน จ.สุราษฎร์ธานี จ.พิจิตร และ จ.สมุทรสงคราม เพื่อจับกุมอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ และ คนใกล้ชิด ที่เคยพัวพันสัมพันธ์ฉาวสีกากอล์ฟ หลังพบกระทำผิดทุจริตยักยอกเงินวัดมาใช้ดูแลสีกา เป้าหมายจุดแรกที่เข้าตรวจค้นเป็นสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของนายทิวากร ดีไพร หรือ […]

มท.1 เด้งฟ้าผ่า ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี

เมืองทองธานี 7 ส.ค.-รมว.มหาดไทย สั่งเด้งฟ้าผ่า “ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี” ก่อนประชุมมอบนโยบายกระทรวงมหาดไทย เหตุมีปัญหาเบิกจ่ายงบประมาณดูแลประชาชนได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ว่า ได้มีการสั่งย้าย ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,600 บาท จากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100 ล้านบาท ส่วนจะย้ายชั่วคราว หรือถาวรน้้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า จะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้ อย่างไรก็ตาม มีการยืนยันจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ว่าได้เดินทางมาร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย​ แต่ปฏิเสธที่จะแสดง​ความเห็น​ และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน.-315.-สำนักข่าวไทย