เกษตรฯ เจรจาจีนอำนวยความสะดวกนำเข้าสินค้าเกษตรไทย

กรุงเทพฯ 25 พ.ย. –  เกษตรฯ ลงนามพิธีสารส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ยืนยันความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล  พร้อมแจงยกระดับคุณภาพการขนส่งผักและผลไม้ มีระบบตรวจสอบย้อนกลับได้  จีนรับเงื่อนไขพร้อมปฏิบัติปีหน้าทุกเส้นทางการขนส่ง



นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยถึงผลการประชุมร่วมกับกระทรวงศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC)  เกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารเพื่อขยายตลาดและเพิ่มมูลค่าการส่งออกระหว่างกัน ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ไทยยังถือโอกาสส่งเอกสารผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพิ่มเติม เพื่อเป็นการยืนยันความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญจากไทยไปจีนด้วย ที่ผ่านมาจีนเสนอร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านการตรวจสอบกักกันผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ส่งออกจากไทยไปจีน เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากไทยไปจีน  ลดปัญหาการตรวจพบสารตกค้างและการปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐาน  และยกระดับการควบคุมคุณภาพ ตลอดจนกระบวนการตรวจสอบและกักกันผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  เพื่อเพิ่มปริมาณและมูลค่าการส่งออกให้สูงขึ้นในอนาคต   


อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า  ฝ่ายไทยโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้หารือเนื้อหาในร่างพิธีสารดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยน้อยที่สุด  พร้อมเสนอฝ่ายจีนพิจารณาปรับแก้เนื้อหาในร่างพิธีสารให้เป็นไปตามท่าทีของฝ่ายไทย  โดยเมื่อเห็นชอบร่วมกันแล้วจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมการเพื่อลงนามต่อไป จากนี้ไปโรงงานที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปจีน ได้แก่ มันเส้น แป้งมันสำปะหลัง กากมันสำปะหลังจะต้องผ่านการตรวจสอบจากกรมวิชาการเกษตรและขึ้นทะเบียนกับ GACC จึงจะสามารถส่งออกได้

“ได้หารือถึงแนวทางการดำเนินการตามข้อตกลงการส่งออกผักและผลไม้จากไทยไปจีน  เพื่อแก้ปัญหาคุณภาพมาตรฐานการขนส่งและการตรวจสอบสินค้าเมื่อถึงปลายทางด่านนำเข้าจีนให้มีความโปร่งใส ชัดเจน  และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ฝ่ายไทยเสนอแผนการปรับปรุงระบบการควบคุมการปิดผนึกซีลตู้คอนเทนเนอร์ โดยได้ออกแบบซีลสำหรับผนึกตู้คอนเทนเนอร์ใหม่ และปรับปรุงรายละเอียดข้อมูลบนฉลากข้างกล่องบรรจุผลไม้ส่งออกไปจีนให้เหมือนกันทุกชนิดผลไม้และทุกเส้นทางการขนส่ง ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ รวมทั้งแก้ไขรูปแบบข้อมูลบนสติ๊กเกอร์ขั้วผลทุเรียนให้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่ต้องระบุบนฉลากข้างกล่อง ซึ่งฝ่ายจีนได้เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในปี 2563” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย