กรุงเทพฯ 21 พ.ย.- นายกฯ เซอร์ไพรส์ลงพื้นที่“ชุมชนบ้านบุ” ไม่นัดหมายล่วงหน้า หวังกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ ขณะเดียวกัน ขอคนไทยเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่รู้แบบงูๆ ปลาๆ แล้วให้คนมาบิดเบือน พร้อมย้ำความจำเป็นที่ยังต้องมีการเกณฑ์ทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 12.00น. วันนี้ (22 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์เ ผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม “ชุมชนบ้านบุ” เขตบางกอกน้อย ดูงานหัตถกรรม “ขันลงหินบ้านบุ” มรดกทางปัญญาที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งควรอนุรักษ์ไว้ กับ ”ตลาดไร้คาน” ซึ่งเป็นการลงพื้นที่โดยไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า
จุดแรก คือ วัดสุวรรณาราม ทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้พูดคุยทักทายกับคณะนักเรียนที่มารอต้อนรับ ก่อนจะถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก และได้เรียกนายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขตบางกอกน้อย มาถ่ายรูป พร้อมกล่าวว่า “รัก ส.ส.ต้องรักนายกฯ ด้วย นายกฯ ก็ต้องรักษา ส.ส. นายกฯ ไม่ได้มีอะไรกับใครอยู่แล้ว” จากนั้น ตัวแทนนักเรียนกล่าวให้การต้อนรับ พร้อมแนะนำสถานที่สำคัญของพื้นที่ในเขตชุมชนบ้านบุ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายอย่างเป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นวัฒนธรรม เป็นอัตลักษณ์ของความเป็นไทย ซึ่งจะหายไปไม่ได้ เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของเราสร้างกันมา
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเข้าสักการะหลวงพ่อพระศาสดา พระประธานในพระอุโบสถ กราบนมัสการพระเทพสุวรรณเมธี เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม ซึ่งได้มอบหลวงพ่อพระศาสดาจำลอง ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว ให้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สนทนาธรรมตอนหนึ่งว่า คนไทยจะต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ไม่ใช่รู้แบบงูๆ ปลาๆ แล้วมีคนมาบิดเบือนได้ เพื่อที่จะได้รักษารากเหง้า และวัฒนธรรมของประเทศไว้
ขณะที่ พระเทพสุวรรณเมธี กล่าวช่วงหนึ่งว่า คนที่จะต้องเข้าเกณฑ์ทหารใหม่ มักจะมาบนที่วัดแห่งนี้ เพราะมีความเชื่อว่า มาบนที่นี่แล้วจะไม่ถูกเกณฑ์ทหาร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเกณฑ์ทหารมีความสำคัญ เป็นผู้ที่ช่วยเหลือสังคม และมีการสร้างความเป็นธรรมให้กับคนทุกคน คนที่เรียนหนังสือสูงๆ ก็มีกฎเกณฑ์ผ่อนผัน จะสมัครเป็นทหารก็ได้ หรือจะมีการผ่อนผันก็ได้ เรามีความเป็นธรรมให้อยู่แล้ว
“จะไม่ให้มีทหาร พอถึงเวลาแล้วจะไปเกณฑ์มา มันไม่ได้ เพราะออกรบไม่ได้ จำเป็นต้องผ่านการฝึก กองหนุนต่างๆ ต้องมี จึงถือว่าวันนี้ทหารยังมีความจำเป็น ไม่เชื่อให้ถาม พล.อ.อนุพงษ์ได้ ผมก็มีความกังวลตรงนี้ เป็นเรื่องการสร้างความเท่าเทียม ไม่ใช่ว่าคนรวยจะไม่ต้องไปเป็น มันไม่ใช่ หลักเกณฑ์เขามีอยู่แล้ว การเตรียมกำลังที่สำคัญคือ การฝึก การเตรียมกำลังช่วงที่ไม่มีภาวะสงคราม เราก็มีขั้นตอนและความพร้อม แบ่งเป็นการเตรียมกำลังกับการใช้กำลัง มีทั้งกองเกิน กองหนุน ถ้าไม่ให้เป็นทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
