ภาษีที่ดิน เริ่ม 1 ม.ค.63

กรุงเทพฯ 21 ธ.ค.- เหลืออีกไม่กี่วันเท่านั้น การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก็จะได้ฤกษ์ใช้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ 1 ม.ค.63 เป็นต้นไป จะเสียกันอย่างไร ใครต้องจ่ายบ้าง และจะเสียภาษีกันเยอะขึ้นจริงไหม 


ใครต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คำนวณจากอะไร

ผู้เสียภาษี คือ ผู้มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ณ วันที่ 1 ม.ค. 63 ทุกคน หมายถึงหากใครมีชื่ออยู่ในหลังโฉนด ไม่ว่าจะเป็นบ้าน อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม ที่ดินเปล่า โรงงาน เข้าข่ายต้องเสียภาษีทั้งหมด โดยคำนวณอัตราภาษีตามมูลค่าของราคาประเมินทุนทรัพย์ของกรมธนารักษ์  ซึ่งในปี 63 ให้นำบัญชีราคาประเมินฯ ปี 59 – 62 มาใช้ประเมิน โดยผู้ถือครองจะต้องไปจ่ายภาษีตามพื้นที่การถือครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้แก่ เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สำนักงานกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา โดยถือเป็นรายได้ภาษีตรงเพื่อนำไปใช้พัฒนาท้องถิ่น


ภาษีที่ดินฯ มีอัตราอย่างไรบ้าง 

อัตราภาษีที่ใช้จัดเก็บจะดูจากการใช้ประโยชน์ โดยเก็บเป็นอัตราก้าวหน้า ยิ่งมีมากก็ยิ่งเสียภาษีมาก แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1 .ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมซึ่งเสียภาษีต่ำสุดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพียงล้านละ 100-1,000 บาท 2.ที่ดินสำหรับอยู่อาศัยเสียล้านละ 200-1,000 บาท 

3.ที่ดินเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม การปล่อยเช่า เสียภาษีล้านละ 3,000-7,000 บาท 4.ที่ดินเปล่าเสียภาษีล้านละ 3,000-7,000 บาทเท่ากับอัตราเชิงพาณิชย์ แต่มีการเก็บเพิ่มขึ้นทุกปี


สามารถตรวจสอบสิทธิการเสียภาษีอย่างไรได้บ้าง 

ที่ผู้เสียภาษี สามารถไปตรวจสิทธิที่สำนักงานเขต หรือ อปท.ในพื้นที่ เพื่อดูบัญชีรายการที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีการระบุประเภท ขนาด และลักษณะการใช้ประโยชน์ถูกต้องหรือไม่ หากผู้เสียภาษีพบว่าบัญชีไม่ถูกต้อง สามารถยื่นคำร้องต่อผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อแก้ไขให้ถูกต้องได้ และต่อมาควรตรวจสอบแบบประเมินภาษีที่ อปท. และสำนักงานเขตแจ้งมาว่า การใช้ราคาประเมินและอัตราภาษีตรงตามมูลค่าและการใช้ประโยชน์หรือไม่ หากไม่ถูกต้อง ก็สามารถยื่นคัดค้านและอุทธรณ์ได้เช่นกัน

ภาษีที่ดินเลื่อนไปเดือน ส.ค.63 จริงหรือ และปล่อยโอนต้นปีหน้าได้หรือไม่

กระทรวงการคลังยืนยันแล้วว่าไม่จริง เพราะประกาศเลื่อนของมหาดไทยเป็นแค่ขั้นตอนปฏิบัติในการรับชำระภาษี ซึ่งปีแรกจะช้าไปจากเดิม 4 เดือน จากเดือน เม.ย.ไปเป็นเดือน ส.ค. แต่คนจ่ายก็ยังเสียเท่าเดิม เพราะการประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ยังยึดวันที่ 1 ม.ค.63 เหมือนเดิม ไม่มีการเลื่อนเวลาประเมินออกไป ดังนั้น หากใครไม่ต้องการเสียภาษี ด้วยการผ่องถ่ายทรัพย์สิน ขายบ้านที่ดิน หรืออยากโอนไปให้ลูกหลานญาติพี่น้อง จะต้องเร่งขายเร่งโอนให้เสร็จภายในสิ้นปี 62 นี้ อย่างไรก็ตาม ผู้โอนก็ต้องคิดให้ดีว่า การโอนจะคุ้มค่ากับภาษีที่จะเสียหรือไม่ เพราะค่าโอนเปลี่ยนกรรมสิทธิจะมีค่าใช้จ่ายล้านละ 30,000 บาท ขณะที่ภาษีที่อยู่อาศัยเสียเพียงล้านละ 200 บาทเท่านั้น

