กรุงเทพฯ 25 ธ.ค.- ตำรวจคุมผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ทองคำหนัก 100 บาท มูลค่า 2 ล้านบาท ที่ร้านทองย่านลาดพร้าว-วังหิน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจับกุมได้ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก อ้างทำไปเพราะไม่มีเงินใช้หลังตกงาน
ตำรวจคุมตัวนายนิพัฒน์ ใจชอบสันเทียะ อายุ 31 ปี อดีตลูกจ้างประจำของหน่วยงานภาครัฐแห่งหนึ่ง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังก่อเหตุจี้ชิงทองจากร้านทองเยาวราชเอเชีย ในห้างสรรพสินค้าย่านลาดพร้าว-วังหิน เมื่อเย็นวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา
โดยตำรวจสามารถจับกุมได้พร้อมสร้อยคอทองคำ 44 เส้น, สร้อยข้อมือทองคำ 9 เส้น, กำไล 4 อัน, แหนบทองคำ 2 อัน น้ำหนักรวมทั้งสิ้นกว่า 80 บาท มูลค่ากว่า 1 ล้าน 6 แสนบาท , อาวุธปืนขนาด .11 มม. และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ
โดยคนร้ายจอดรถจักรยานยนต์ไว้ที่ซอยหลังร้าน ก่อนจะเดินไปที่ร้านทอง แล้วใช้อาวุธปืนยิงประตูกระจกร้านทองแตก และผงักเข้าไปภายในร้าน จากนั้นใช้ปืนจี้พนักงานในร้าน พร้อมกระโดดข้ามเคาท์เตอร์ไปที่ถาดใส่ทอง โดยจะเลือดถาดที่ใส่ทองมูลค่ามากที่สุด เช่น ทอง 5-10 บาท แต่เปิดกระจกไม่ออก เลยหันไปคว้าถาดทองเส้นละ 1 บาท ก่อนจะโกยทองทั้งหมดลงถุงพลาสติกและวิ่งออกจากร้าน ขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไปที่บ้านญาติในจังหวัดกำแพงเพชร โดยเอาทองใส่ขวดน้ำ และกรอกข้าวสารตามลงไปเพื่อป้องกันความชื้น และนำไปถ่วงคลองหลังบ้าน โดยนำทองติดตัวไปเพียง 2 เส้น และหลบหนีต่อขึ้นไปที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
คดีนี้ตำรวจไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดคนร้าย ย้อนไปถึงช่วงก่อนเกิดเหตุ พบว่าคนร้ายขับรถจักรยานยนต์ออกมาจากหอพักแห่งหนึ่งภายในซอยพหลโยธิน 53 แยก 11 และกล้องวงจรปิดของหอพักสามารถจับภาพชายที่มีรูปพรรณตรงกับคนร้ายไว้ได้ ตำรวจจึงไปขอศาลอนุมัติหมายจับและเข้าควบคุมตัวนายนิพัฒน์ไว้ได้ ก่อนจะหลบหนีออกนอกประเทศ
ขณะที่พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า คนร้ายรับสารภาพ อ้างว่าต้องการจะนำเงินไปใช้จ่าย เนื่องจากไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง แต่ทองที่ได้ยังไม่ทันจะได้นำไปขาย ส่วนอาวุธปืนซื้อมาอย่างถูกกฎหมาย ด้วยเงินสด 1 แสน 5 หมื่นบาท และไปดูลาดเลาที่ร้านล่วงหน้า โดยอ้างไม่ทราบมาก่อนว่าร้านทองดังกล่าวเคยถูกชิงทรัพย์มาหลายครั้งแล้ว แต่เลือกร้านดังกล่าวเพราะมีเส้นทางหลบหนีสะดวก
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ก่อนจะคุมตัวไปฝากขังต่อศาลอาญาภายในวันพรุ่งนี้ .- สำนักข่าวไทย