เปิดแผนคนร้ายยิงถล่ม ชรบ.ยะลา 15 ศพ

ปัตตานี, ยะลา 2 ธ.ค.- เหตุการณ์แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบ 2 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถขยายผลและพบหลักฐานใหม่ ที่ยืนยันได้ว่าคนร้ายทั้ง 2 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุการณ์สังหารหมู่ ชรบ.บ้านทางลุ่ม จ.ยะลา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากถึง 15 ศพ


นี่คือภาพแผนที่ของคนร้ายซึ่งใช้ในการโจมตี ชรบ.ทางลุ่ม ที่เจ้าหน้าที่ยึดได้จากเป้ของนายซอบรี หลำโสะ 1 ใน 2 คนร้ายที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญที่บ้านคอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ภาพถูกวาดขึ้นด้วยปากกา แสดงที่ตั้งและแผนผังภายในของป้อม ชรบ.ชัดเจน พร้อมระบุตัวเลข ซึ่งอาจหมายถึงกำลังในการเข้าโจมตี หรือหน้าที่ของแต่ละบุคคล ซึ่งในสมุดบันทึกของเขายังพบรายชื่อระบุนามแฝงของแนวร่วมที่เข้าโจมตีที่มีถึง 12 คน เป็นหลักฐานใหม่ที่ยืนยันว่า ทั้ง 2 คนมีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุโหดเหี้ยมครั้งนั้น


ปืนทั้ง 2 กระบอกที่ตกอยู่ข้างกายของคนร้าย โดยเฉพาะปืน 9 มม.ข้างศพของซอบรี ซึ่งใช้ยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่ก่อนถูกวิสามัญ พร้อมกับนายมะยะโก๊ะ ลาเต๊ะ ตรวจสอบแล้ว ตรงกับปืนที่ใช้ก่อเหตุยิง ชรบ.บ้านทางลุ่ม ด้วยการจ่อยิงที่ศีรษะ ชรบ. 5 คน ยิ่งสะท้อนความเหี้ยมโหด โดยการก่อเหตุของคนร้ายครั้งนี้มีพยานระบุว่า มะยะโก๊ะ เป็นผู้นำแนวร่วมก่อเหตุเช่นเคย 


มารดาของนายสุพจน์ จันทร์วิมาน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ต.ปากล่อ หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุสังหารหมู่ ชรบ.ทางลุ่ม ที่ปัจจุบันอายุกว่า 90 ปี รวมทั้งคนในครอบครัว วันนี้มารับฟังคำชี้แจงความคืบหน้าคดีจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจที่บ้านภรรยาของนายสุพจน์ ยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกวันนี้ยังไม่กล้าดูภาพของสามี แต่พร้อมอโหสิกรรมให้คนร้าย และไม่อยากให้เขาเหล่านั้นทำร้ายใครอีก

เช่นเดียวกับครอบครัวของนายดอเลาะ หะยีตาเยะ แพทย์ประจำตำบลทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต และแย่งชิงอาวุธปืน 9 มม.หลบหนีไปเมื่อวันที่ 31 พ.ค.61 ซึ่งเป็นกระบอกเดียวกับที่พบข้างศพของนายซอบรี ซึ่งห้วงเวลาเพียง 18 เดือน หลังปืนถูกปล้นไป ถูกนำไปใช้ก่อเหตุมากถึง 7 คดี คร่าชีวิตกว่า 20 ศพ ส่วนอาวุธปืนขนาด 11 มม. ข้างศพนายมะยะโก๊ะ ถูกใช้ก่อเหตุตั้งแต่ปี 53 และถูกลบเลขทะเบียนไม่รู้ที่มา แต่ก่อคดีมาแล้ว 9 คดี เสียชีวิต 12 ศพ

นายซอบรี หลำโสะ เคยถูกควบคุมตัวตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุระเบิดห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล เกาะสมุย แต่หลังถูกควบคุมตัวได้ไม่นาน มีการร้องเรียนกดดันให้ปล่อยตัว หลังจากนั้นตรวจพบ DNA และพบภาพของเขาร่วมก่อเหตุหลายครั้ง เช่น คดีปล้นรถจากเต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ และปล้นร้านทองใน อ.นาทวี 

ส่วนนายมะยะโก๊ะ ลาเต๊ะ ถูกเจ้าหน้าที่ระบุว่า เป็นแกนนำระดับหัวหน้าสั่งการ ก่อเหตุอุกฉกรรจ์หลายครั้ง ตรวจพบทั้ง DNA และภาพจากกล้องวงจรปิด โดยเฉพาะเหตุการณ์โจมตี ชคต.ปะกาฮะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งมีหลักฐานสำคัญเป็นภาพเคลื่อนไหว ขณะสั่งการโจมตี ซึ่งยืนยันว่าได้ว่าเป็นภาพของนายมะยาโก๊ะ ลาเต๊ะ ชัดเจน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง