“พล.อ.ประวิตร” ประชุมวางแผนใช้น้ำ 20 ปี หนุนโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ รองรับ EEC

กทม. 6 ธ.ค. – “พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 3/2562 วางแผนการใช้น้ำ 20 ปี หนุนโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อรองรับ EEC



วันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 3/2562 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งได้พิจารณาถึงความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี และการพิจารณาโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญที่ความความพร้อม จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ปี 2563-2580) และโครงการศึกษาเพื่อจัดทำแผนหลักการพัฒนาหนองหาร จ.สกลนคร 


  

​ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวันนี้ได้ติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ พบว่ามีโครงการขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการดำเนินการได้ภายในปี 2565 จำนวนทั้งสิ้น 57 โครงการ เป็นโครงการที่ผ่านคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) แล้ว 25 โครงการ วงเงิน 118,917 ล้านบาท และ ครม. ได้อนุมัติให้ดำเนินโครงการแล้ว 21 โครงการ วงเงิน 107,042 ล้านบาท เช่น แผนการพัฒนาและฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ แผนหลักการฟื้นฟูบึงราชนก จ.พิษณุโลก อุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองเปรมประชากร คลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร พร้อมอาคารประกอบ จ.พระนครศรีอยุธยา อ่างเก็บน้ำลำสะพุง จ.ชัยภูมิ โครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาบ้านฉาง (รองรับ EEC) โครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาพังงา-ภูเก็ต เป็นต้น 

ส่วนอีก 4 โครงการ อยู่ระหว่างเตรียมเสนอ ครม.พิจารณา ได้แก่ โครงการสำรวจความสูงภูมิประเทศด้วยแสงเลเซอร์ (LiDAR) ระยะที่ 2 โครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร ตามแนวพระราชดำริ (คลองผันน้ำคลองชุมพร) โครงการปรับปรุงคลองยม-น่าน และโครงการอุโมงค์ระบายน้ำคลองพระยาราชมนตรี จากคลองภาษีเจริญถึงคลองสนามชัย มูลค่าร่วมทั้งหมด 11,875 ล้านบาท  


​นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อขับเคลื่อนอีก 32 โครงการ วงเงิน 396,921 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกระบวนการด้านงบประมาณและนโยบาย พร้อมทั้งเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ เพื่อร่วมหาทิศทางการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้รายงานความก้าวหน้าของโครงการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ทุก 3 เดือน และให้ สทนช.จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการขับเคลื่อนให้เป็นไปตามเป้าหมายในแต่ละประเภท

​ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญที่ความความพร้อม จำนวน 2 โครงการ เพื่อเสนอต่อ กนช. ในการประชุมครั้งที่ 3/2562 ในวันที่ 20 ธันวาคม 2562 ได้แก่ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ปี 2563-2580) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำ ดังนั้นแผนหลักเพื่อรองรับการพัฒนาในระยะ 20 ปี ที่ สทนช.ได้ทำการศึกษา ซึ่งจะใช้งบประมาณในการลงทุนมากกว่า 88,000 ล้านบาท มีความสำคัญที่จำเป็นต้องขับเคลื่อนให้สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเร่งจัดเตรียมการดำเนินการแผนงานทางเลือกให้มีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน เพื่อลดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำในปีที่มีน้ำน้อย เช่น การผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล หรือการให้สัมปทานเอกชนพัฒนาระบบน้ำสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงดังกล่าว เป็นต้น โดยเฉพาะโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลจะต้องดำเนินการศึกษาความเหมาะสมเพิ่มเติม เพื่อการพัฒนาแบบร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการศึกษาความเหมาะสม และให้ สทนช.ติดตามความก้าวหน้าต่อไป

​ทั้งนี้ จากการศึกษาวิเคราะห์และประเมินความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ EEC ของ สทนช. พบว่า ในอนาคตปี 2580 EEC จะมีความต้องการใช้น้ำ 3,089 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2560 ประมาณ 670 ล้านลูกบาศก์เมตร ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องมีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติม และมีการบริหารจัดการด้านความต้องการใช้น้ำ โดยแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน แบ่ง 2 ช่วง คือ ปี 2563-70 ประกอบด้วย การปรับปรุงเพิ่มความจุอ่างฯ เดิม 6 แห่ง ก่อสร้างอ่างฯ ใหม่ 10 แห่ง ปรับปรุงระบบผันน้ำเดิม 2 ระบบ ก่อสร้างระบบผันน้ำใหม่ 2 ระบบ พัฒนาพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากให้เป็นแก้มลิง ก่อสร้างระบบผลิตน้ำจืดจากทะเล เป็นต้น สามารถมีน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 706.19 ล้านลูกบาศก์เมตร และในช่วงปี 2571-2580 ประกอบด้วย ก่อสร้างระบบสูบกลับ 2 ระบบ อุโมงค์ส่งน้ำอ่างฯ คลองพระสะทึง-คลองสียัด และระบบผันน้ำใหม่ 2 ระบบ จะมีน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้น ประมาณ 166 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนแผนการบริหารจัดการด้านความต้องการใช้น้ำ จะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนเพิ่มเติม เช่น การรณรงค์ส่งเสริมมาตรการ 3R การปรับปรุงท่อส่ง-จ่ายระบบประปา การปลูกพืชที่ได้ผลตอบแทนสูง ส่งเสริมเกษตรสมัยใหม่ เป็นต้น