คนมีบ้านสำหรับอยู่อาศัยต้องเสียภาษีหรือไม่ หรือเสียอย่างไร 

ในส่วนของคนมีบ้าน คอนโดมิเนียม หากมีเพียงหลังเดียวและเป็นเจ้าของบ้านและที่ดินราคาไม่เกิน 50 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นการเสียภาษี ซึ่งปัจจุบันมีบ้าน คอนโดมากถึง 99.6% ที่ราคาต่ำกว่า 50 ล้านบาทอาจไม่เข้าข่ายเสียภาษี ส่วนคนที่เป็นเจ้าของตัวบ้านอย่างเดียว แต่ไปปลูกบนที่ดินคนอื่นจะได้รับการยกเว้นเฉพาะส่วนตัวบ้าน 10 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่คนที่มีบ้านเกิน 1 หลัง หลังสอง สาม สี่ ต้องเข้าข่ายเสียภาษีในอัตรากำหนด จะนับบ้านหลังไหนเป็นหลังหลัก กฎหมายกำหนดให้นับหลังที่มีชื่อตนเองในโฉนดและในทะเบียนบ้านเป็นบ้านหลังหลัก ดังนั้น ระหว่างนี้ ผู้มีบ้านหลายหลังสามารถเลือกย้ายชื่อตัวเองไปทะเบียนบ้านหลังที่มีราคาประเมินสูงสุด เพื่อให้ได้รับเสียภาษีต่ำสุด

พื้นที่เกษตรกรรม เสียภาษีอย่างไร

ภาคเกษตรกรรม เป็นกลุ่มที่รัฐดูแลเป็นพิเศษเช่นกัน โดยในปีแรกจะมีการยกเว้นสำหรับประชาชนทั่วไปที่ถือครองที่ดินเกษตรกรรมไม่เกิน 50 ล้านบาท ซึ่งช่วยให้เกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศไม่มีภาระภาษีนี้ แต่จะไม่ยกเว้นภาษีให้สำหรับนิติบุคคลที่ถือครองที่ดินทำการเกษตร เช่น เป็นนิติบุคคลถือครองที่ดินเกษตรกรรม 20 ล้านบาท ก็ต้องเสียล้านละ 100 บาทตั้งแต่บาทแรก ส่วนกรณีเป็นเจ้าของที่ดินที่เกิน 50 ล้านบาทก็ต้องเสียภาษีตามอัตราที่กำหนด

ผู้ถือครองที่ดินเปล่าเสียภาษีอย่างไร

ผู้ถือครองที่ดินเปล่า เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากภาษีที่ดินมากสุด เพราะภาครัฐต้องการแก้ปัญหานายทุนถือครองเก็งกำไร ให้นำที่ดินออกมาใช้พัฒนาให้มากสุด ดังนั้น กลุ่มนี้จะต้องเสียภาษีทุกกรณี เริ่มตั้งแต่บาทแรกที่มี โดยในปีแรกเสียภาษีเริ่มต้นล้านละ 3,000 บาท สูงสุดถึงล้านละ 7,000 บาท และจะมีการปรับขึ้นทุกปีอีก ล้านละ 3,000 บาททุกปี จนถึงเพดานสูงสุดล้านละ 30,000 บาท

