มติศาลรัฐธรรมนูญ 7 ต่อ 2 ธนาธรพ้นสภาพส.ส.

ศาลรัฐธรรมนูญ 20 พ.ย.- มติศาลรัฐธรรม 7 ต่อ 2 “ธนาธร” พ้นสถานภาพ ส.ส. ตั้งแต่ 23 พ.ค. พบพยานแวดล้อม – พฤติการณ์  มีข้อพิรุธไม่อาจหักล้างคำอ้างโอนหุ้นตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.62 


ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย โดยมีมติ  7 ต่อ 2 ว่า  สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 ( 6) ประกอบมาตรา  98 ( 3)  จากเหตุถือครองหุ้นสื่อบริษัทวี- ลัค มีเดีย จำกัด  ขณะลงสมัครรับเลือกตั้ง   โดยให้เหตุผลว่าการที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้นำลักษณะต้องห้ามในการลงสมัคร ส.ส.กรณีการห้ามถือหุ้นสื่อ มาเป็นเหตุแห่งการสิ้นสุดสมาชิกภาพ ก็เพื่อไม่ให้ผู้เป็นเจ้าของสื่อ  อาศัยความเป็นได้เปรียบ หรือความเป็นเจ้าของกิจการ  เผยแพร่ข่าวสารที่เป็นประโยชน์หรือโทษ  หรือครอบงำสื่อมวลชนทำให้สื่อไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลาง  ซึ่งการไต่สวนและดำเนินการยื่นคำร้องของ กกต.ต่อศาลรัฐธรรมนูญ  เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสี่ ถือว่าชอบด้วยกฎหมายแล้ว  

ส่วนที่นายธนาธร อ้างว่า  บริษัทวี-ลัค มีเดีย ไม่ได้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใด ๆ  และได้ปิดกิจการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561   แต่เมื่อพิจารณาตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ แล้วเห็นว่า กิจการสื่อสิ่งพิมพ์หมายความรวมถึงวารสารและนิตยสารด้วย และเมื่อเจ้าของกิจการประสงค์จะเลิกกิจการต้องแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทราบเพื่อภายใน 30 วัน  แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าบริษัทวี-ลัค มีเดียไปจดแจ้งยกเลิกการพิมพ์ก่อนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2562  ซึ่งเป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ส่งรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ


นอกจากนี้ บริษัมวี-ลัค มีเดีย ยังจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการโฆษณาในหนังสือพิมพ์ แผ่นป้าย กระจายเสียงทางวิทยุ โทรทัศน์ และเคเบิ้ลทีวี  งบการเงินที่ยื่นต่อกรมธุรกิจการค้า  กระทรวงพาณิชย์ รอบปี 59, 60 และ 61 ก็ระบุว่ามีรายได้จากการโฆษณา  ดังนั้นแม้ว่าบริษัทวี-ลัคมีเดียจะอ้างว่าหยุดกิจการ เลิกจ้างพนักงานตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 เป็นต้นมา และแจ้งต่อสำนักงานประกันสังคมแล้ว  แต่บริษัทยังสามารถประกอบกิจการอีกเมื่อไรก็ได้ จนกว่าจะจดทะเบียนแจ้งยกเลิกกิจการ  บริษัท วี-ลัคมีเดีย  จึงถือเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการสื่อมวลชนอยู่จนถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. 

สำหรับที่นายธนาธร อ้างว่า ในวันสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ นายธนาธรไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดียแล้ว เพราะได้โอนหุ้นให้นางสมพร ตั้งแต่วันที่  8 มกราคม 2562 แต่จากการไต่สวนพบว่า  แบบสำเนารายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5)  ที่ยื่นต่อกรมธุรกิจการค้าในวันที่ 12 มกราคม 2558 และ 21 มีนาคม 2562  ยังปรากฏชื่อนายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทดังกล่าวจำนวน 675,000 หุ้น  จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 จึงมีการส่งสำเนา บอจ. 5 ระบุว่านางสมพรเป็นผู้ถือหุ้นดังกล่าว

