กรุงเทพฯ 11 ธ.ค.ประชุมร่วมกรมป่าไม้-ส.ป.ก.ยังไร้ข้อสรุป
ส.ป.ก.ยังปฏิเสธดำเนินคดี”ปารีณา ไกรคุปต์”เรื่องที่ดินเขตปฏิรูป 682 ไร่ อ้างไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายป่าไม้และกฎหมายที่ดิน
ขณะที่กรมป่าไม้ ขอลงพื้นที่ตรวจสอบและรังวัดที่ดินอีกรอบ
ดูว่าเข้าข่ายจะดำเนินคดีตามพ.ร.บ.ป่าไม้ได้หรือไม่
นายธวัชชัย ลัดกรูด ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ กล่าวหลังประชุมร่วมกับส.ป.ก.ว่า
ที่ประชุมยังไม่มีข้อสรุปการพิจารณาดำเนินคดีกรณีที่ดินของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี
พรรคพลังประชารัฐเนื่องจากกระบวนการคืนพื้นที่ของน.ส.ปารีณายังไม่สมบูรณ์
โดยส.ป.ก. แจ้งให้น.ส. ปารีณาทำหนังส่งคืนที่ดิน 682 ไร่คืนแก่ส.ป.ก. มาใหม่ โดยต้องไม่ระบุเงื่อนไขใดๆ
ซึ่งยังไม่ครบตามกำหนด 7 วันหลังจากส.ป.ก. แจ้งไป เมื่อครบกำหนดแล้ว
กรมป่าไม้จึงจะมาหารือถึงอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการต่อไปอีกครั้งเนื่องจากต้องรอดูรายละเอียดในหนังสือส่งมอบของน.ส.
ปารีณา
ส่วนเรื่องรายละเอียดข้อกฎหมายที่จะใช้ดำเนินการยังไม่ได้ข้อยุติ
จะต้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบและรังวัดพื้นที่อีกครั้งว่า รูปแปลงของที่ดิน 682
ไร่ในเขตปฏิรูปที่ดินเป็นอย่างไร พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ครอบคลุมทั้งหมดหรือไม่
แต่ยืนยันว่า หากอยู่ในอำนาจตามพ.ร.บ. ป่าไม้นั้น กรมป่าไม้จะดำเนินคดีแน่นอน
แต่ต้องด้วยความรอบคอบอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกับทุกราย
ส่วนที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหลายคนเทียบเคียงกรณีปารีณากับคำพิพากษาศาลฎีกาจังหวัดนครพนมที่พิพากษาให้ชาวบ้านซึ่งเข้าไปครอบครองที่ดินเขตปฏิรูปที่ดินที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิ์
โดยศาลวินิจฉัยว่า ยังเป็นที่ดินตามพ.ร.บ. ป่าไม้และลงโทษจำคุก 6 เดือนนั้น จะต้องไปดูรายละเอียดของคดีอีกครั้ง
กรมป่าไม้ต้องดูคำพิพากษาศาลฎีกาทั้งหมดเพื่อนำมาเป็นแนวทางการดำเนินการต่อไป
ยืนยันว่า กรมป่าไม้ไม่ได้ดำเนินการเป็นสองมาตรฐาน
สำหรับที่ดิน 46
ไร่ที่อยู่ในอำนาจของกรมป่าไม้ซึ่งแจ้งความร้องทุกข์ไปแล้วนั้น
ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถส่งฟ้องได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้นายวีระ สมความคิด
ได้แจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรจอมบึงไว้ก่อน ทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจำเป็นต้องทำความเห็นไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้พิจารณาว่า
หน่วยงานใดมีอำนาจดำเนินคดีดังกล่าว
ด้านนายจุมพฎ ชอบธรรม
ผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย กรมป่าไม้ กล่าวว่า พยายามชี้แจงต่อส.ป.ก.
กรณีฟาร์มไก่ของน.ส. ปารีณาว่า ส่วนที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน 682 ไร่หน่วยงานที่เป็นเจ้าทุกข์คือ
ส.ป.ก. สามารถแจ้งความดำเนินคดีตามพ.ร.บ. ป่าไม้ มาตรา 54 และตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา
9 โดยเมื่อพบเหตุอันควรเชื่อได้ว่า มีการกระทำผิดในพื้นที่ที่หน่วยงานใดรับผิดชอบ
หน่วยงานนั้นสามารถแจ้งความได้ทันที แต่ส.ป.ก. แย้งว่า
ไม่ได้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายป่าไม้และกฎหมายที่ดิน
ทั้งนี้ หากจะนำกรณีน.ส.
ปารีณามาเทียบเคียงกับคดีชาวบ้านหมู่บ้านซับหวายบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง
ต. วังตะเฆ่ อ. หนองบัวระเหว จ. ชัยภูมิซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ
โดยมีที่ดินตามพ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติทับซ้อนกับที่ดินตามพ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ ตามกฎหมายนั้น
ไม่มีผู้ใดเข้าไปทำกินในที่ดินอุทยานแห่งชาติได้จึงดำเนินคดีทันที แต่กรณีน.ส.
ปารีณาเป็นเขตปฏิรูปที่ดินซึ่งส.ป.ก. มีแผนจัดสรรให้ผู้มีคุณสมบัติเข้าไปใช้ประโยชน์ในการทำเกษตรกรรมได้จึงทำให้การดำเนินการทางกฎหมายแตกต่างกัน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า
ได้รับรายงานจากผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้
หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบการครอบครองที่ดินของ น.ส. ปารีณา
ซึ่งประชุมกับผู้อำนวยการสำนักกฎหมายของ ส.ป.ก. เพื่อหารือเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ในการแจ้งความดำเนินคดีต่อ
น.ส. ปารีณา ที่ครอบครองที่ดิน 682 ไร่ในเขตปฏิรูปที่ดิน แต่ยังมี พ.ร.บ.ป่าไม้
พ.ศ. 2484 ครอบคลุมอยู่ ซึ่งทางกรมป่าไม้เห็นว่าที่ดินอยู่ในความดูแลของ ส.ป.ก.
ดังนั้น ส.ป.ก.สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บุกรุกครอบครองได้ แต่ทาง ส.ป.ก.แย้งว่าเป็นความผิดตาม
พ.ร.บ.ป่าไม้และประมวลกฎหมายที่ดิน จึงไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ ส.ป.ก.
ขณะนี้ได้หารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาแล้ว
เพื่อให้หาข้อสรุป โดยทั้งกรมป่าไม้และ ส.ป.ก.จะต้องไปให้ความเห็นต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา
รวมทั้งจะต้องนำคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีที่มีความคล้ายคลึงกันพิจารณาร่วมด้วย
มั่นใจว่าความเห็นของคณะกรรมการกฤษฏีกาจะเป็นที่ชัดเจนว่า
หน่วยงานใดมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินคดี น.ส. ปารีณา เพิ่มเติมต่อไปในที่ดิน 29
แปลง เนื้อที่ 682 ไร่นี้.-สำนักข่าวไทย