ปล่อยเช่าบ้าน เช่าที่ดิน เสียภาษีอย่างไร

กรณีการปล่อยให้เช่าบ้าน เช่าคอนโดฯ เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่หลังโฉนดจะต้องเป็นคนเสียภาษี โดยคิดอัตราภาษีเชิงพาณิชย์ เริ่มต้นล้านละ 3,000 บาทเช่นกัน ส่วนกรณีที่เป็นเจ้าของบ้าน และปล่อยให้เช่าเฉพาะชั้นแรกให้ขายของ และชั้นสองเป็นที่อยู่อาศัยของตัวเอง การเสียภาษีจะถูกคิดภาษีเชิงพาณิชย์ในชั้นแรก และในชั้นที่ 2 จะคิดอัตราที่อยู่อาศัย แต่หากเป็นบ้านหลังหลักไม่เกิน 50 ล้านบาทก็จะรับยกเว้นภาษีเฉพาะชั้นสอง แต่ชั้นแรกยังเสียเหมือนเดิม

มีที่ดินเปล่าจำนวนมาก จะบริหารอย่างไรให้เสียภาษีน้อย

เศรษฐีที่ดินส่วนมาก แก้ปัญหาด้วยการนำไปใช้ทำการเกษตร เช่น ปลูกกล้วย ปลูกมะนาว ปลูกผักสวนครัว แต่ในกรณีนี้ก็จะมีการกำหนดเช่นกันว่า ในพื้นที่ 1 ไร่ หากปลูกกล้วยจะต้องปลูกกี่ต้น ปลูกมะนาวกี่ต้นถึงจะเข้าข่ายเป็นที่ดินเพื่อการเกษตร ไม่ใช่ว่า 1 ไร่ จะปลูก 5 ต้น 10 ต้นก็ได้ แต่รายละเอียดส่วนนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำลังจัดทำเป็นกฎหมายลูกอยู่ซึ่งจะออกมาในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ในกฎหมายก็ระบุหากมีการนำที่ดินไปใช้ประโยชน์เชิงสาธารณะ เช่น นำมาทำสวนสาธารณะให้ประชาชน หรือมาเปิดให้เป็นที่จอดรถของหลวง ก็ได้รับลดหย่อยภาษีถึง 90%

หากไม่จ่ายภาษีตามกำหนด หรือตั้งใจหนีภาษีจะโดนลงโทษหรือไม่ 

ในปีแรก 63 กระทรวงมหาดไทยกำหนดให้จ่ายภาษีได้ภายในเดือน ส.ค.63 (แต่ปีต่อไปจะเสียตามเดิมภายในเดือน เม.ย.ของทุกปี) เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม รวมไปถึงอาจถูกระงับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ยังคงมีภาระภาษีค้างชำระอยู่ แต่ในกรณีมีการเจตนาปกปิดหรือแจ้งเท็จเพื่อเลี่ยง หรือทำให้เสียภาษีในอัตราที่ต่ำมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

น้ำปิงล้นตลิ่ง

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน เตรียมรับมือน้ำ หลังน้ำปิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เชียงใหม่ 27 ก.ย. – ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย หลังระดับน้ำปิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดสูงถึง 4.15 เมตร ในคืนนี้ ประเมินเบื้องต้นยังสามารถบริหารจัดการได้ และสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ค่ำวันนี้ (27 ก.ย. 68) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 (SWOC1) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำปิงหลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของจังหวัด ส่งผลให้ให้มวลน้ำจำนวนมากจะไหลลงมาผ่านตัวเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเวลา 22.00-24.00 น. คืนนี้ ชลประทานเชียงใหม่คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 3.9 เมตร เป็น 4.0-4.15 เมตร และจะส่งผลให้น้ำปริ่มและเอ่อล้นตลิ่งเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการสถานการณ์ได้ เนื่องจากมีการเสริมคันกันน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้สูงถึง 4.2 เมตร สำหรับสถานการณ์ฝนในพื้นที่อำเภอต่างๆ โดยเฉพาะที่อำเภอแม่แตง ทางอำเภอได้รายงานว่าตลอดทั้งวันยังมีฝนตกในพื้นที่ […]

