ทำเนียบฯ 26พ.ย.- “จุรินทร์” ให้วิปรัฐบาลเคาะเลือกประธาน กมธ.ศึกษาแก้ รธน. วอนเลี่ยงขัดแย้ง ชี้ไม่ส่งผลดีต่อการแก้ รธน.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ ถึงความไม่ลงตัวในการเลือกประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กับพรรคพลังประชารัฐ ว่า ได้มอบให้ประธานวิปของพรรคไปหารือร่วมกับวิปรัฐบาล ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ให้นำมาชี้แจงในที่ประชุม ส.ส.ของพรรค บ่ายวันนี้ (26 พ.ย.)
เมื่อถามว่า หากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งประธาน กมธ. จะเกิดรอยร้าวภายในรัฐบาลหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในการทำงานร่วมกัน แต่ละพรรคก็มีความเห็นที่แตกต่างกันบ้าง สุดท้ายแล้วจะไปหาข้อยุติในที่ประชุมวิปรัฐบาล
ส่วนกรณีนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ระบุว่า รัฐบาลไม่จริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรค ไม่ได้ประสงค์จะไปกล่าวหาใคร เพราะการทำงานร่วมกันต้องฟังกัน เป็นหัวใจสำคัญของพรรคร่วมรัฐบาล
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนตัวต้องการเห็นผลสัมฤทธิ์ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นรูปธรรม คือ สามารถแก้ได้จริง ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และวุฒิสมาชิก จึงสามารถดำเนินการได้ ต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ยาก เพราะนอกจากจะต้องใช้เสียงกึ่งหนึ่งจากในรัฐสภาแล้ว ในจำนวนเสียงข้างมากจะต้องเป็นเสียงจากฝ่ายค้านจำนวนหนึ่ง และเป็นเสียงจากวุฒิสมาชิกไม่น้อยกว่า 1 ใน 3
“ถ้าทั้ง 3 ฝ่ายไม่เห็นพ้องกัน การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นไปได้ยาก ผมถึงหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง พยายามแสวงหาความร่วมมือ เพราะความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้น ไม่เป็นประโยชน์ต่อการแก้รัฐธรรมนูญ และพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ต้องการที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งกับฝ่ายใด เพราะเรามุ่งหวังผลสัมฤทธิ์” นายจุรินทร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายจุรินทร์ ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับนัดหมายรับยประทานอาหารร่วมกันกับนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงเดือนธันวาคมนี้ และย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว
ขณะที่ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีนายเทพไท พรรคจะต้องไปพูดคุยกับเขา ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล จะไปพูดสร้างความขัดแย้งไม่ได้ เพราะอาจเป็นปัญหาระหว่างกัน แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญเท่ากับการรักษาความถูกต้องของกฎหมายและกติกาของบ้านเมือง .-สำนักข่าวไทย