จากนั้น พระเทพสุวรรณเมธี ได้มอบหนังสือความต้องการของประชาชนในพื้นที่ให้กับนายกรัฐมนตรีด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก่อนจะให้อาหารปลาที่บริเวณท่าน้ำร่วมกับนักเรียน และเดินไปทักทายเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดของ กทม. และถ่ายภาพร่วมกัน โดยเจ้าหน้าที่กทม.ได้เข้ามาสวมกอดนายกรัฐมนตรี พร้อมบอกว่า “ท่านเป็นตัวอย่างในการทำงานของหนูเลยค่ะ” ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะหันไปถามเด็กว่า รู้จักไหมว่าใคร ซึ่งเด็กตอบว่ารู้จัก นายกรัฐมนตรีจึงบอกว่าให้ตั้งใจเรียน
นายกรัฐมนตรียังได้ถามนักเรียนในชุมชนว่า ในชุมชนมีผู้นับถือศาสนาใดบ้าง และว่า ทุกศาสนาเป็นการสร้างความปรองดองให้กับคนในชาติ จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้สวมกอดกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนที่มารอต้อนรับ และถ่ายรูปร่วมกันอย่างอารมณ์ดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปพูดคุยกับบรรดาแม่ค้า ที่นำขนมไทยโบราณในชุมชนมามอบให้ พร้อมจับที่ข้อมือแม่ค้าคนหนึ่ง ซึ่งใส่กำไลทอง และเอามือแม่ค้ามาลูบที่ท้อง แล้วถามว่า “เศรษฐกิจพอยังได้อยู่ไหม มีทองใส่อยู่ แสดงว่าเศรษฐกิจยังพอได้นะ ช่วยๆ รัฐบาลอธิบาย เดี๋ยวมันก็ได้เองแหละ” และได้เดินเข้าไปทักทายผู้สูงอายุถึงในบ้าน สอบถามเรื่องสุขภาพ และอวยพรขอให้อายุยืน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมโรงงานขันลงหินบ้านบุ ซึ่งเป็นมรดกทางปัญญาที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน โดยปัจจุบัน นางเมตตา เสลานนท์ ทายาทรุ่นที่ 6 เป็นผู้สืบทอดงานหัตถกรรมขันลงหิน ซึ่งนางเมตตาได้มอบขันลงหินขนาด 6 นิ้ว ราคาไม่เกิน 3,000 บาทให้นายกรัฐมนตรีเป็นที่ระลึก ขณะที่ นายกรัฐมนตรีได้ซื้อขันลงหินจำนวน 1 ชุด ราคา 16,000 บาท
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับช่างตีขันหิน ซึ่งทำอาชีพนี้ร่วมกับภรรยามากว่า 46 ปีแล้วว่า ให้สืบทอดภูมิปัญญาไม่ให้สูญหายพร้อมบอกให้นางเมตตาดูแลช่างให้ดีที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ ถือเป็นการลงพื้นที่โดยไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า คนในชุมชนรู้ข่าวจากการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี เพียง 30 นาทีเท่านั้น เนื่องจากนายกรัฐมนตรีต้องการเห็นสภาพจริงของชุมน โดยไม่มีการจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า แม้กระทั่งตำรวจในพื้นที่บางส่วน ก็ทราบว่านายกรัฐมนตรีจะมีการลงพื้นที่ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลแล้ว
ทั้งนี้ สาเหตุการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เนื่องจากมีรายงานว่า ชุมชนดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เริ่มซบเซา มีเพียงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบางส่วนเท่านั้น ที่ยังเดินทางมาท่องเที่ยวอยู่ จึงต้องการให้นายกรัฐมนตรีเข้ามากระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว . – สำนักข่าวไทย