กกต. 5 ส.ค. – “ทนายอั๋น” ร้อง กกต. สอย สว.กลุ่ม 16 ถือหุ้นสื่อฯ เข้าข่ายขาดคุณสมบัติ หลักฐานเป็น หจก.รับทำสื่อชัดเจน รับงานอีเวนต์ยะลาจัดเบิ้มๆ พร้อมเตรียมยื่นหลักฐานขอ กกต. ฟัน สว. ถือหุ้นสื่อ-นอมินี เชื่อหลุดแน่
นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มที่ 16 ศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง นักกีฬา รายหนึ่งที่มีคะแนนต้นๆ กรณีการถือครองหุ้นสื่อฯ เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามการเป็น สว. หรือไม่
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า สว.รายดังกล่าว มีชื่ออยู่ในห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยเมื่อดูหนังสือบริคณห์สนธิที่ได้จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบมีการระบุว่าประกอบกิจการสื่อโฆษณา รวมถึงจัดจำหน่ายภาพยนตร์ และประกอบกิจการจำหน่ายและผลิตสื่อการเรียนการสอนเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ต่างๆ ตนจึงมาถาม กกต. ว่าจากหนังสือบริคณห์สนธิของห้างหุ้นส่วนดังกล่าว คือการถือหุ้นสื่อและกิจการสื่อสารมวลชนใดๆ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. 2561 มาตรา 14 (3) และขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 ข (1) หรือไม่
นายภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า สว.รายนี้ถือหุ้นใหญ่ในห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าว อีกทั้งเมื่อเดือนเมษายน ยังได้รับงานจัดซื้อจัดจ้างจากภาครัฐ จ.ยะลา เพื่อจัดอีเวนต์ โดยมีวงเงินจำนวน 2-3 ล้านบาท ได้มีการประกาศในระเบียบของราชการ ซึ่งได้ประกาศเป็นการทั่วไปให้บริษัทสื่อสารมวลชนเข้ามาประมูล อยากถามว่า กกต. จะใช้มาตรฐานเดียวกันกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพราะห้างหุ้นส่วนจำกัดของ สว.รายดังกล่าวประกอบกิจการสื่อฯ ชัดเจน โดยส่งหนังสือไปถามกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือส่งหนังสือไปถามจังหวัดดังกล่าว ซึ่งก็คือ จ.ยะลา นั่นเอง อีกทั้ง กกต. ไม่จำเป็นต้องเรียก สว.คนดังกล่าวเข้ามาให้ถ้อยคำ เพราะข้อเท็จจริงชัดเจนอยู่แล้ว กกต. มีหน้าที่เพียงแค่รวบรวมหลักฐานในการไต่สวน และส่งไปศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย
นายภัทรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเตรียมยื่นให้ กกต. สอบคุณสมบัติ สว.ที่เกี่ยวข้องกับบ้านใหญ่ 4-5 คนในกลุ่ม 16 มีการถือหุ้นในลักษณะที่ผิดกฎหมาย เช่น เป็นนอมินี รวมไปถึง สว.ที่เคยเป็นอดีตคนขับรถให้กับบ้านใหญ่ โดยจะยื่นให้ตรวจสอบหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในคดียุบพรรคก้าวไกล มั่นใจว่าสามารถสอยได้
นอกจากนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้เข้าให้ข้อมูลต่อ กกต. ในคำร้องขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมเอกสารของพนักงานสอบสวน คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะส่งเรื่องเข้าสู่คณะทำงานไต่สวน ก่อนส่งเรื่องให้กับนายทะเบียนพรรคการเมือง และตนขอพูดโดยไม่มีอคติต่อ พญ.เกศกมล จะไปไม่รอด ต่อให้ กกต. ไม่ทำอะไร สว. ก็มีอำนาจในเรื่องจริยธรรม เช่นเดียวกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ตนจะรอติดตามว่า กกต. จะอุ้มทั้ง 200 คน คาดว่า กกต. จะค่อยๆ สอย บวกกับหน่วยงานตรวจสอบ ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไม่น่าจะปล่อยผ่านในเรื่องนี้
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ สว. มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ตนจะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวล้อม ให้ตรวจสอบเรื่องเขากระโดง เพื่อให้ทราบว่าใครเป็นสีน้ำเงิน หรือใครเกี่ยวข้องกับเจ้าพ่อเขากระโดง งานนี้จะได้รู้กัน.-314-สำนักข่าวไทย