กรุงเทพฯ 23 ธ.ค. – สมอ.ประกาศใช้มาตรฐานเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกภาคส่วนใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2562 สมอ.ได้ประกาศใช้มาตรฐานเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy : CE) หรือมาตรฐานการใช้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนในองค์กร มาตรฐานเลขที่ 2-2562 เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกภาคส่วนนำไปใช้ในการจัดการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตั้งแต่การผลิต การใช้งาน และและการนำกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นวัตถุดิบใหม่ รวมถึงการออกแบบการดำเนินงานของธุรกิจ และการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือบริการ เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่องค์กรทั้งทางตรง และทางอ้อม ส่งผลให้ปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นมีจำนวนลดน้อยลง จนกระทั่งนำไปสู่การไม่มีของเสีย โดยมาตรฐานนี้ไม่ใช่มาตรฐานเพื่อการรับรอง เป็นมาตรฐานที่กำหนดเกี่ยวกับแนวทางการใช้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนในองค์กร ที่ สมอ.กำหนดขึ้น เพื่อให้ทุกหน่วยงานในประเทศไทยที่สนใจสามารถนำไปใช้ได้
นายวันชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การกำหนดมาตรฐานดังกล่าวสอดคล้องตามนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม และนโยบายรัฐบาลด้านบีซีจี (BCG ) ที่มุ่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานราก หรือเศรษฐกิจชีวภาพ มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า คำนึงถึงการนำวัสดุต่าง ๆ กลับมาใช้ประโยชน์มากที่สุด และมุ่งแก้ไขปัญหามลพิษ ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจให้มีความเติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนและสร้างความยั่งยืนให้กับระบบเศรษฐกิจของไทย ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ในโลก ที่มีการกำหนดมาตรฐานเศรษฐกิจหมุนเวียนนี้ สำหรับประเทศแรกที่ประกาศใช้มาตรฐานนี้ คือ อังกฤษ โดย สมอ.จะผลักดันให้ทุกภาคส่วนนำมาตรฐานดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานในองค์กร และการดำเนินธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลให้บรรลุเป้าหมาย
“มาตรฐานเศรษฐกิจหมุนเวียน สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกองค์กร ทุกขนาด และทุกประเภท โดยไม่คำนึงถึงสถานที่ตั้ง และรูปแบบการดำเนินธุรกิจ โดยมีหลักการที่สำคัญคือ การใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และลดการผลิตของเสียให้น้อยที่สุด มาตรฐานนี้จึงสามารถนำมาใช้จัดการกับปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรในอนาคต และเป็นการสร้างอนาคตที่ดีให้แก่เยาวชนรุ่นลูกรุ่นหลานของเราได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีและมีทรัพยากรที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตต่อไป” เลขาธิการ สมอ. กล่าว.-สำนักข่าวไทย