CIMBT คาดปี 63 เศรษฐกิจไทยโต 2.7 %

กรุงเทพฯ 26 ธ.ค. – CIMBT คาดปี 63 เศรษฐกิจไทยโต 2.7 % การท่องเที่ยว-การลงทุนภาครัฐยังเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ


นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกปีหน้าคาดโต 3% ส่วนเศรษฐกิจไทยคาดโต 2.7% ส่วนตัวมองว่าไม่ได้แย่มากมากนัก แต่ก็ไม่ได้เติบโตอู้ฟู้รวดเร็วเหมือนที่ผ่านมา มีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวยังเติบโตได้และการลงทุนของภาครัฐ โดยปีหน้า คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงิน ส่วนค่าเงินบาทปีหน้า คาดจะแข็งค่าขึ้นเพียงเล็กน้อย เคลื่อนไหวในกรอบ 29.5 -29.7 บาทต่อดอลลาร์

ซีไอเอ็มบีไทยคาดแนวโน้มกำไรก่อนหักภาษีในปี 2563 จะเติบโตขึ้น 20% จากปี 2562 ที่คาดว่าจะมีกำไรก่อนหักภาษี 1,800 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 600% จากปีก่อนที่ 271 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มการตั้งสำรองมีการปรับตัวลดลง จากปี 2561 ที่ 4,900 ล้านบาท ลดลงมาเหลือกว่า 2,000 ล้านบาทในปีนี้หลังจากระดับหนี้เสียได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว 


ทั้งนี้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาธนาคารได้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ตามกลยุทธ์ Fast Forward ให้กระจายตัวไปในกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำลง จากการปรับสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อไปที่กลุ่มลูกค้ารายย่อยและรายใหญ่มากขึ้น จากเดิมที่มีกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีค่อนข้างมาก ทำให้ปัจจุบันธนาคารไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาของกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีเหมือนกับธนาคารขนาดใหญ่ในระบบ ทำให้ควบคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ในระดับทรงตัวที่ 5% และตั้งเป้าลดลงต่ำกว่า 5% ในปี 63 จากการควบคุมคุณภาพหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้ และการขายหนี้

พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายสินเชื่อรวมในปี 2563 เติบโต 10% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 10% เช่นเดียวกัน โดยมองว่า สินเชื่อที่จะเติบโตมากที่สุด คือ สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่จะขยายตัวมากที่สุด 12-13% จากการลงทุนภาคเอกชนรายใหญ่ที่ยังขยายการลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งซีไอเอ็มบีมีจุดแข็งที่มีเครือข่ายอยู่ในหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน ช่วยขยายการลงทุนให้ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ขณะที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในปี 2563 ที่จะทยอยออกมา ก็จะทำให้ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ได้รับอานิสงส์ไปด้วย  ด้านสินเชื่อรายย่อยตั้งเป้าโต 8% ซึ่งจะเป็นการเติบโตที่มาจากสินเชื่อส่วนบุคคล หลังจากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาธนาคารเห็นความต้องการใช้สินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการขอสินเชื่อบุคคลผ่านช่องทางดิจิทัล  ซึ่งธนาคารเตรียมแผนเน้นปล่อยสินเชื่อผ่านดิจิทัลมากขึ้นจากปีนี้ 14% เป็น 42% ในปีหน้า หรือคิดเป็นมูลค่า 3 พันล้านบาท ของสัดส่วนสินเชื่อรายย่อย

นอกจากนี้ในปี 2563 ธนาคารตั้งเป้าจะเป็นธนาคารที่สามารถทำธุรกรรมผ่าน Digital Platform ได้ 100% เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด ด้วย 3 แอพพลิเคชั่นหลัก คือ 1. CIMB THAI Digital Banking สำหรับทำธุรกรรมพื้นฐานโอนเงิน ชำระเงิน ซื้อขายกองทุน 2. Mobile Lending สำหรับปล่อยสินเชื่อบุคคลและสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ผ่านมือถือ และ 3. Debt Consolidation การรวมหนี้เพื่อรีไฟแนนซ์ลดภาระดอกเบี้ยให้ถูกลง ซึ่งเป็น Digital Platform ที่สามารถทำงานได้รวดเร็วและง่าย รวมถึงการนำบริการที่เชื่อมโยงกับพันธมิตรที่เป็น Non-Bank เข้ามาเสริมบริการให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้หลากหลายมากขึ้น พร้อมตั้งเป้ามีผู้ใช้งาน Digital Platform ของธนาคารในปี 2563 ไว้ที่ 500,000 ราย


ส่วนการพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นของธนาคารนั้น ธนาคารยังคงรอการพิจารณาความเหมาะสมจากคณะกรรมการธนาคารก่อน ซึ่งแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2562 มีกำไรดีขึ้นมาต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสกลับมาจ่ายปันผลในงวดปีนี้ให้กับผู้ถือหุ้นได้ แต่ยังคงต้องรอดูว่าที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารจะพิจารณาความเหมาะสมในเรื่องดังกล่าวอย่างไร หลังจากที่ธนาคารงดการจ่ายเงินปันผลมาต่อเนื่อง . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ลั่นต้องมีผู้รับผิดชอบตึก สตง.ถล่ม ทำโมเดลขีดเส้น 90 วัน

นายกฯ ดึง 4 สถาบันวิศวะ บวก กรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมทำโมเดลเหตุตึก สตง.แห่งใหม่ถล่ม ขีดเส้น 90 วัน ลั่น ต้องมีผู้รับผิดชอบแน่นอน พร้อมฟันระหว่างทางถ้าพบทำผิดกฎหมาย สั่ง ตรวจตึกทั้งรัฐและเอกชนใหม่ทั้งหมด เข้ม ปลอดภัยรับแผ่นดินไหว ชี้ เอกชนขู่ถอดถอน รมว.อุตสาหกรรม ไม่ได้ เพราะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

อุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง

กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 40% กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก