“พล.อ.ประวิตร” ประชุมวางแผนใช้น้ำ 20 ปี หนุนโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ รองรับ EEC

กทม. 6 ธ.ค. – “พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 3/2562 วางแผนการใช้น้ำ 20 ปี หนุนโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อรองรับ EEC



วันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 3/2562 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งได้พิจารณาถึงความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี และการพิจารณาโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญที่ความความพร้อม จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ปี 2563-2580) และโครงการศึกษาเพื่อจัดทำแผนหลักการพัฒนาหนองหาร จ.สกลนคร 


  

​ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวันนี้ได้ติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ พบว่ามีโครงการขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการดำเนินการได้ภายในปี 2565 จำนวนทั้งสิ้น 57 โครงการ เป็นโครงการที่ผ่านคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) แล้ว 25 โครงการ วงเงิน 118,917 ล้านบาท และ ครม. ได้อนุมัติให้ดำเนินโครงการแล้ว 21 โครงการ วงเงิน 107,042 ล้านบาท เช่น แผนการพัฒนาและฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ แผนหลักการฟื้นฟูบึงราชนก จ.พิษณุโลก อุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองเปรมประชากร คลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร พร้อมอาคารประกอบ จ.พระนครศรีอยุธยา อ่างเก็บน้ำลำสะพุง จ.ชัยภูมิ โครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาบ้านฉาง (รองรับ EEC) โครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาพังงา-ภูเก็ต เป็นต้น 

ส่วนอีก 4 โครงการ อยู่ระหว่างเตรียมเสนอ ครม.พิจารณา ได้แก่ โครงการสำรวจความสูงภูมิประเทศด้วยแสงเลเซอร์ (LiDAR) ระยะที่ 2 โครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร ตามแนวพระราชดำริ (คลองผันน้ำคลองชุมพร) โครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน และโครงการอุโมงค์ระบายน้ำคลองพระยาราชมนตรี จากคลองภาษีเจริญถึงคลองสนามชัย มูลค่าร่วมทั้งหมด 11,875 ล้านบาท  


​นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อขับเคลื่อนอีก 32 โครงการ วงเงิน 396,921 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกระบวนการด้านงบประมาณและนโยบาย พร้อมทั้งเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ เพื่อร่วมหาทิศทางการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้รายงานความก้าวหน้าของโครงการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ทุก 3 เดือน และให้ สทนช.จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการขับเคลื่อนให้เป็นไปตามเป้าหมายในแต่ละประเภท

​ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญที่ความความพร้อม จำนวน 2 โครงการ เพื่อเสนอต่อ กนช. ในการประชุมครั้งที่ 3/2562 ในวันที่ 20 ธันวาคม 2562 ได้แก่ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ปี 2563-2580) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำ ดังนั้นแผนหลักเพื่อรองรับการพัฒนาในระยะ 20 ปี ที่ สทนช.ได้ทำการศึกษา ซึ่งจะใช้งบประมาณในการลงทุนมากกว่า 88,000 ล้านบาท มีความสำคัญที่จำเป็นต้องขับเคลื่อนให้สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเร่งจัดเตรียมการดำเนินการแผนงานทางเลือกให้มีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน เพื่อลดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำในปีที่มีน้ำน้อย เช่น การผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล หรือการให้สัมปทานเอกชนพัฒนาระบบน้ำสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงดังกล่าว เป็นต้น โดยเฉพาะโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลจะต้องดำเนินการศึกษาความเหมาะสมเพิ่มเติม เพื่อการพัฒนาแบบร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการศึกษาความเหมาะสม และให้ สทนช.ติดตามความก้าวหน้าต่อไป

​ทั้งนี้ จากการศึกษาวิเคราะห์และประเมินความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ EEC ของ สทนช. พบว่า ในอนาคตปี 2580 EEC จะมีความต้องการใช้น้ำ 3,089 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2560 ประมาณ 670 ล้านลูกบาศก์เมตร ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องมีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติม และมีการบริหารจัดการด้านความต้องการใช้น้ำ โดยแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน แบ่ง 2 ช่วง คือ ปี 2563-70 ประกอบด้วย การปรับปรุงเพิ่มความจุอ่างฯ เดิม 6 แห่ง ก่อสร้างอ่างฯ ใหม่ 10 แห่ง ปรับปรุงระบบผันน้ำเดิม 2 ระบบ ก่อสร้างระบบผันน้ำใหม่ 2 ระบบ พัฒนาพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากให้เป็นแก้มลิง ก่อสร้างระบบผลิตน้ำจืดจากทะเล เป็นต้น สามารถมีน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 706.19 ล้านลูกบาศก์เมตร และในช่วงปี 2571-2580 ประกอบด้วย ก่อสร้างระบบสูบกลับ 2 ระบบ อุโมงค์ส่งน้ำอ่างฯ คลองพระสะทึง-คลองสียัด และระบบผันน้ำใหม่ 2 ระบบ จะมีน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้น ประมาณ 166 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนแผนการบริหารจัดการด้านความต้องการใช้น้ำ จะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนเพิ่มเติม เช่น การรณรงค์ส่งเสริมมาตรการ 3R การปรับปรุงท่อส่ง-จ่ายระบบประปา การปลูกพืชที่ได้ผลตอบแทนสูง ส่งเสริมเกษตรสมัยใหม่ เป็นต้น

​ที่ประชุมยังเห็นชอบในหลักการกรอบแผนการพัฒนาหนองหาร ปี 2563-2570 ของโครงการศึกษาเพื่อจัดทำแผนหลักการพัฒนาหนองหาร จ.สกลนคร และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมดำเนินการตามกรอบแผนระยะเร่งด่วน ปี 2563-2564 รวมทั้งหมด 36 โครงการ 1,146.28 ล้านบาท จากทั้งหมด 69 โครงการ วงเงินรวม 7,445.22 ล้านบาท โดยมีหน่วยงานรับผิดชอบ รวม 12 หน่วยงาน เช่น โครงการพัฒนาขยายเขตเพิ่มประสิทธิภาพระบบประปาหมู่บ้าน โดยการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) โครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้ารอบหนองหาร โครงการขุดลอกหนองหาร-ลำน้ำสาขา โครงการก่อสร้าง ปตร. ลำน้ำพุง-น้ำก่ำ โครงการศึกษาเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำลำน้ำก่ำ-พนังกั้นน้ำและแก้มลิง โดยกรมชลประทาน โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำป้องกันพื้นที่ชุมชน โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย กำจัดวัชพืช-ตะกอนดินในหนองหาร โดยกรมประมง กรมทรัพยากรน้ำ และองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นต้น

​”ที่ประชุมอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญในครั้งนี้ยังได้รับทราบผลการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะสมและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง จ.กาญจนบุรี และความก้าวหน้าผลการดำเนินงานของคณะทำงานติดตามการขอใช้พื้นที่ป่า สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและแนวทางการขับเคลื่อนด้วย” เลขาธิการ สทนช. กล่าว

​ท้ายสุด พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณทุกคณะกรรมการที่ร่วมกันให้ความเห็นต่อโครงการ การดำเนินงานมีคณะทำงาน 2 คณะ ทำหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบ วิเคราะห์ กลั่นกรองโครงการต่าง ๆ ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของอนุกรรมการเป็นอย่างมาก ต้องขอบคุณคณะทำงานด้วย ขอให้หน่วยงานไปดำเนินการตามมติที่ประชุม สำหรับโครงการที่ผ่าน กนช.แล้ว ขอให้หน่วยงานรายงานความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค มายังฝ่ายเลขาของคณะทำงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อขับเคลื่อนให้โครงการต่าง ๆ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่และสำคัญ สามารถดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งในพื้นที่ได้โดยเร็ว และยั่งยืน เพื่อรองรับ EEC . -สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ลุยเอง นำทีมบุกจับบ่อนดอนเมืองในตำนาน

ดอนเมือง 28 ส.ค. – “ภูมิธรรม” นำทีมชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการ “สิงห์ปราบพยศ” ทลายบ่อนเปิดซ้ำซากย่านดอนเมือง รวบ 200 นักพนัน เงินหมุนเวียนมหาศาลกว่า 500 ล้านบาทต่อเดือน ย้ำ “ขบวนการตาสับปะรดของประชาชนคือเบาะแสสำคัญ” ร่วมกันสร้างสังคมปลอดอบายมุข ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เปิดปฏิบัติการสิงห์ปราบพยศ ปิดล้อมทลายบ่อนดอนเมืองในตำนาน เป็นจุดที่โดนทั้งตำรวจ ทหาร และกรมการปกครอง บุกเข้าจับกุมนับครั้งไม่ถ้วน ครั้งนี้กรมการปกครองนำกำลังเข้าพื้นที่ตามช่องทางเข้า-ออกทุกทาง พบมีประตูเหล็กขนาดใหญ่ปิดกั้นอยู่ จึงใช้อุปกรณ์ตัดเหล็กเข้าตัดประตูเป็นช่องเพื่อให้เจ้าหน้าที่บุกเข้าไปด้านใน ภายในพบนักพนันกว่า 200 คน โดยใช้พื้นที่ของสนามฟุตบอลหญ้าเทียม และพื้นที่อาคารที่อยู่ใกล้เคียง เป็นห้องพนันแบบครบวงจร 5 ห้อง นอกจากนี้ยังมีการตั้งร้านอาหารและน้ำดื่ม เหมือนเป็นตลาดนัดย่อมๆ ในพื้นที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาตรวจสอบในจุดดังกล่าว พร้อมเปิดเผยว่า บ่นพนันดังกล่าวพบมียอดเงินหมุนเวียนกว่า 5-10 ล้านบาทต่อวัน มีเงินหมุนเวียนแล้วเดือนละ 300-400 ล้านบาท โดยจะเปิดให้เล่นตั้งแต่ […]

อุตุฯ เผยภาคเหนือฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 28 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย และน่าน ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ […]

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย