ผู้ต้องหาขอแวะกอดสามี ขณะทำแผนเผาป้ามาลัย

สงขลา 13 ธ.ค.-คุมตัว 1 ใน 5 ผู้ต้องหาแก๊งค้ายาเสพติดที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายและจุดไฟเผา “ป้ามาลัย” ไปชี้จุดเกิดเหตุและทำแผนฯ โดยผู้ต้องหาเศร้าหนักถึงขั้นขอกอดสามีที่ป่วยเป็นโปลิโอเป็นครั้งสุดท้าย


พนักงานสอบสวน สภ.บางกล่ำ นำตัวนางสาวภัทราพร เพชรรัตน์ อายุ 29 ปี หรือ “แก้ว” ผู้ต้องหารายที่ 2 ในคดีที่ถูกจับกุมตัวได้เมื่อวานนี้พาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพรวมทั้งหมด 4 จุด หลังเจ้าตัวสารภาพว่าเป็นผู้ไปซื้อน้ำมันเบนซิน


โดยจุดแรกเป็นบ้านลูกสาวของ “ป้ามาลัย”  พื้นที่บ้านเสือผ่าน หมู่ 15 ต.ท่าช้าง ซึ่งผู้ต้องหา 2 คนในคดีได้ไปรับตัว “ป้ามาลัย” ออกมา จากนั้นถูกพาไปชี้จุดที่ 2 คือ บนสะพานข้ามคลองรอหนึ่ง พื้นที่หมู่ 13 ต.ท่าช้าง ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาได้นำ “ป้ามาลัย” มาสอบถามเรื่องยาไอซ์  จุดที่ 3 ภายในขนำเกิดเหตุ  ซึ่งเป็นจุดที่มีการใช้น้ำมันราดไฟเผาป้ามาลัย  และจุดที่ 4 เป็นจุดที่ผู้ต้องหาไปซื้อน้ำมันเบนซินใส่ขวดมาให้กับกลุ่มผู้ต้องหา

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ  “แก้ว” ได้ขออนุญาตตำรวจมาพบกับสามี  ซึ่งป่วยเป็นโปลีโอ แขนขาลีบมาตั้งแต่กำเนิด  ซึ่งอยู่บ้านใกล้กับขนำที่เกิดเหตุ จาจากนั้น “แก้ว” ได้โผเข้ากอดสามีและร่ำไห้อย่างน่าสงสาร เพราะทั้งคู่รักกันมาก รวมถึง “แก้ว” อาจสำนึกผิดที่ไปร่วมก่อเหตุจนทำให้ถูกจับกุม และหลังจากนี้จะไม่มีใครดูแลสามี

สามีของ “แก้ว”  ทราบชื่อว่า “บังอ่ะ” เปิดเผยข้อมูลว่า “แก้ว” ได้ทุบตี “ป้ามาลัย” บ้าง  แต่ตอนช่วงหลังได้พยายามห้ามและยังเป็นคนหาน้ำไปดับไฟบนตัว “ป้ามาลัย” จึงอยากให้สังคมเข้าใจว่า ใครเป็นผู้ก่อเหตุและใครผิดใครถูก  เพราะปกติแล้ว “แก้ว” เป็นคนดี ดูแลกันมานาน 3 ปี เป็นผู้หญิงที่ดีกับตนมากที่สุดคนที่ 2 รองจากแม่


ด้านนางฟาตีมะ ซึ่งเป็นญาติของกลุ่มผู้ต้องหารวมถึง “ป้ามาลัย” บอกว่าผู้ต้องหาทั้ง 5 คนปกติก็เป็นคนดีช่วยเหลือญาติพี่น้อง ไม่มีปัญหากับเพื่อนบ้าน แต่ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมถึงเกิดเรื่องนี้และอยากให้ที่เหลือเข้ามอบตัว 

คดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก “ป้ามาลัย” อายุ 48 ปี ถูกกลุ่มผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายและใช้ไฟเผา เพราะมีการนำไอซ์ 300 กรัมไปละลายน้ำทิ้ง เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ ที่ขนำของ “ป้ามาลัย” กระทั่งศาลอนุมัติหมายจับ 5 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย นายส่อแหล๊ะ จิสวัสดิ์ หรือ “แหล๊ะ” อายุ 41 ปี  นางจันทิรา  บินเสหาะ อายุ 36 ปี หรือ “แอด” ภรรยาของ “แหล๊ะ” และเป็นเจ้าของไอซ์  นายยงยุทธ ชุมประมาณ  อายุ 26 ปี หรือ “เป้”  ซึ่งเป็นคนราดน้ำมันและจุดไฟเผา นางสาวภัทราพร เพชรรัตน์ อายุ 29 ปี หรือ “แก้ว” และนายแบงค์ เยาวชนอายุ 17 ปี  ซึ่ง 2 รายหลังถูกจับกุมตัวได้แล้ว และอีก 3 รายที่เหลืออยู่ระหว่างไล่ล่าตัวมาดำเนินคดี คาดว่ายังคงกบดานในพื้นที่ และอาจเข้ามอบตัวเพราะไม่มีเงินทุนหลบหนี รวมถึงถูกกดดันจากตำรวจอย่างหนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากคำให้การของ “แก้ว” ระบุว่า คนที่ราดน้ำมันและจุดไฟเผา “ป้ามาลัย” คือ นายยงยุทธฯ หรือ “เป้” เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นๆ ต่างตกใจและช่วยกันดับไฟ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”