ส่วนที่อ้างว่ามีการโอนหุ้นที่ปรากฏตามตราสารการโอนหุ้น มีลายมือชื่อ น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม น.ส.กานต์ฐิตา อ่วมขำ เป็นพยาน และมีการจ่ายค่าตอบแทนในการโอนหุ้นจำนวน  6.7 ล้านบาท  เป็นเช็คธนาคารกรุงศรีฯ ลงวันที่ 8 มกราคม 2562  สั่งจ่ายนายธนาธร ต่อมามีการโอนหุ้นให้นายทวี จรุงสถิตพงศ์ และโอนกลับคืนให้นางสมพร โดยไม่มีค่าตอบแทน ทำให้ต้องวินิจฉัยในข้อเท็จจริงว่านายธนาธรโอนหุ้นจริงหรือไม่   โดยพบว่าในทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย จะมีการส่งรายชื่อตาม บอจ. 5 ให้กรมธุรกิจการค้าโดยเร็ว  เป็นปกติทุกครั้ง เช่น ในปี 2552 จัดส่งบัญชีภายในวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น หรือในการประชุม ปี 2558  ก็จัดส่งบัญชีภายในวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น   ซึ่งเป็นการโอนหุ้นของนางสมพรให้นายธนาธร


แต่การโอนหุ้นในวันที่ 8 มกราคมกลับไม่ปรากฏการส่งสำเนา บอจ.5 ทั้งที่เป็นหลักฐานสำคัญในการเข้าสู่การเมืองของนายธนาธร จึงถือว่าผิดปกติไปจากที่ผ่านมา ทั้งหลักฐานดังกล่าวมีความสำคัญอย่างมากต่อการที่นายธนาธรจะเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะถ้าไม่โอนก่อนวันสมัคร ก็จะทำให้มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัคร การแก้ข้อกล่าวหาว่าที่ไม่ส่งสำเนา บอจ. 5 ในทันที เพราะมีการเลิกจ้างพนักงาน จึงไม่มีนักบัญชีมาติดตามจัดการหลักฐานทางทะเบียน ดังเช่นตลอด  10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การของน.ส.ลาวัลย์ ที่ระบุว่า สามารถทำได้ถ้ามีคำสั่งให้ทำ  เพราะน.ส.ลาวัลย์มีหน้าที่แจ้งแบบสำเนา บอจ. 5  อยู่แล้ว  ประกอบกับการยื่นเอกสารดังกล่าว  สามารถกระทำได้โดยไม่มีความยุ่งยาก โดยบริษัทวี-ลัค มีเดีย จัดส่งสำเนา บอจ. 5 งบดุลทางอิเล็กทรอนิกส์ มาตั้งแต่ปี 2559 -2561 

ส่วนประเด็นที่นางสมพรสั่งจ่ายเช็คค่าหุ้นวงเงิน 6,750,000 บาท  แต่กลับนำเช็คไปขึ้นเงินตรงกับวันที่ กกต. ส่งคำร้องให้ศาลวินิจฉัย  ซึ่งเป็นเวลานานถึง 128 วัน   ทั้งที่ประมวลกฎหมายแพ่ง  กำหนดให้ผู้ถือเช็คมีหน้าที่นำเช็คไปยื่นต่อธนาคารเพื่อให้ขึ้นเงินภายใน 1 เดือน กรณีเช็คต่างเมืองให้เวลา 3 เดือน  คดีนี้เป็นเช็ค ธนาคารกรุงศรีอยุธยา อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เจ้าของเช็คจึงมีหน้าที่นำไปขึ้นเงินภายในวันที่  8 กุมภาพันธ์ 2562  และเมื่อตรวจสอบย้อนหลัง 3 ปี พบว่า เช็ควงเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป บริษัทวี-ลัค มีเดีย จะเรียกเก็บเงินภายใน  42-45 วัน แต่ในการเรียกเก็บเช็ค ฉบับลงวันที่ 8 มกราคม 2562   กลับใช้เวลาถึง 128 วัน  ส่วนเช็คบางฉบับที่ใช้เวลา 98 วันในการขึ้นเงิน ก็มียอดเงินเพียง 27,000 บาทเท่านั้น

“ข้ออ้างที่นางรวิพรรณเบิกความว่าไม่สะดวกจะนำเช็คไปขึ้นเงิน  เพราะต้องดูแลบุตรซึ่งเป็นเด็กทารก  รวมถึงยังอ้างว่าทนายความนำเช็คต้นฉบับไปใช้ต่อสู้คดี ก็ขัดแย้งกับหนังสือของกกต. ที่ชี้แจงต่อเลขา กกต. ว่า นายธนาธรส่งสำเนาเช็คมาชี้แจงเท่านั้นไม่ได้ส่งเช็คต้นฉบับมาแต่อย่างใด  แสดงให้เห็นว่านางรวิพรรณสามารถนำเช็คเข้าบัญชีได้ตั้งแต่ 9 มกราคม 2562   ข้อโต้แย้งจึงไม่มีน้ำหนัก เชื่อถือไม่ได้ เพราะเป็นเช็คขีดคร่อม  โอนไปยังบุคคลอื่นไม่ได้ สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนได้  เพราะนางรวิพรรณก็ไม่มีชื่อเป็นผู้รับเงินตามเช็ค  จึงไม่ต้องรอเวลาถึง 4 เดือนเศษ” คำวินิจฉัยระบุ 