​ที่ประชุมยังเห็นชอบในหลักการกรอบแผนการพัฒนาหนองหาร ปี 2563-2570 ของโครงการศึกษาเพื่อจัดทำแผนหลักการพัฒนาหนองหาร จ.สกลนคร และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมดำเนินการตามกรอบแผนระยะเร่งด่วน ปี 2563-2564 รวมทั้งหมด 36 โครงการ 1,146.28 ล้านบาท จากทั้งหมด 69 โครงการ วงเงินรวม 7,445.22 ล้านบาท โดยมีหน่วยงานรับผิดชอบ รวม 12 หน่วยงาน เช่น โครงการพัฒนาขยายเขตเพิ่มประสิทธิภาพระบบประปาหมู่บ้าน โดยการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) โครงการก่อสร้างสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้ารอบหนองหาร โครงการขุดลอกหนองหาร-ลำน้ำสาขา โครงการก่อสร้าง ปตร. ลำน้ำพุง-น้ำก่ำ โครงการศึกษาเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำลำน้ำก่ำ-พนังกั้นน้ำและแก้มลิง โดยกรมชลประทาน โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำป้องกันพื้นที่ชุมชน โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย กำจัดวัชพืช-ตะกอนดินในหนองหาร โดยกรมประมง กรมทรัพยากรน้ำ และองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นต้น

​”ที่ประชุมอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญในครั้งนี้ยังได้รับทราบผลการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะสมและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง จ.กาญจนบุรี และความก้าวหน้าผลการดำเนินงานของคณะทำงานติดตามการขอใช้พื้นที่ป่า สำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและแนวทางการขับเคลื่อนด้วย” เลขาธิการ สทนช. กล่าว

​ท้ายสุด พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณทุกคณะกรรมการที่ร่วมกันให้ความเห็นต่อโครงการ การดำเนินงานมีคณะทำงาน 2 คณะ ทำหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบ วิเคราะห์ กลั่นกรองโครงการต่าง ๆ ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของอนุกรรมการเป็นอย่างมาก ต้องขอบคุณคณะทำงานด้วย ขอให้หน่วยงานไปดำเนินการตามมติที่ประชุม สำหรับโครงการที่ผ่าน กนช.แล้ว ขอให้หน่วยงานรายงานความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค มายังฝ่ายเลขาของคณะทำงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อขับเคลื่อนให้โครงการต่าง ๆ ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่และสำคัญ สามารถดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งในพื้นที่ได้โดยเร็ว และยั่งยืน เพื่อรองรับ EEC . -สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คลอดลูกแฝดตกตึก

หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต

สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก

ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน

ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ

ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน

จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ

ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลั่นมหาดไทยพร้อมสับสวิตช์ หาก สมช.สั่งหยุดจ่ายไฟ

“อนุทิน” ลั่นมหาดไทยพร้อมสับสวิตช์ หาก สมช. สั่งหยุดจ่ายไฟ ชี้หากเพื่อนบ้านทำผิดกระทบความมั่นคง เตรียมหาแหล่งพลังงานใหม่ มอง กฟภ. ทำเกินหน้าที่ร่วมลงพื้นที่ บอกเป็นหน่วยงานรับปฏิบัติ

นายกฯ​ เปิดงาน Amazing Thailand Grand Tourismand Sports Year 2025

นายกฯ​ ขอการท่องเที่ยวปีนี้ปังๆ ร่วมเปิดงาน Amazing Thailand Grand Tourismand Sports Year 2025 ย้ำรัฐบาลหวังจีดีพีเติบโตจากการท่องเที่ยว มอบผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด จัดกิจกรรมดึงนักท่องเที่ยวทั้งปี ปลุกคนไทยช่วยแชร์ข่าวจริง หลังถูกบิดเบือน​ “สรวงศ์” ตั้งเป้าการท่องเที่ยว 35 ล้านคน

เร่งล่าหนุ่มบุกเดี่ยวชิงทองกว่า 100 บาท ในห้างดังย่านลำลูกกา

ตำรวจเร่งล่าคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ร้านทองในห้างดัง ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี กวาดทองในถาดกว่า 100 บาท หลบหนีลอยนวล

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]