การรถไฟฯ แจ้งน้ำท่วมทำ “ทางรถไฟขาด” สั่งปรับแผนเดินรถ

27 ก.ย. – การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศแจ้งเหตุน้ำท่วมหนัก “ทางรถไฟขาด” ที่บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา สั่งปรับแผนเดินรถ ขณะนี้ได้สั่งการและดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ พร้อมปรับแผนการเดินรถเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ดังนี้ 1.ขบวนรถด่วนที่ 75/76 กรุงเทพอภิวัฒน์ – หนองคาย – กรุงเทพอภิวัฒน์2.ขบวนรถสินค้าที่ 553 มาบตาพุด – บัวใหญ่3.ขบวนรถสินค้าที่ 532 สำราญ – บางละมุงให้เปลี่ยนการเดินขบวนรถในเส้นทางชุมทางแก่งคอย – นครราชสีมา – ชุมทางบัวใหญ่ – หนองคาย 4.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 439 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ เดินถึงสถานีบ้านเหลื่อม5.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 434 ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอยรอสถานการณ์น้ำที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถประมาณการเวลาในการเปิดทางได้ เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วมสูงและยังไม่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบ เมื่อมีความคืบหน้าในการเปิดเส้นทางเดินรถ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้.-513-สำนักข่าวไทย

กองทัพภาคที่ 2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อุบลราชธานี 27 ก.ย.-กองทัพภาคที่2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำรู้ทันแผนโฆษณาชวนเชื่อต่อนานาชาติ เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 27 ก.ย. 68 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 27 ก.ย. ณ เวลา 14.00 น. ว่าสถานการณ์โดยรวมเมื่อเวลา 12.02 น. ฝ่ายกัมพูชาได้พยายามสร้างสถานการณ์ความตึงเครียด ขึ้นอีกครั้งบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามายังพื้นที่ ของฝ่ายไทยจากบริเวณเนิน 677 มายังเนิน 600 และ เนิน 527 พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนเล็กยิงปะทะเป็นระยะ ก่อนที่สถานการณ์จะยุติลง ทั้งนี้ การปะทะจำกัดวงอยู่เฉพาะบริเวณดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังควบคุมพื้นที่อย่างใกล้ชิด ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายไทยได้รับแจ้งจากกัมพูชา ว่า คณะสังเกตการณ์ระหว่างประเทศ (IOT) ของกัมพูชา จะเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้า กองทัพภาคที่ 2 ประเมินว่าเป็นความพยายามของกัมพูชา ในการสร้างเงื่อนไขและยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่คณะ IOT […]

นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมอยุธยาฯ

พระนครศรีอยุธยา 27 ก.ย.-นายกฯ ลงพื้นที่พระนครศรีอยุธยา ตรวจน้ำท่วม เร่งเยียวยาแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เดินหน้าบูรณาการหน่วยงานใช้งบแสนล้านบาท พัฒนาระบบชลประทานและการจัดการน้ำ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.ของพรรค ให้การต้อนรับ และในโอกาสนี้ นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พรรคประชาชน เขต1 ที่มาร่วมงานด้วย ทันทีที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาถึงบริเวณวัดโคกหิรัญ มีประชาชนมารอให้การต้อนรับ มอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ พร้อมร้องเพลง มาร์ช อสม.ต้อนรับนายกรัฐมนตรี พร้อมกับถ่ายรูปเซลฟี่ อย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะรับฟังการรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดยืนยันว่า พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ไม่ใช่พื้นที่ทุ่งรับน้ำ พื้นที่มีโฉนดที่ดินทั้งหมด ไม่ใช่ที่สาธารณะ หรือแก้มลิง พร้อมขอให้มีการพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเพื่อบรรเทาปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เนื่องจากไม่ได้รับความสะดวกในการประกอบอาชีพ นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น มาในสถานะนายกรัฐมนตรี ถือว่าสามารถที่จะมาตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกๆ มิติ รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ทำงานร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน กับพรรคร่วมรัฐบาล เป้าหมายคือประโยชน์สูงสุดของประชาชน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ทราบดีอยู่แล้วว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแห่งนี้ มีน้ำท่วมทุกปี น้ำท่วมซ้ำซาก […]