กรุงเทพฯ 18 พ.ย. – “ธรรมนัส” ฟันธง “ปารีณา” ขาดคุณสมบัติครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. สั่งด่วนเลขาฯ ส.ป.ก.ประสานกรมป่าไม้ตรวจสอบแนวเขต ล่าสุดติดป้ายหน้าแปลงเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ห้ามบุคคลภายนอกเข้าแล้ว
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีฟาร์มไก่ “เขาสนฟาร์ม” ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เนื้อที่กว่า 1,706 ไร่ หมู่ที่ 6 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน โดยนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) รายงานว่า ปฏิรูปที่ดินจังหวัดราชบุรีเข้าไปติดป้ายหน้าฟาร์มไก่ว่า เป็นพื้นที่ของ ส.ป.ก. บุคคลภายนอกห้ามเข้า จากนั้นจะเร่งตรวจสอบแนวเขตให้ชัดเจน
ส่วนที่ดิน ส.ป.ก.เขตอำเภอสวนผึ้งกว่า 600 ไร่ ที่มีกระแสข่าวว่าเป็นของครอบครัว น.ส.ปารีณานั้น ได้สั่งให้ตรวจสอบทุกแปลงเช่นกันกำชับให้ทำเร็วที่สุด โดยช่วงเช้าวันนี้ (18 พ.ย.) น.ส.ปารีณา มาพบเลขาธิการส.ป.ก. แล้ว เนื่องจากตามขั้นตอนเจ้าหน้าที่สำนักจัดการแผนที่และสารบบที่ดินจะเข้าตรวจสอบนั้น ผู้ครอบครองต้องนำชี้แนวเขต
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า สั่งการให้เลขาธิการ ส.ป.ก.แถลงข้อเท็จจริงให้เกิดความชัดเจนแก่สังคมถึงการตรวจสอบการครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.โดยมิชอบนั้น แม้จะเป็นนักการเมืองพรรคเดียวกันก็ต้องทำโดยไม่ล่าช้า ที่ผ่านมามอบนโยบายชัดเจนให้ปฏิบัติมาตรฐานเดียวกันตามกฎหมาย ในวันเดียวกันนี้เลขาธิการส.ป.ก.ได้เชิญนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ มาหารือ เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวส่วนหนึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตป่าไม้ถาวร จึงต้องดำเนินการร่วมกัน
ส่วนกรณี น.ส.ปารีณา จะขอเช่าพื้นที่ ส.ป.ก. เพื่อดำเนินกิจการฟาร์มเลี้ยงไก่ต่อนั้น ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ไม่น่าจะเช่าได้ เพราะคุณสมบัติไม่ตรงตาม พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร เจตนารมณ์ของกฎหมายส.ป.ก.ในการให้บุคคลเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดิน ระบุคุณสมบัติชัดเจนว่าต้องเป็นเกษตรกร โดยจะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำการเกษตร แต่ น.ส.ปารีณา เป็น ส.ส. คุณสมบัติข้อต่อมา คือ ไร้ที่ทำกิน และต้องใช้ที่ดินทำเกษตรกรรม ทั้งนี้ มอบหมายให้เลขาธิการ ส.ป.ก.ตรวจสอบและชี้แจงรายละเอียด
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า มีนักการเมืองหลายคนครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งให้ปฏิรูปที่ดินจังหวัดตรวจสอบการครอบครองที่ดินทุกแปลงอย่างละเอียดแล้วรายงานมาว่า จัดสรรให้เกษตรกรไปแล้วเท่าไร ถือว่าจะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ เพราะการครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องแก้ปัญหา
แหล่งข่าวระดับสูงด้านกฎหมายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระบุว่า หากตรวจสอบชัดเจนว่า น.ส.ปารีณา ขาดคุณสมบัติในการครอบครองพื้นที่ ส.ป.ก.เท่ากับเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินของรัฐโดยมิชอบ สำหรับพื้นที่แปลงนี้มีเขตป่าไม้ หากกรมป่าไม้ใช้ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 22 และ 24 มาดำเนินการ เจ้าหน้าที่ป่าไม้สามารถเข้าจับกุมและนำตัวออกจากพื้นที่ได้ทันที แต่ตาม พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินนั้น เจ้าหน้าที่ส.ป.ก.ไม่มีอำนาจจับกุม จากนี้จึงต้องไปฟ้องร้องดำเนินคดีทางแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายจากการทำให้สภาพที่ดินของ ส.ป.ก.เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมและค่าชดเชยจากการที่รัฐไม่สามารถนำที่ดินมาใช้ประโยชน์ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายได้ หากตรวจสอบแนวเขตแล้ว ผลปรากฏชัดเจนว่าครอบครองเกิน 500 ไร่ สามารถใช้คำสั่ง คสช.ที่ 36/2560 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ยึดคืนหลวงได้ทันที ซึ่งหากผู้ครอบครองไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐให้ร้องศาลปกครองพิจารณาหาข้อยุติ
มีรายงานว่าวันนี้ น.ส.ปารีณาได้เข้าพบ ร.อ.ธรรมนัส พร้อมแสดงหลักฐานใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท.5) 58 แปลง ที่เนื้อที่ 1,706 ไร่ ทำเป็นฟาร์มไก่ โดยมีเลขาธิการ ส.ป.ก.ร่วมรับทราบด้วย ซึ่ง น.ส.ปารีณายอมรับว่าเป็นพื้นที่ที่ตนเองเข้าทำประโยชน์ โดยเป็นของนายทวี ไกรคุปต์ บิดา โดยยินยอมให้ตรวจสอบพื้นที่ทุกแปลง
ทั้งนี้ พื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่ง ส.ป.ก.ยังไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการจัดสรรสิทธิ์ บางส่วนเป็นพื้นที่ป่าไม้ ร.อ.ธรรมนัส จึงมอบหมายให้เลขาธิการ ส.ป.ก.ประสานงานกับอธิบดีกรมป่าไม้ โดยร่วมกันวางแนวทางการทำงาน กำหนดวันและเวลาเข้าตรวจแนวเขตพื้นที่ให้เกิดความชัดเจน จากนั้นเข้าสู่การดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน.-สำนักข่าวไทย