สำหรับประเด็นที่นางสมพรโอนหุ้นให้แก่นายทวี หลานชาย แล้วต่อมาได้โอนกลับคืนนางสมพรนั้น ศาลเห็นว่า การโอนหุ้นให้และการโอนหุ้นคืน โดยไม่มีค่าตอบแทนตามที่อ้างความสัมพันธ์เครือญาติ  ย้อนแย้งกับการโอนหุ้นของนายธนาธร ให้กับนางสมพร   แม้นางสมพรจะอ้างว่าต้องการให้นายทวีเข้ามาช่วยฟื้นฟูกิจการ แต่การโอนหุ้นโดยไม่มีค่าตอบแทนทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้  เพราะเอกสารต่าง ๆ บริษัท วี-ลัคมีเดีย  สามารถจัดการได้เองในภายหลัง  อีกทั้งการโอนหุ้นคืนภายในเวลา 2 เดือนเศษ  โดยอ้างว่าศึกษาแล้วต้องใช้เงินลงทุนอีกหลายล้านบาท 

ข้อเท็จจริงส่วนนี้ขัดกับปกติวิสัยของนักลงทุนทั่วไป ที่ต้องศึกษาแผนและทดลองปฏิบัติตามแผนเสียก่อน และเมื่อเทียบกับสถานะทางเศรษฐกิจของนางสมพรแล้ว การอ้างว่ากิจการวี-ลัค มีเดีย มีหนี้สิน 10 ล้านบาท ก็ต่างจากงบดุลที่นำส่ง โดยแจ้งว่ามีลูกหนี้เพียง 2 ล้านบาทเศษ  จำนวนเงินดังกล่าวไม่ตรงกัน   หนี้สินจำนวนไม่มาก การทวงถามและวิเคราะห์โครงสร้าง สามารถให้ทนายความหรือผู้เชี่ยวชาญดำเนินการแทนได้  โดยไม่จำเป็นต้องโอนหุ้นให้หลานก็ได้   เพราะการเป็นผู้ถือหุ้นไม่มีอำนาจบริหาร  ติดตามหนี้สิน หรือบริหารเงินสด  การที่ผู้ถูกร้องอ้างว่าโอนหุ้นกันในวันที่ 8 มกราคม 2562  โดยมีพยานบุคคลกลุ่มเดียวกัน  เมื่อพิจารณาจากเอกสารหลักฐานต่าง ๆ แล้ว เห็นว่าล้วนเป็นการกล่าวอ้างเพียงให้เจือสมกับหลักฐานที่ปรากฏตาม บอจ. 5  ที่โอนหุ้นกลับคืนจากนายทวี 

ส่วนข้อโต้แย้งเรื่องการเดินทางกลับจากการปราศรัยใน จ.บุรีรัมย์ มายังบ้านพักในกรุงเทพฯ ในวันที่ 8 ม.ค.62  เพื่อโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย  ให้กับนางสมพรนั้น แม้จะฟังได้ว่าเดินทางกลับมาจริง  แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่านายธนาธรอยู่ใน กทม.เท่านั้น  ไม่ได้หมายความว่ามีการโอนหุ้นในวันดังกล่าวจริง   เพราะการโอนหุ้นต้องพิจารณาจากหลักฐานทั้งปวง แม้นายธนาธร จะมีพยานหลักฐานมาแสดง  แต่การโอนหุ้นจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อต้องจดแจ้งต่อนายทะเบียน

“กรณีจึงมีข้อพิรุธหลายจุด  หลายประการ สอดรับแน่นหนาจากพฤติการณ์แวดล้อม มากกว่าพยานของนายธนาธร และมีน้ำหนักหักล้างพยานของธนาธร   ดังนั้นฟังได้ว่านายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย ซึ่งประกอบกิจการสื่อสิ่งพิมพ์ ในวันที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ทำให้สมาชิกภาพของนายธนาธรสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ  ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลได้สั่งให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่  และให้ถือว่าวันที่ศาลอ่านคำวินิจฉัย หรือวันนี้ (20 พ.ย.)  เป็นวันที่ตำแหน่ง ส.ส.ว่างลง ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อเลื่อนรายชื่อ ส.ส.ในลำดับถัดไปแทนตำแหน่งที่ว่างลงภายใน 7 วัน” คำวินิจฉัย ระบุ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  สำหรับ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะเลื่อนลำดับขึ้นมาแทนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากสมาชิกภาพ ส.ส. จากการถือครองหุ้นสื่อ คือ นายมานพ คีรีภูวดล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 51 พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ .-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย